Skip to main content
sharethis

เดชา คำเบ้าเมือง


สำนักข่าวประชาธรรมอุดรธานี


 



 


ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลจังหวัดอุดรธานี ว่า วานนี้ (20ธ.ค.) เวลา 13.30 น. ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 1 ศาลจังหวัดอุดรธานี ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์ เพื่ออ่านคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขดำที่ 1385/2549 ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องแกนนำชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี จำนวน 5 คน ประกอบไปด้วย 1. นางละเอียด อ่อนสะอาด 2.นายบัณฑิต อ่อนสะอาด (สามีนางละเอียด) 3. นายบุญเลิศ เหล็กเขียว 4. นายปัญญา คำลาภ และ5. น.ส.เนาวรัตน์ ดาวเรือง ในข้อกล่าวหาฐาน ร่วมกันบุกรุกพื้นที่ของบริษัท เอเชีย แปซิกฟิก โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (เอพีพีซี) ผู้ขอสัมปทานทำเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี


 


เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 49 ตรงบริเวณเนื้อที่สำหรับตั้งโรงแยกแร่ของบริษัทฯ ที่ได้ซื้อเอาไว้ประมาณ 1,250 ไร่ ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า "โนนหมากโม" ระหว่างเส้นทางบ้านหนองตะไก้กับบ้านหนองนาเจริญ ต.หนองไผ่ อ.เมือง ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ทำการรังวัด ปักหมุด เขตเหมืองแร่ ตามคำขออนุญาตประทานบัตรของ บริษัทเอพีพีซี แล้วได้มีกลุ่มชาวบ้านจำนวนกว่า 60 คน เข้าไปสอบถาม และทำการขัดขวาง หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ บริษัทเอพีพีซี จึงได้แจ้งความกับ สภ.อ.เมืองอุดรธานี เพื่อเอาผิดและดำเนินคดีกับ 5 แกนนำชาวบ้านในเวลาต่อมา และศาลได้ทำการไต่สวนพยานทั้งฝ่ายของโจทก์และจำเลยแล้วเสร็จไปเมื่อวันที่ 15 และ 20 พ.ย. 50 ที่ผ่านมา


 


บรรยากาศในช่วงเช้าเวลาประมาณ 10.00 น. ก่อนการเข้ารับฟังคำพิพากษา สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี จำนวนกว่า 300 คน สวมเสื้อเขียว ถือธงเขียว และป้ายผ้ามีข้อความคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตช เดินขบวนรณรงค์พร้อมทั้งแจกใบปลิว และมีรถเครื่องเสียง 2 คัน กล่าวปราศรัยเพื่อบอกกล่าวให้คนในเมืองอุดรฯ ได้รับทราบถึงการเดินทางมาของกลุ่มชาวบ้านเพื่อรับฟังคำตัดสินของศาล


 


จนกระทั่งเวลาบ่ายโมง กลุ่มชาวบ้านจึงเดินเข้าไปภายในบริเวณศาลเพื่อรับฟังการอ่านคำพิพากษาอย่างลุ้นระทึก ทั้งนี้ ได้มีตัวแทนชาวบ้านกว่า 40 คน พร้อมจำเลยทั้ง 5 เข้ารับฟังในห้องพิจารณา ส่วนที่เหลืออยู่ด้านล่างโดยเจ้าหน้าที่ศาลได้ติดตั้งอุปกรณ์ขยายเสียงและเชื่อมต่อลำโพงออกมาเพื่อให้กลุ่มชาวบ้านได้รับฟัง พร้อมกันนี้ก็ได้มีการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองอุดรธานี เกือบ 100 นาย อย่างเข้มงวด


 


จากการรับฟังการอ่านคำพิพากษาของศาลอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง ศาลได้อ่านคำพิพากษา ตัดสินว่าจำเลยทั้ง 5 คนไม่มีความผิด จึงพิพากษายกฟ้อง ทำให้กลุ่มชาวบ้านพร้อมใจกันปรบมืออย่างกึกก้อง และร้องไชโยกระหึ่มศาล ด้วยความพึงพอใจต่อคำตัดสิน บ้างโผเข้ากอดกันและปล่อยโฮออกมาด้วยความดีใจ


 


"ศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งห้าแสดงได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และปกป้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญ จึงมีคำพิพากษายกฟ้อง และจำเลยทั้งห้าไม่มีความผิด" เสียงอ่านคำพิพากษาของศาลดังผ่านลำโพงอย่างชัดถ้อยชัดคำ


 


โดยนางละเอียด อ่อนสะอาด หนึ่งในจำเลยผู้ถูกศาลยกฟ้อง ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า วันนี้มีความพอใจต่อคำตัดสินของศาลซึ่งแสดงให้เห็นว่าความยุติธรรมยังคงมีอยู่ในโลกนี้ และถึงแม้ว่าตนร่วมกับพวกอีก 4 คนจะต้องโดนคดี แต่ก็เป็นผลทำให้สาธารณชน โดยเฉพาะคนในเมืองอุดรฯ ได้เข้าใจถึงการต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดของกลุ่มอนุรักษ์ฯ มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย


 


"ฉันยอมรับว่าครอบครัวของฉัน ทั้งสามีและลูกๆ มีความกดดันมากตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี แต่ก็เป็นบทเรียนอันสำคัญทำให้พวกเรามีความอดทน และมีจิตใจต่อสู้มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ คำตัดสินของศาลแสดงให้เห็นว่าพวกเราบริสุทธิ์ และการกระทำของชาวบ้านที่ลุกขึ้นมาเพื่อรักษาทรัพยากรของท้องถิ่นนั้น เป็นสิ่งที่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ" นางละเอียดกล่าวทั้งน้ำตา


 


ด้านนายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ได้กล่าวกับกลุ่มชาวบ้านว่า การเรียนรู้วิชากฎหมายของพวกเราได้จบลงด้วยดีแล้ว แต่การต่อสู้ก็ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งคำตัดสินของศาลในวันนี้ก็ได้ยึดหลักกฎหมายตามสิทธิชุมชนในรัฐธรรมนูญที่พวกเราได้หยิบยกขึ้นมาอ้าง มาโดยตลอด นอกจากนี้แล้วคำตัดสินดังกล่าวก็จะเป็นบรรทัดฐาน และเป็นแนวทางอันสำคัญสำหรับกลุ่มชาวบ้านและขบวนพี่น้องภาคประชาชนที่ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรของท้องถิ่นได้อีกด้วย นายสุวิทย์กล่าว


 


ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หลังเสร็จจากศาลแล้วกลุ่มอนุรักษ์ฯ ก็ได้หารือกันโดยมีมติว่าจะทำพิธีบ่ายศรีสู่ขวัญ ให้กับ 5 แกนนำ พร้อมทั้งสมาชิกทุกคนในวันพุธที่ 26 ธ.ค.นี้


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net