Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


มาร์กหวิดเดี้ยงรถพุ่งชน 6 ล้อวางบึ้มศูนย์ประสานงานพปช.


เว็บไซต์คมชัดลึก - เมื่อเวลา 00.30 น. ของวันที่ 18 ธ.ค. พ.ต.ท.สมเกียรติ สุชล สารวัตรเวร สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี รับแจ้งอุบัติรถยนต์ชนกับรถบรรทุก ที่ถนนมิตรภาพขาเข้า หลัก กม.ที่ 118-119 หมู่ 7 ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จึงนำกำลังไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ทะเบียน ศอ 7449 กรุงเทพมหานคร เป็นรถของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชนท้ายรถบรรทุกหกล้อ ทะเบียน 70-4809 สมุทรปราการ สภาพหน้ารถยุบ หม้อน้ำแตก ฝากระโปงเปิดอ้า


 


สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายธนูศิลป์ ไชยโชติ อายุ 36 ปี ขับรถยนต์คันเกิดเหตุ พานายอภิสิทธิ์ไปช่วยลูกพรรคหาเสียงที่ จ.นครราชสีมา ขากลับกรุงเทพฯ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ เป็นจังหวะเดียวกับที่รถบรรทุกบรรทุกรถจักรยานยนต์ออกมาจากปั๊มน้ำมันเชลล์ แล้วเข้าเลนขวาทันทีเพื่อกลับรถ ทำให้นายธนูศิลป์เบรกรถไม่อยู่พุ่งชนท้ายรถบรรทุก แต่โชคดีที่นายอภิสิทธิ์ไม่ได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุนายอภิสิทธิ์ได้ขึ้นรถของพรรคกลับกรุงเทพฯ ทันที


 


ขณะที่เมื่อเวลา 21.45 น. วันที่ 17 ธ.ค. ร.ต.อ.จรูญศักดิ์ ธิมาชัย ร้อยเวร สน.โชคชัย รับแจ้งเหตุพบวัตถุระเบิดที่หน้าศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชาชน ตั้งอยู่เลขที่ 7/39 หมู่ 2 ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา โกสิยะสถิต รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต ผบก.น.4 พร้อมทั้งประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (ตปพ.) ร่วมเก็บกู้



ที่เกิดเหตุบริเวณศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นตึกแถวชั้นเดียว 3 คูหา ตรวจสอบบริเวณด้านข้างตึกพบกระป๋องระเบิดควัน ซึ่งมีการทำงานแล้ว มีเปลวควันพวยพุ่งออกมา นอกจากนี้ บริเวณหน้าตึก ข้างถังใส่น้ำแข็งขนาดใหญ่พบระเบิดน้อยหน่าชนิด เอ็มเค 2 มีสกอตเทปพันอยู่ ระเบิดยังไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่จึงใช้เชือกกันบริเวณใกล้เคียงก่อนเก็บกู้


 


สอบถามจ.ส.ต.อนุชา ทับสี และ จ.ส.ต.ฉลวย สมคะเน ตำรวจสายตรวจ สน.โชคชัย ซึ่งประสบเหตุช่วงคนร้ายกำลังนำระเบิดมาวางไว้ จ.ส.ต.อนุชา กล่าวว่า เวลาประมาณ 21.45 น.ขณะออกตรวจสอบความเรียบร้อยบริเวณศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชาชน สังเกตเห็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยจอดอยู่หน้าปั๊มน้ำมัน มีชายนั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์ท่าทางลุกลี้ลุกลน อีกไม่นานมีชายอีกคนวิ่งมาที่รถจักรยานยนต์ท่าทางพิรุธ จึงรีบวิ่งไปจับกุม โดยกระชากคอเสื้อ แต่คนร้ายสะบัดหนีไปได้ มีแต่เสื้อซาฟารีสีกากีของคนร้ายหลุดติดมือมา จากนั้นคนร้ายได้วิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์หลบหน


 


จ.ส.ต.อนุชากล่าวว่า ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามคนร้ายไปถึงอาคารธนายง ห่างจากปั๊มน้ำมันประมาณ 300 เมตร จากนั้นคนขี่รถจักรยานยนต์ได้จอดรถให้คนนั่งซ้อนท้ายวิ่งข้ามกำแพงหลบหนีไป แล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปในที่สุด ไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ หลังจากนั้นได้ย้อนมาตรวจที่เกิดเหตุ พบว่ามีระเบิดควันทำงานแล้ว ส่วนอีกลูกยังไม่ระเบิด


 


ต่อมานายยุรนันท์ ภมรมนตรี พร้อมผู้สมัครเขต 3 กทม.พรรคพลังประชาชน ได้มาดูที่เกิดเหตุ นายยุรนันท์ กล่าวว่า ปกติจะออกจากศูนย์เวลาประมาณ 23.00 น.ทุกวัน แต่คืนนี้ออกเร็วกว่าปกติ ไม่อยากวิจารณ์ว่าเป็นฝีมือใคร แต่ที่ผ่านมามีการข่มขู่ อุ้มฆ่าหัวคะแนนมาตลอด ได้ไปแจ้งความไว้แล้วหลาย สน. ไม่คิดว่าจะหนักถึงเอาระเบิดมาวางที่ศูนย์ประสานงานพรรค ไม่ขอวิจารณ์ว่าเป็นฝีมือใคร ขอวิงวอนให้ยุติการกระทำ


 


ขณะที่พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า ระเบิดที่พบเป็นระเบิดควันสีเขียว ตอนระเบิดทำงานมีแต่ควันออกมาอย่างเดียว ส่วนระเบิดอีกลูกเป็นระเบิดน้อยหน่าชนิด เอ็มเค 2 ยังไม่ระเบิดสาเหตุคาดว่าน่าจะข่มขู่มากกว่า


 


"มัชฌิมาสามัคคี" แฉ! ไม่เคยได้เงินจากหัวหน้าแม้สลึงเดียว


ผู้จัดการออนไลน์ - วานนี้ (17 ธ.ค.) นาย ณ ตะวัน พรมทา ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ขอนแก่น พรรคมัชฌิมาธิปไตย ในฐานะประธานกลุ่มมัชฌิมาสามัคคี แถลงข่าวตอบโต้นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรค ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ได้ให้เงินผู้สมัคร ส.ส. จำนวน 1,500,000 บาทครบทุกคนแล้วนั้น ที่ผ่านมา ตนยังไม่ได้รับเงินดังกล่าวเลยแม้แต่สลึงเดียว และจากกรณีดังกล่าวทางกลุ่มของตนจะต่อสู้ในนามกลุ่มมัชฌิมาสามัคคี ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงวันเลือกตั้ง เพื่อให้นายประชัยจัดการเรื่องดังกล่าว เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการพัฒนาประเทศต่อไป


 


ทั้งนี้ นาย ณ ตะวัน กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนได้นำทรัพย์สินไปจำนำเพื่อนำมาใช้ในการลงพื้นที่หาเสียง พร้อมทั้งโชว์ตั๋วจำนำและนำตั๋วจำนำจุ่มน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับนายประชัย และนายณรงค์ พิริยะเอนก โฆษกพรรค ที่กล่าวหาว่า พวกตนหิวเงิน


 


"สุรยุทธ์" วอนพันธมิตรฯ อย่ารังเกียจพลังแม้ว ปัดข่าวล้มเลือกตั้ง


ผู้จัดการออนไลน์ - วานนี้ (17 ธ.ค.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงตัวเลขผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ว่า จากการรายงานของกระทรวงมหาดไทยมีผู้ที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ทั้งในเขตและนอกเขตเป็นจำนวนที่น่าพอใจ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดว่า น่าจะมีผู้มาใช้สิทธิในวันจริง ใกล้เคียงกับจำนวนที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าไว้ อย่างไรก็ตามได้พูดตลอดเวลา ขณะนี้เรียนเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ในวันที่ 23 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นจุดสำคัญหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของไทย เมื่อมีผู้ใช้สิทธิมาก ก็หมายถึงว่า เป็นการตัดสินของประชาชนโดยแท้จริง


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากดูผลการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ตั้งเป้าไว้ร้อยละ 70 จะขยายเป็นร้อยละ 80 หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวติดตลกว่า เป้าคงไม่ขยาย เพราะไม่ได้อ้วน


 


เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงเรื่องการรักษาความปลอดภัยหีบบัตร พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ได้เรียนไปทางกระทรวงมหาดไทยแล้ว โดยมีการประชุมกันถึงเรื่องการเก็บหีบบัตร ขอให้ดูแลให้รอบคอบ จะมีการประสานกันอย่างไรกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในส่วนของจังหวัด กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพื่อให้เกิดความรอบคอบ โปร่งใส เป็นธรรมจริงๆ นั่นเป็นส่วนที่อยากจะเรียนว่า เมื่อวันที่ 15-16 ธ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อมีข้อมูลมา เราก็เตรียมการที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้มีความโปร่งใส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ เพราะหีบบัตรที่เก็บไว้ จากการเลือกตั้งล่วงหน้าจะนำไปนับคะแนนในวันที่ 23 ธ.ค.นี้


 


เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าหากพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง สถานการณ์บ้านเมืองจะไม่เรียบร้อยเพราะกลุ่มพันธมิตรฯ จะมีการชุมนุมใหญ่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ได้เรียนขอร้องมาตลอด ในเรื่องของการเลือกตั้ง เมื่อมีผลออกมาอย่างชัดแจ้งก็เป็นการเลือกตั้งที่โปร่งใส เป็นธรรม ตนคิดว่า นั่นเป็นการตัดสินของพี่น้องประชาชน และทุกคนก็ควรจะยอมรับ ในการตัดสินของพี่น้องประชาชน เพราะไม่เช่นนั้นเราก็คงพูดกันว่า เรามีแต่เพียงระบอบประชาธิปไตยแต่ เราไม่ยอมปฏิบัติตามระบอบนั้น


 


เมื่อถามว่า เป็นห่วงปัญหาอะไรมากที่สุดก่อนที่จะถึงวันที่ 23 ธ.ค.นี้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ห่วงเรื่องการดูแลที่จะทำให้เกิดความปลอดภัย แต่คิดว่า ความพยามของคนไทยทุกคน เจ้าหน้าที่ทุกคนแม้แต่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ได้รับทราบว่า ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆเกิดขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่น่าจะเรียนได้ว่าทุกคนมีเจตนา มีความต้องการที่จะให้มีการเลือกตั้ง


 


เมื่อถามว่า ด้านการข่าวมีรายงานเรื่องความพยายามล้มการเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นข่าวที่พูดกัน แต่ไม่มีอะไร ที่ถือว่าเป็นหลัก เป็นฐาน เมื่อถามว่า นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการกกต. ออกมาระบุว่ามีคนขู่จะอุ้ม จริงหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้ติดต่อกับท่าน เดี๋ยวจะกลายเป็นว่า นายกฯติดต่อ ต้องการจะไปกดดันอะไรทางกตต. หากท่านมีปัญหา สตช. ซึ่งมีศูนย์ระสานงานอย่างใกล้ชิดกับทางกกต.อยู่แล้ว จะเป็นผู้ดำเนินการได้อย่างทันทีโดยที่ไม่ต้องมาแจ้งทางรัฐบาล


 


เมื่อถามว่า พล.อ. เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ออกมาโวยว่าทหารมีความพยามสกัดกั้นพรรคพลังประชาชน จะมีการสั่งการให้กองทัพตรวจสอบหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ท่านก็แจ้งทางกกต. ได้ ทางรัฐบาลคงไม่เข้าไปในเรื่องนี้ เป็นเรื่องของกกต. ตนไม่ทราบว่าเหตุเกิดที่ไหน อย่างไร แต่ถ้ามีปัญหาขอให้แจ้งทางกกต. ทางกกต.จะได้ดำเนินการตรวจสอบได้


 


เมื่อถามว่า เป็นนายกรัฐมนตรีมากปีกว่ากกต.ยังถูกข่มขู่ ท่านเคยถูกข่มขู่หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าว "ผมเองไม่ได้ถือในเรื่องอะไร เพราะอย่างที่เคยพูดกันมาแล้วว่า ชีวิตผมอยู่มาพอสมควรแก่เวลาแล้ว ถ้าเผื่อว่ามันจะจบสิ้นไปก็คงแค่นั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร ผมเตรียมพร้อมคือทำพินัยกรรมไว้หมดแล้วทั้งให้ภรรยาและลูก ฉะนั้นไม่ได้มีอะไรที่เป็นห่วงหรือใครจะมาขู่ผม ผมก็ไม่กลัว เพราะว่า ผมยอม ชีวิตผมไม่ได้มีค่าอะไร" เมื่อถามว่า แสดงว่า ท่านโดนข่มขู่ใช่หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ตอบคำถามพร้อมกับเดินยิ้มขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที


 


 






เศรษฐกิจ


 


พาณิชย์จับเหล้ายัดบัญชีสินค้าควบคุม  ดัดหลังผู้ผลิตผูกขาด-แป้งทำอาหารพาเหรดโขกราคา


เว็บไซต์ข่าวสด - นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ จะประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ซึ่งมีนายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน กรมการค้าภายในในฐานะฝ่ายเลขานุการ เตรียมที่จะเพิ่มจำนวนสินค้าควบคุมอีก 3 รายการ คือ 1.สุรา 2.นมเปรี้ยว และ 3.แบตเตอรี่รถยนต์ เนื่องจากภาวะการจำหน่ายสินค้าทั้ง 3 รายการมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม


 


นอกจากนี้ ยังให้เสนอถอดสินค้า 1 รายการ และบริการอีก 1 รายการ ออกจากบัญชีควบคุม คือ 1. ผลิตภัณฑ์ซีดีและดีวีดีซึ่งเป็นสินค้า ส่วนบริการคือ บริการรับจัดการการให้ใช้สิทธิในลิขสิทธิ์ เนื่องจากปัจจุบันมีกฎหมายเฉพาะคือ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์กำกับดูแลอยู่แล้ว รวมทั้งยังไมพบการร้องเรียนจึงไม่จำเป็นต้องนำมาเป็นสินค้าควบคุม


 


"เฉพาะสุราสีเท่านั้นที่เราจะขึ้นบัญชีควบคุม ไม่เกี่ยวกับสุราพื้นบ้านและสุราอื่นๆ เนื่องจากมีผู้ผลิตและจำหน่ายน้อยราย และมีการผูกขาดการจำหน่าย ทำให้ผู้ผลิตสามารถปรับขึ้นราคาได้ตามใจชอบ รวมทั้งมีการร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมทางการค้าจำนวนมากเช่น การขายเหล้าพ่วงเบียร์ทำให้เราไม่รู้ต้นทุนที่แท้จริงว่าขวดละเท่าไหร่ ทำให้ต้องการเข้าไปดูแลให้ใกล้ชิดขึ้น แต่การนำมาเป็นสินค้าควบคุมครั้งนี้ไม่ได้จะเข้าไปกำหนดราคาขาย แตจะใช้มาตรการบริหาร โดยกำหนดให้ผู้จำหน่ายทุกรายแจ้งราคามายังกรมการค้าภายในเพื่อจัดทำเป็นบัญชีราคาเหล้าแต่ละรายการ และก่อนปรับราคาขายปลีกจะต้องแจ้งให้กรมการค้าภายในทราบล่วงหน้าก่อน 15 วัน ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะไม่ได้สร้างภาระต้นทุนเพิ่มให้กับผู้ผลิต" นายยรรยงกล่าว


 


นายยรรยงกล่าวว่า ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นที่ต้องนำเข้าเป็นสินค้าควบคุม เนื่องจากขณะนี้ราคาวัตถุดิบตะกั่วมีราคาผันผวนมาก ทำให้ผู้ค้าปรับขึ้นราคาแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง โดยกรมการค้าภายในไม่สามารถเข้าไปกำกับดูแลราคาได้ ส่วนนมเปรี้ยวก็เนื่องจากปัจจุบันตลาดการบริโภคได้เพิ่มขึ้นมาก จึงต้องเข้ามาดูแลมากขึ้น ทั้งนี้ปัจจุบันมีสินค้าที่อยู่ในรายการควบคุมทั้งสิ้น 34 รายการ และ 1 บริการ


 


นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า จากปัญหาราคาวัตถุดิบข้าวสาลี และข้าวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตและจำหน่ายแป้งสาลี แป้งมันสำปะหลัง และแป้งโกกิ แจ้งขอปรับขึ้นราคาจำหน่ายมายังสมาคมอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อช่วงปลายเดือนพ.ย. แป้งสาลีและแป้งมันแจ้งปรับขึ้นราคาจำหน่ายปลีกขึ้นเฉลี่ย 3-4 บาท/กิโลกรัม และเตรียมที่จะปรับขึ้นอีกครั้งในช่วงปีใหม่เฉลี่ยอีก 3-4 บาท/กิโลกรัม ซึ่งอาจจะกระทบต่อเนื่องไปยังขนมขบเคี้ยวให้ปรับราคาขึ้นตาม


 


ส่วนแป้งทอดโกกิผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายได้แจ้งขอขึ้นราคาเพิ่มมาอีกซองละ 1 บาท นอกจากนี้ สินค้าวุ้นเส้นยังแจ้งขอปรับขึ้นราคามาเช่นกัน ขณะที่ข้าวสารถุงมีการแจ้งขอปรับขึ้นราคามาอยงต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วง 2 เดือนก่อน โดยปรับขึ้นทั้งในส่วนของข้าวขาว และข้าวหอมมะลิ คิดอัตราเฉลี่ยประมาณ 2-5 บาท/ถุง ขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กรมการค้าภายในอนุมัติให้ขึ้นราคามาม่า ไปแล้วนั้น คาดว่าในเร็วๆนี้ผู้ผลิตเส้นหมี่อบแห้งเตรียมที่จะแจ้งขอขึ้นราคาเช่นกัน


 


 






คุณภาพชีวิต


 


รถไฟฟ้าเริ่มเสียงดังกทม.จี้ "บีทีเอส" แก้


เดลินิวส์ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ที่มีนายพนิช วิกิตเศราฐ์ รองผู้ว่าฯกทม. เป็นประธานการประชุมเมื่อเร็วๆ นี้  นายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัดกทม. ได้ตั้งข้อสังเกตุเพื่อซักถามผู้แทนบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพหรือบีทีเอส เรื่องที่รถไฟฟ้าวิ่งแล้วเสียงดังและนับวันเสียงยิ่งดังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะช่วงทางเลี้ยวเช่นที่อนุสาวรียชัยฯ   ซึ่งถือเป็นมลพิษทางเสียงอย่างหนึ่งที่กระทบต่อประชาชน  เนื่องจากรถไฟฟ้าที่กทม.ให้บีทีเอสรับสัมทานเป็นเส้นทางที่ผ่านพื้นที่ชั้นในปัญหาทางเสียงจึงกระทบกับประชาชนโดยตรงจำนวนมาก   นอกจากนี้ยังสอบถามเรื่องการเปลี่ยนระบบอาณัติสัญญาณจากบริษัทซิเมนส์เป็นระบบของบอมบาดิเอร์  ทรานสปอร์เทชั่น ซิกแนล  ( ประเทศไทย) จำกัด   จะมีปัญหาเรื่องการจัดส่งข้อมูลที่จำเป็นซึ่งเป็นรหัสต่างๆ  ที่เกี่ยวกับการเดินรถให้บริษัทบีทีเอสหรือไม่ ทั้งนี้ผู้แทนบีทีเอส ชี้แจงว่า  ในเรื่องของปัญหาเสียงดัง   บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบสภาพรถไฟฟ้าเพื่อเตรียมซ่อมบำรุงและปรับปรุงครั้งใหญ่   รวมทั้งปัญหาเรื่องเสียงดังด้วย  โดยคาดว่าจะปรับปรุงรถไฟฟ้าเสร็จทั้งหมดกลางเดือนก.ค. ปี 2551  ส่วนเรื่องการจัดส่งข้อมูลที่จำเป็นนั้นบีทีเอสมิได้ระบุในสัญญาบังคับกับซิเมนส์   ดังนั้นในส่วนของบอมบาดิเอร์ฯ  บีทีเอสจะระบุในสัญญาอย่างชัดเจนว่าให้จัดส่งข้อมูลที่จำเป็นให้บีทีเอสก่อนงานจะแล้วเสร็จ


 


คุณหญิงสุชาดาเพิ่งตื่นแจงประชาคมจุฬาฯ ฟุ้ง! สภาอาจารย์ชม พ.ร.บ.ใหม่ 


ผู้จัดการออนไลน์ - วานนี้ (17 ธ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 17.15 น.ที่อาคารจามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยภายหลังการหารือกับสมาชิกสภาคณาจารย์หลายชั่วโมง ว่า ได้เชิญสมาชิกสภาคณาจารย์มารับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยมีสมาชิกสภาคณาจารย์เข้าร่วมรับฟัง 32 คนจากทั้งหมด 67 คน


 


ซึ่งตนได้นำร่าง พ.ร.บ.ใหม่มาชี้แจงเป็นรายมาตรา เพื่อให้คณาจารย์ได้ทราบข้อเท็จจริงว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีมาตราใดบ้างที่สมาชิกสภาคณาจารย์ยังรู้สึกห่วงใยกังวล และต้องการให้มีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่สมาชิกสภาคณาจารย์ได้เห็นตัวร่างล่าสุดแล้ว ก็พบว่ามีความเข้าใจและลดข้อกังวลในหลายเรื่องมากขึ้น อาทิ การบริหารจัดการให้เกิดธรรมาภิบาล การดูแลนิสิต บุคลากร ข้าราชการ และพนักงานให้มีสถานภาพที่ดีขึ้น


 


สมาชิกหลายคนก็แสดงความคิดเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.ได้ร่างไว้อย่างดี ทำให้เกิดความสบายใจ และมีทัศนคติเชิงบวกมากขึ้น แต่ก็ยังมีสมาชิกบางส่วนที่ยังคงระแวง และยืนหยัดที่จะคัดค้านต่อไปเรื่อยๆ


 


"การคุยครั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจ และทำความจริงให้ปรากฏ ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง ไม่มีการหยิบยกเรื่องการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ของสมาชิกสภาคณาจารย์บางส่วนขึ้นมาพูดกัน และคิดว่าคณาจารย์ทุกคนโตๆ กันแล้ว เมื่อชี้แจงให้เห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.ไม่ได้มีความน่าเกลียดน่ากลัวอย่างที่ระแวงกัน เมื่อได้รับทราบแล้วใครจะต้านต่อก็ต้านไปเราไม่ได้ใช้การชี้แจงครั้งนี้มายับยั้งเขา รวมทั้งใครจะเคลื่อนไหวอะไรก็เป็นสิทธิของเขา ไม่ว่าจะเป็นกรณีประธานเครือข่ายประชาคมจุฬาฯต่อต้าน ม.นอกระบบ ไปยื่นถวายรายงานเรื่องนี้ต่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทางเราก็ไม่คิดจะเคลื่อนไหวอะไร เพราะไม่อยากให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท" คุณหญิงสุชาดา กล่าว


 


อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา เกิดความไม่เข้าใจเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ในนักศึกษาและคณาจารย์บางส่วน อาจเป็นเพราะร่าง พ.ร.บ.ล่าสุด ที่ผ่าน กมธ.วิสามัญ เพิ่งจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา จึงยังไม่ได้มีการชี้แจงร่าง พ.ร.บ.แก่ประชาคม ดังนั้นประชาคมจึงกังวลเนื่องจากร่าง พ.ร.บ.เดิมยังมีหลายส่วนที่ไม่ได้รับการแก้ไขให้ตรงกับความต้องการของประชาคม แต่ร่าง พ.ร.บ.ล่าสุดได้นำเอาข้อคิดเห็นความกังวลใจต่างๆ มาปรับปรุงจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ซึ่งขณะนี้ประชาคมสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดร่าง พ.ร.บ.ทั้งหมดได้ผ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดความเข้าใจยิ่งขึ้น


 


ต่อกระแสข่าวลือที่ว่า มีการข่มขู่นิสิตที่ต้องการออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านมหาวิทยาลัยนอกระบบ อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่าผู้ที่ทำเช่นนั้นไม่ใช่ครูบาอาจารย์แล้ว คนเป็นครูจะทำเช่นนี้ไม่ได้ เด็กก็สามารถฟ้องศาลปกครองได้ คงจะไม่มีครูคนใดทำเช่นนั้นแน่นอน ที่เคยได้ยินก็เพียงแต่ว่ามีการเช็กชื่อนิสิตให้ขึ้นรถไปกับสภาอาจารย์เท่านั้น


 


นายธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย คณบดีคณะนิติศาสตร์ ในฐานะสมาชิกสภาคณาจารย์ กล่าวว่า สมาชิกเห็นร่างแล้วก็พอใจกฎหมายดีขึ้น ที่เข้าใจไม่ตรงกันอาจเป็นเพราะยังไม่เห็นร่าง พ.ร.บ.ฉบับล่าสุด ตนเข้าใจเชื่อว่า การชี้แจงครั้งนี้จะทำให้คณาจารย์เข้าใจกฎหมายดีขึ้น ส่วนการจะคัดค้านเรื่องนี้ต่อหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยในสภาคณาจารย์ อย่างไรก็ตาม นายพอพันธ์ วัชจิตพันธ์ ประธานสภาคณาจารย์ฯ ซึ่งคัดค้านเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ก็ยังคงแสดงจุดยืนที่ยังจะคัดค้านอยู่


 


อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเชื่อถือได้ที่เข้าร่วมรับฟังการหารือครั้งนี้ เปิดเผยว่า สภาอาจารย์ส่วนใหญ่ไม่ได้พอใจกับ พ.ร.บ.ดังกล่าว และมีการตกลงกันก่อนหารือแล้วว่าจะไม่มีการลงมติใดๆ ทั้งสิ้น เพราะสภาอาจารย์ไม่ยอมรับ การหารือครั้งนี้เป็นการพูดคนเดียวของอธิการบดีเท่านั้น แต่ที่แปลกใจ ก็คือ ทำไมคุณหญิงสุชาดาเพิ่งจะออกมาพูดเอาป่านนี้ ทั้งที่ก็มีการเรียกร้องมาตลอดให้ชี้แจงทำความเข้าใจ


 


 






ต่างประเทศ


 


ตุรกีส่งเครื่องบินถล่มกบฏเคิร์ดภาคเหนืออิรัก


เว็บไซต์เดลินิวส์ - เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของรัฐบาลอิรักเปิดเผยว่า เครื่องบินรบหลายลำของตุรกี ทิ้งระเบิดโจมตีหมู่บ้านทางภาคเหนือของอิรักเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีสตรีเสียชีวิตไป 1 คน และบาดเจ็บอีก 2 คน ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีที่รุนแรงที่สุดต่อกบฏแบ่งแยกดินแดนชาวเคิร์ดในรอบหลายเดือน โดยในกรุงอังการา เสนาธิการทหารของกองทัพตุรกี ระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า เครื่องบินรบของพวกเขาโจมตีเป้าหมายหลายแห่งของพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน หรือพีเคเค กลุ่มกบฏที่ใช้ภาคเหนือของอิรัก เป็นฐานที่มั่น ซึ่งคอยซุ่มโจมตีกองกำลังรักษาความมั่นคงของตุรกี


 


หากการเสียชีวิตของสตรีคนดังกล่าวได้รับการยืนยัน มันก็จะเป็นครั้งแรกตั้งแต่ตุรกียิงปืนใหญ่ถล่มและเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อที่ต้องสงสัยฐานที่มั่นของพีเคเคในภาคเหนือของอิรักในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา นายกเทศมนตรีของเมืองจาราวาและซันกาซาร์ 2 เมืองทางตอนเหนือของเมืองสุไลมานิยา ซึ่งเป็นเมืองของชาวเคิร์ดอิรัก กล่าว่า การโจมตีทางอากาศเปิดฉากขึ้นเมื่อเวลา 02.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 06.00 น.ของวันอาทิตย์ตามเวลาในไทย และยังคงโจมตีต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง มีบ้านเรือนประชาชนและโรงเรียนในหลายหมู่บ้านห่างจากชายแดนตุรกีทางตอนใต้ประมาณ 100 กิโลเมตร ถูกทำลายได้รับความเสียหาย


 


2 นายกเทศมนตรี กล่าวว่า มีสตรีคนหนึ่งเสียชีวิต ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองกำลังรักษาความปลอดภัยชายแดนอิรัก ยืนยันว่ามีการโจมตีทางอากาศ แต่เขาไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งนี้ กองทัพตุรกีปฏิบัติการโจมตีข้ามชายแดนหลายครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา


 


แถลงการณ์ของกองทัพตุรกี ระบุว่า เครื่องบินของกองทัพตุรกีโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายในบริเวณเทือกเขากานดิล การปฏิบัติการทางทหารมีเป้าหมายอยู่ที่กลุ่มก่อการร้ายเท่านั้น ไม่ได้มีเป้าหมายประชาชนที่อาศัยอยู่ในภาคเหนือของอิรัก


 


สหรัฐย้ำยักษ์ใหญ่ทำตามเป้าปล่อยก๊าซโลกร้อน


เว็บไซต์เดลินิวส์ - เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สหรัฐแสดงความวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับข้อตกลงฉบับหนึ่งที่ผ่านความเห็นชอบในที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องให้บรรดาประเทศกำลังพัฒนายักษ์ใหญ่ ถูกรวมอยู่ในเป้าหมายของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย


 


ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง ที่มีขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ซึ่งสหรัฐพบว่าตัวเองถูกโดดเดี่ยวในการต่อสู้กับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกครั้งใหม่สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว ทำเนียบขาวเรียกร้องอีกครั้งว่าต้องกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับเดียวกันสำหรับหลาย ๆ ประเทศ เช่นจีนและอินเดีย


 


นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังระบุด้วยว่า ข้อตกลงฉบับใหม่ใด ๆ ที่จะนำไปใช้แทนพิธีสารเกียวโตของยูเอ็น ซึ่งจะหมดอายุในปี 2555 ต้องยอมรับสิทธิในอธิปไตยของชาติในการผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจและความมั่นคงด้านพลังงาน อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่ข้อตกลงของที่ประชุมครั้งนี้จะก่อให้เกิดสนธิสัญญาฉบับใหม่ได้ภายในปี 2552 แต่ทำเนียบขาวแถลงว่า การเจรจาต้องดำเนินไปบนความคิดเห็นที่ว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้โดยผ่านพันธสัญญาในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยประเทศพัฒนาแล้วเท่านั้น


 


ทั้งนี้ เราต้องเน้นถึงบทบาทที่สำคัญและเหมาะสมที่ประเทศกำลังพัฒนายักษ์ใหญ่ ควรจะแสดงออกในความพยายามที่จะแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศด้วย ทำเนียบขาวระบุด้วยว่า การเจรจาที่กำลังจะเกิดขึ้น ต้องทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างประเทศกำลังพัฒนาที่ร่ำรวยกว่ากับประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีเศรษฐกิจขนานเล็กกว่า


 


สหรัฐระบุว่า จะไม่ยอมรับแถลงการณ์ร่วมที่ผ่านความเห็นชอบของผู้เข้าร่วมประชุมเกือบ 1490 ชาติ เพราะสหรัฐต้องการให้ประเทศกำลังพัฒนาบางชาติ เช่นจีน ตกลงยึดมั่นพันธสัญญาลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เข้มข้นมากกว่าเดิม แต่การเจรจาวันที่ 13 ซึ่งไม่มีอยู่ในกำหนดการเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา สหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศอุตสาหกรรมเพียงชาติเดียวเท่านั้นที่ปฏิเสธพิธีสารเกียวโต บรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป เพื่อหลีกเลี่ยงการระบุตัวเลขเป็นเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก


 

ด้านนายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่า โลกได้ใช้มาตรการที่กล้าหาญในอนาคตกับการกำหนดแผนเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิกาศ แต่เตือนเมื่อวันอาทิตย์ว่า จำเป็นต้องดำเนินการให้มากกว่านี้ โดยนายรัส ซึ่งขึ้นสู่อำนาจเดือนที่แล้วและเปลี่ยนจุดยืนของออสเตรเลียก่อนหน้านี้ทันทีด้วยการให้สัตยาบันพิธีสารเกียวโต แสดงความยินดีต่อกรอบใหม่ ซึ่งกำหนดเพื่อทำให้ขอตกลงที่จะนำมาใช้แทนพิธีสารเกียวโตมีความก้าวหน้า

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net