หากพูดถึงคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แน่นอนว่าหลายคนคงนึกถึงคดีสลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ที่นำมาสู่การเสียชีวิตของชาวบ้าน 78 คนจากการขนย้ายไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2547 กับคดียิงถล่มมัสยิดกรือเซะที่ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเข้าไปหลบและยึดเป็นที่กำบัง อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันกว่า 11 จุด รวมผู้เสียชีวิต 106 ศพเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547
ยังมีอีกคดีหนึ่งที่อยู่ในความสนใจของคนในพื้นที่ด้วยเช่นกัน แม้ว่าสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไม่มีทีท่าจะลดลงก็ตาม นั่นคือ คดีสังหารทีมฟุตบอลสะบ้าย้อย 19 ศพ เหตุเกิดที่หน่วยบริการประชาชนตลาดสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งเกิดเหตุวันเดียวกับที่มัสยิดกรือเซะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
สำหรับคดีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพนักฟุตบอลทั้ง 19 คน นั้น ที่ผ่านมาศาลจังหวัดสงขลาได้นัดไต่สวนพยานไปแล้วกว่า 20 ปาก จากทั้งหมด 61 ปาก โดยปากแรกเริ่มไต่สวนตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2548 ล่าสุดศาลจังหวัดสงขลาได้ไต่สวนพยานปาก ส.ต.อ.
โดย ส.ต.อ.ประวิทย์ ถูกนำตัวมาเบิกความเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน 2550 ที่ผ่านมา
สำหรับพยานปาก ส.ต.อ.
โดยศาลเห็นว่า พยาน 3 ปากแรกนั้นได้มีการส่งหมายไปแล้วเป็นครั้งที่สอง และไม่มาศาลทั้งสองครั้ง โดยครั้งแรกมีการอ้างเหตุไม่มาศาลนั้น สำหรับ ส.ต.อ.ประวิทย์ ได้มีหนังสือจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอสะบ้าย้อย อ้างว่าอยู่ระหว่างลาพักผ่อน ไม่สามารถติดตามตัวได้ ส่วน อส.อรุณ ได้ติดตามนายอำเภอไปที่กรุงเทพมหานครเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนครั้งที่สองคือครั้งนี้ไม่มีการอ้างเหตุไม่มาศาล
ขณะที่พยานอีก 2 ปาก คือ จ.ส.ต.
ศาลเห็นว่า พยานทั้ง 5 ปากเป็นพยานปากสำคัญ
ทั้งนี้ ในวันนัดไต่สวนวันที่ 12 พฤศจิกายน 2550 ที่ผ่านมานั้น พยานทั้ง 3 ปากที่ถูกออกหมายจับได้เดินทางมาศาลจังหวัดสงขลาด้วย โดยทนายญาติผู้ตายได้เบิกตัวพยานปาก ส.ต.อ.
วันที่ 12 มีนาคม 2551 เวลา 13.30 น. สืบพยานปาก ส.ต.อ.
สำหรับเหตุที่มีวันนัดไม่ต่อเนื่องกัน เนื่องจากทั้งศาล พนักงานอัยการและทนายญาติผู้ตาย ไม่มีวันว่างตรงกันและมิได้เข้าระบบต่อเนื่องซึ่งอาจล่าช้ากว่านี้อีกร่วมปี จึงได้สืบพยานแทรกวันว่างเฉพาะช่วงบ่าย
อนึ่ง พนักงานอัยการแจ้งด้วยว่านาย
สำหรับคำเบิกความ ส.ต.อ.ประวิทย์ ในวันดังกล่าว เบิกความสรุปว่า วันเกิดเหตุข้าพเจ้าได้รับคำสั่งจาก ร.ต.อ.
ร.ต.อ.อุทัยได้เจรจากับผู้ก่อเหตุนาน 20 นาทีโดยให้ยอมมอบตัว แต่ไม่มีกำหนดเวลาว่าให้มอบตัวเมื่อใด ผู้ก่อเหตุตอบกลับมาว่า เราสู้ตายและมีเสียงพูดยาวีซึ่งตนไม่เข้าใจ ขณะนั้นตำรวจไม่ได้ใช้ปืนยิงแต่อย่างใด คงมีแต่ฝ่ายผู้ก่อเหตุซึ่งใช้ปืนยิงออกมาจากร้านอาหารสวยนะ
เขาเบิกความด้วยว่า วันเกิดเหตุตนไม่ได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ก่อเหตุคนใด และไม่เห็นเจ้าหน้าที่คนใดใช้อาวุธปืนยิงฝ่ายผู้ก่อเหตุ โดยตนยืนอยู่บริเวณกำแพงนาน 30 นาทีเสียงปืนจึงสงบลง คาดว่าขณะนั้นเป็นเวลา 08.30 นาฬิกา
นั่นเป็นคำเบิกความบางส่วนของ ส.ต.อ.ประวิทย์ ก่อนที่ศาลจะเลื่อนนัดสืบพยานในครั้งต่อไป
ก่อนหน้านี้ พยานหลายปากโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบิกความสรุปว่า เหตุการณ์เริ่มขึ้นเวลาประมาณ 05.30 น. วันที่ 28 เมษายน 2547 โดยมีชาย 2 คน ถือมีดวิ่งลงจากรถจักรยานยนต์ ตรงมายังบังเกอร์ด้านหน้าหน่วยบริการประชาชนตลาดสะบ้าย้อย ขณะนั้นมี จ.ส.ต.
แม้อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ยังต้องเผชิญกับความรุนแรงหลายครั้งตามมา จนมีผู้เสียชีวิตอีกจำนวนมาก ทั้งคนไทยพุทธและมุสลิม แต่วันนี้ยังมีชาวบ้านบางส่วนยังใจจดใจจ่อรอฟังผลการพิจาณาของศาลว่าจะมีคำสั่งออกมาเช่นไร ผู้ตายคือใคร ใครทำให้ตายและตายอย่างไร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150
เพราะยังมีบางสิ่งที่ค้างคาใจชาวบ้าน ทั้งเหตุใดพวกเขาถึงตายในที่เดียวกัน ลักษณะบาดแผลคล้ายๆ กัน ถูกไล่ต้อนจนหมดทางหนีหรือไม่ พวกเขายังคงรอผลการพิจารณาของศาล แม้จะอีกนานก็ตาม