Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


ภัควดี วีระภาสพงษ์ แปล
จาก
Naomi Klein, "A decade after Acteal, war is again on Mexico"s horizon," The Guardian; 21 December, 2007.


 


 


 


ภาพการประสูติของพระเยซูมีให้เห็นดาษดื่นในเมืองซานคริสโตบัล เด ลาส คาซัส เมืองสมัยอาณานิคมบนที่ราบสูงของรัฐเชียปัส ประเทศเม็กซิโก แต่ที่ประตูทางเข้าศูนย์วัฒนธรรมเตียร์ราเดนโตร ภาพที่ต้อนรับสายตาผู้มาเยือนเปลี่ยนไปเล่าเรื่องราวของท้องถิ่น ตรงนั้นมีหุ่นคนกลุ่มหนึ่งขี่ล่อ ใส่หน้ากากสกีและถือปืนไม้


 


นี่เป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวสำหรับ "ซาปาทัวริสม์" อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของนักเดินทางนานาชาติ ซึ่งผุดขึ้นรอบๆ การขบถของชาวพื้นเมืองที่นี่ และศูนย์เตียร์ราเดนโตรคือจุดเริ่มต้น หัตถกรรมสิ่งทอ โปสเตอร์และเครื่องประดับที่ทำจากซาปาติสตาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ในโรงแรมกลางแจ้ง บรรยากาศตอนสี่ทุ่มยังคึกคักจนเกือบน่าเวียนหัว พวกนักศึกษามหาวิทยาลัยนั่งดื่มเบียร์ยี่ห้อ Sol (ดวงอาทิตย์) ชายหนุ่มคนหนึ่งชูรูปถ่ายของรองผู้บัญชาการมาร์กอส ผู้นำขบถที่ใส่หน้ากากสกีและคาบไปป์ตลอดเวลา เขาบรรจงจูบรูปถ่าย พร้อมกันนั้น เพื่อนๆ ช่วยกันถ่ายรูปที่มีฉากหลังเป็นสถานที่กำเนิดขบวนการ ซึ่งได้รับการบันทึกและกล่าวขวัญถึงมากที่สุด


 


มีคนพาดิฉันเดินฝ่าด่านนักดื่มที่กำลังฉลองกันครึกครื้นเข้าไปในห้องด้านหลังศูนย์วัฒนธรรมใกล้ๆ กับลานเหล้า บรรยากาศเคร่งขรึมในห้องราวกับโลกคนละใบ เอร์เนสโต เลเดสมา อาร์รอนเต นักวิจัยไว้ผมเปียวัย 40 ปี กำลังก้มดูแผนที่ทหารและรายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชน "คุณเข้าใจสิ่งที่มาร์กอสพูดไหม?" เขาถามดิฉัน "มันเป็นคำพูดที่แรงมาก เขาไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นมาหลายปีแล้ว"


 


เลเดสมา อาร์รอนเต หมายถึงคำแถลงที่มาร์กอสกล่าวในคืนก่อนหน้านั้น (วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม—ผู้แปล) ที่การประชุมนอกเมืองซานคริสโตบัล คำแถลงมีชื่อว่า "ความรู้สึกสีแดง: ปฏิทินและภูมิศาสตร์ของสงคราม" ด้วยความเป็นมาร์กอส คำแถลงจึงเหมือนบทกวีและสงวนถ้อยคำเล็กน้อย แต่เมื่อกระทบโสตประสาทของเลเดสมา อาร์รอนเต คำแถลงนั้นคือสัญญาณเตือนรหัสสีแดงนั่นเอง (สัญญาณเตือนภัยสงครามของซาปาติสตา—ผู้แปล) "พวกเราที่เคยผ่านสมรภูมิมาแล้ว ย่อมรู้จักสำเหนียกร่องรอยเมื่อมีการเตรียมพลและสงครามใกล้มาถึง" มาร์กอสกล่าว "มีสัญญานแห่งสงครามลอยเด่นที่ขอบฟ้า สงครามก็เฉกเช่นความกลัว มันมีกลิ่นไออย่างหนึ่ง และตอนนี้เรากำลังสูดได้กลิ่นคาวฉุนในดินแดนของเรา"


 


การประเมินสถานการณ์ของมาร์กอสยืนยันสิ่งที่เลเดสมา อาร์รอนเตและเพื่อนนักวิจัยแห่ง "ศูนย์วิเคราะห์การเมืองและค้นคว้าวิจัยด้านสังคมและเศรษฐกิจ" กำลังเกาะติดด้วยแผนที่และแผนภูมิ ในฐานทัพถาวรทั้ง 56 แห่งที่รัฐบาลเม็กซิกันวางกำลังไว้ในดินแดนชาวพื้นเมืองในรัฐเชียปัส มีความเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีการปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ขนานใหญ่และเคลื่อนย้ายกองพลชุดใหม่เข้าไป รวมทั้งกองกำลังหน่วยรบพิเศษด้วย ทั้งหมดนี้คือสัญญาณบอกถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


เนื่องจากซาปาติสตากลายเป็นสัญลักษณ์ระดับโลกของการต่อต้านขัดขืนรูปแบบใหม่ เราจึงมักลืมไปว่า สงครามในเชียปัสไม่เคยยุติลงจริงๆ มาร์กอสนั้น แม้จะปิดบังตัวตนที่แท้จริง แต่เขาก็แสดงบทบาทท้าทายอย่างเปิดเผยในการเมืองของเม็กซิโก โดยเฉพาะในช่วงการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างดุเดือดเมื่อ ค.ศ.2006 แทนที่จะสนับสนุนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสายซ้ายกลาง อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ เขากลับนำขบวน "การรณรงค์ทางเลือกอื่น" คู่ขนานกับการเลือกตั้งแทน โดยเรียกร้องให้หันมาสนใจประเด็นปัญหาที่ผู้สมัครทั้งหลายละเลย


 


ในช่วงนั้น บทบาทของมาร์กอสในฐานะนายทหารของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติซาปาติสตา (EZLN) ดูเหมือนเลือนหายไปเป็นเพียงฉากหลัง มาร์กอสสวมบทเป็น "ผู้แทนหมายเลขศูนย์" ซึ่งหมายถึงการต่อต้านผู้สมัครชิงตำแหน่งทั้งหลาย ในคืนวันประชุม มาร์กอสประกาศว่า การประชุมนี้จะเป็นการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายสำหรับการรณรงค์ครั้งนี้และเขาจะไม่ปรากฏตัวไปอีกระยะหนึ่ง "อย่าลืมว่า EZLN คือกองทัพ" เขาเตือนใจผู้ฟัง และย้ำว่าเขาคือ "นายทหารเสนาธิการ" คนหนึ่งของกองทัพนี้


 


EZLN กำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามร้ายแรงครั้งใหม่ ภัยคุกคามที่ทะลวงเข้าไปถึงหัวใจการต่อสู้ของซาปาติสตา ระหว่างการลุกฮือขึ้นก่อกบฏเมื่อ ค.ศ.1994 EZLN อ้างสิทธิเหนือที่ดินผืนใหญ่และยึดมาเป็นกรรมสิทธิ์รวมหมู่ นี่คือชัยชนะที่เป็นรูปธรรมที่สุดของ EZLN


 


ในข้อตกลงซานอันเดรสเมื่อ ค.ศ.1996 มีการรับรองสิทธิเหนือดินแดนแห่งนี้ ทว่ารัฐบาลเม็กซิกันกลับคำไม่ยอมลงนามในสัตยาบันรับรองข้อตกลง หลังจากไม่สามารถทำให้มีการรับรองสิทธิตามกฎหมาย ซาปาติสตาตัดสินใจมุ่งหน้าทำให้สิทธินี้กลายเป็นความจริงขึ้นมาบนผืนดิน พวกเขาก่อตั้งรัฐบาลของตัวเอง หรือที่เรียกว่า "สภาการปกครองที่ดี" และเริ่มสร้างโรงเรียนและสถานพยาบาลของตนเอง ยิ่งซาปาติสตาขยายบทบาทกลายเป็นรัฐบาลโดยพฤตินัยในพื้นที่กว้างใหญ่ของรัฐเชียปัส รัฐบาลกลางและส่วนปกครองท้องถิ่นในมลรัฐของเม็กซิโกก็ยิ่งตั้งใจหาทางบ่อนทำลายซาปาติสตามากขึ้น


 


"ตอนนี้" เลเดสมา อาร์รอนเตกล่าว "รัฐบาลมีวิธีแล้ว" วิธีการก็คือ ใช้ความต้องการได้ที่ดินซึ่งฝังลึกในหมู่เกษตรกรในรัฐเชียปัสเป็นอาวุธต่อกรกับซาปาติสตา ศูนย์วิจัยของเลเดสมา อาร์รอนเตเก็บรวบรวมหลักฐานถึงวิธีการต่างๆ เอาไว้ เฉพาะในพื้นที่เขตเดียว รัฐบาลทุ่มเงินถึงราว 16 ล้านดอลลาร์เพื่อเวนคืนที่ดิน จากนั้นก็นำมาแจกให้แก่สมาชิกของครอบครัวจำนวนมากที่มีเส้นสายกับพรรคปฏิวัติสถาบัน (PRI) ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องการคอร์รัปชั่นอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ที่ดินเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในความครอบครองของครอบครัวชาวซาปาติสตา ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ "เจ้าของ" ที่ดินรายใหม่ส่วนใหญ่มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มกองกำลังกึ่งทหารที่ใช้อำนาจเยี่ยงอันธพาล ซึ่งพยายามขับไล่ซาปาติสตาออกไปจากที่ดินที่มีการออกเอกสารใหม่


 


นับตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา เกิดความรุนแรงขยายวงกว้างอย่างเห็นได้ชัด มีทั้งการข่มขู่โดยยิงปืนขึ้นฟ้า รุมทำร้ายทุบตีอย่างป่าเถื่อน และมีรายงานว่าครอบครัวชาวซาปาติสตาจำนวนมากถูกขู่ฆ่า ข่มขืนและหั่นเป็นชิ้นๆ อีกไม่นาน กองทหารในค่ายก็จะมีข้ออ้างให้เข้าไปฟื้นฟู "สันติภาพ" ระหว่างกลุ่มชาวพื้นเมืองที่ทะเลาะวิวาทกันเอง ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซาปาติสตาพยายามสงบนิ่งต่อความรุนแรงและเปิดโปงการยั่วยุต่างๆ นานา แต่เพราะการเลือกไม่ยอมหนุนหลังโลเปซ โอบราดอร์ในการเลือกตั้งเมื่อ ค.ศ. 2006 ทำให้ขบวนการสร้างศัตรูที่ทรงอำนาจขึ้นมา และดังที่มาร์กอสกล่าวว่า เดี๋ยวนี้ เสียงเรียกขอความช่วยเหลือของพวกเขาพบแต่ความเงียบงัน


 


ครบรอบ 10 ปีพอดี เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 1997 ปฏิบัติการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการต่อต้านซาปาติสตา กองกำลังกึ่งทหารกลุ่มหนึ่งเปิดฉากยิงใส่โบสถ์เล็กๆ ในหมู่บ้านอัคเตอัล สังหารชาวพื้นเมืองไปถึง 45 คน ในจำนวนนี้มีเด็กและวัยรุ่นเสียชีวิต 16 คน บางศพถูกสับด้วยมีดมาเชตี ตำรวจของมลรัฐได้ยินเสียงปืน แต่ไม่ทำอะไรเลย ในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ หนังสือพิมพ์ในเม็กซิโกตีพิมพ์บทความจำนวนมากรำลึกถึงวาระครบรอบสิบปีของการสังหารหมู่


 


แต่ในรัฐเชียปัส ประชาชนจำนวนมากบอกว่า สถานการณ์ในวันนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าขนลุก ทั้งกองกำลังกึ่งทหาร ความตึงเครียดที่ทวีขึ้น ความเคลื่อนไหวลับๆ ล่อๆ ของกองทัพ การถูกโดดเดี่ยวอีกครั้งจากส่วนอื่นๆ ของประเทศ พวกเขาส่งความวิงวอนขอร้องมาสู่ผู้คนที่เคยสนับสนุนพวกเขาในอดีต โปรดอย่ามองแต่อดีต โปรดมองไปข้างหน้า และช่วยป้องกันการสังหารหมู่อัคเตอัลครั้งใหม่ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นด้วยเถิด


 


 


………………………………………………


นาโอมี ไคลน์ เจ้าของผลงาน No Logo อันลือลั่น มีเว็บไซท์อยู่ที่ naomiklein.org


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net