Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่โรงแรมเรดิสัน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำแถลงการณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว ชี้แจงกรณีที่นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แถลงต่อสื่อมวลชนว่าคตส.จะแจ้งความกล่าวโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวในคดีซุกหุ้นและการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตสืบเนื่องมาจากกรณีการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตและกรณีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าให้พม่ากู้เงิน 4,000 ล้านบาท โดยเนื้อหาแบ่งเป็น 4 หัวข้อ มีข้อความบางส่วนว่า


 


1.คตส. เป็นองค์กรที่สิ้นสภาพไปแล้วหลังจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ประกาศใช้ ดังนั้นการที่ คตส. นำเอาประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 มายึดถือและใช้เป็นหลักในการดำเนินคดีตลอดจนใช้อำนาจออกคำสั่งต่างๆ อยู่จนทุกวันนี้ จึงเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 และไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรม ตลอดระยะเวลา 15 เดือนที่ผ่านมา คตส. ก็ไม่เคยแสดงหลักฐานใดๆ เลยที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าข้าพเจ้ากระทำการทุจริต หากข้าพเจ้ากระทำผิดจริง คตส. ย่อมจะต้องแสดงพยานหลักฐานให้เป็นที่ประจักษ์ และยุติการไต่สวนโดยส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อศาลฎีกาได้แล้ว แต่ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า คตส. ยังคงดำเนินการไต่สวนหาพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อเอาผิดกับข้าพเจ้าอยู่ จึงเห็นได้ชัดว่า คตส. ไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ที่จะแสดงให้เห็นว่าข้าพเจ้าได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง


2.ขอเรียนยืนยันต่อพี่น้องชาวไทยว่า อย่าได้หวั่นไหวไปกับการให้ข่าวของบุคคลใดที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของข้าพเจ้าและครอบครัวเพื่อหวังผลทางการเมือง ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งก็จะมีการแถลงข่าวและการดำเนินการในทำนองเดียวกันนี้เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดและเสื่อมศรัทธาในตัวข้าพเจ้าและครอบครัว และเป็นการมุ่งทำลายชื่อเสียงและความศรัทธาที่ประชาชนมีในตัวข้าพเจ้า จึงขอให้พี่น้องประชาชนโปรดพิจารณาตามความเป็นจริงด้วยหัวใจที่เป็นธรรม คงจะตระหนักถึงความลักลั่นสองมาตรฐานในการดำเนินการต่าง ๆ ทั้งที่เป็นการดำเนินการตามนโยบายที่ประกาศไว้ต่อรัฐสภา เช่น กรณีการออกสลากเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัว คตส. กล่าวอ้างว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและดำเนินคดีกับข้าพเจ้าและบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบันก็ได้มีการออกสลากพิเศษ 2 ตัว และ 3 ตัว จำนวนถึง 4 งวดแต่กลับไม่ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด  หรือนโยบายการออก สปก. 4-01 ในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ภายหลังว่าศาลได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนและคืนที่ดิน สปก. แก่รัฐ เพราะการออก สปก. ไม่ได้ให้แก่เกษตรกรผู้ยากไร้จริง แต่คณะรัฐมนตรีในขณะนั้นก็ไม่ต้องรับผิดชอบเพราะเป็นการดำเนินการตามนโยบาย ไม่ถือเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบ และเป็นการแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง
  
3.ข้าพเจ้าขอกราบเรียนยืนยันต่อพี่น้องประชาชนชาวไทยว่าไม่เคยมีพฤติกรรมที่ทุจริต หรือประพฤติมิชอบในการบริหารราชการแผ่นดิน ในขณะที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ข้าพเจ้ามุ่งจะแก้ปัญหาความยากจน ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน และมุ่งสร้างสรรค์ความสุข ความมั่นคั่งและโอกาสในความเจริญก้าวหน้าแก่พี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และโครงการอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งพี่น้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบทย่อมทราบดีถึงผลงานที่ผ่านมาของรัฐบาลภายใต้การนำของข้าพเจ้าว่าเป็นโครงการที่ดี มีประโยชน์และพิสูจน์แล้วว่า นโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของข้าพเจ้าทำได้จริงและทำไปเพื่อความสุขและประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
 
4.แม้ว่าข้าพเจ้าจะถูกกล่าวหาและดำเนินคดีต่างๆ มากมาย แต่ก็ยังคงมีจิตใจแน่วแน่ที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์และยุติธรรมของข้าพเจ้าและครอบครัว ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองกลุ่มบุคคลที่กลั่นแกล้งให้ร้ายทางการเมืองต่อแต่อย่างใด และแม้ว่าข้าพเจ้าและครอบครัวจะถูกอายัดทรัพย์สินที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงโดยสุจริต แต่ข้าพเจ้าก็อดทนและรอเวลาที่จะพิสูจน์ความจริงให้แก่สาธารณชนรับทราบว่าข้าพเจ้าและครอบครัวไม่ได้กระทำความผิดต่างๆ ตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด และข้าพเจ้ายังมีความรักและห่วงใยต่อประเทศชาติและพี่น้องชาวไทยทุกคน และเหนือสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้ามีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์  โดยข้าพเจ้าและครอบครัวพร้อมที่จะต่อสู้คดีและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในศาลสถิตยุติธรรม โดยข้าพเจ้าจะเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม


นายนพดล กล่าวแถลงตอบโต้กรณีที่กรมสรรพกรอ้างว่านายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรทั้งสองไม่สามารถนำเงินที่ คตส.สั่งอายัดมาใช้ค้ำประกันทุเลาการบังคับคดี กรณีที่ถูกประเมินภาษีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทว่า เรื่องนี้เคยมีคำพิพากษาของศาลฎีการวินิจฉัยว่าตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาสั่งอายัดทรัพย์สินก็สามารถนำทรัพย์ดังกล่าวมาค้ำประกันได้ บุตรทั้งสองของพ.ต.ท.ทักษิณ ปฏิบัติตามระเบียบสรรพกรโดยชอบทุกประการ หากกรมสรรพกรเข้าทรัพย์ เช่นรถยนต์หรือที่ดินของนายพานทองแท้จะเราจะขอให้เพิกถอนคำสั่งอายัด และจะฟ้องร้องต่อกรมสรรพกรฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนกรณีที่นายแก้วสรรออกมาให้สัมภาษณ์ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อาจถูกจำคุกถึง 26 ปีทั้งที่แม้แต่สำนวนก็ยังไม่ได้สรุปนั้น ถือเป็นเพียงการทำลายความน่าเชื่อถือพ.ต.ท.ทักษิณและข่มขวัญฝ่ายตรงข้าม แต่กลับส่งผลในทางตรงกันข้าม ประชาชนให้คะแนนสงสารเราเพิ่มขึ้น 


" พ.ต.ท.ทักษิณ ทำทุกอย่างถูกต้อง มีภรรยากี่คนก็แจ้งบัญชีต่อ ปปช.หมด แต่พ.ต.ท.ทักษิณ มีภรรยาแค่คนเดียว หลังประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประเทศ คตส.คงต้องไปศาลบ่อยหน่อย มีคดีเยอะที่ คตส.ทำกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมุนษย์ต้องเป็นไปตามกรรม เมื่อฟ้าสว่างจะช่วยให้การตรวจสอบ คตส.ชัดเจนยิ่งขึ้น" นายนพดล กล่าว


 


-------------------------------


ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net