Skip to main content
sharethis

วานนี้ (4 ก.พ.) เวลาประมาณ  11.00 น. ประชาชนจากเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อ.จะนะ จ.สงขลา ร่วมกับกลุ่มนักศึกษามุสลิม จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เข้ายื่นจดหมายเพื่อขอให้แก้ไขปัญหาการออกพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินสาธารณะ ต่อนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีผู้แทนจากศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับมอบหนังสือ


จากกรณีการก่อสร้างโรงแยกก๊าซ ในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ของบริษัท ทรานส์ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด มีการบุกรุกเข้าครอบครองที่สาธารณประโยชน์ และปิดกันรั้วขวางไม่ให้ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อ ปี 2546 และต่อมาในสมัยรัฐบาลนำโดยพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ได้มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินสาธารณะดังกล่าว เมื่อ วันที่ 13 ส.ค.2549 ทั้งที่ปรากฏหลักฐานว่าที่ดินสาธารณประโยชน์นั้นเป็นที่วะกัฟ หรือที่ดินซึ่งผู้เป็นเจ้าของเดิมได้อุทิศให้พระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้คนทั่วไปได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตามหลักศาสนาอิสลาม


ทั้งนี้ภายในจดหมายระบุว่า การออกพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินสาธารณะนั้นเป็นการออกกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ทำให้กลุ่มผู้คัดค้าน ประชาชนในพื้นที่ และ ศาสนิกชนผู้นับถือศาสนาอิสลามทั่วไปได้รับความเดือนร้อนเสียหาย โดยให้เหตุผล 3 ข้อ คือ หนึ่งเส้นที่ดินสาธารณะดังกล่าว มิใช่ที่ดินสาธารณะที่ประชาชนเลิกใช้ประโยชน์แล้วตามที่บริษัทฯและหน่วยงานรัฐใช้เป็นเหตุผลของการเพิกถอนสภาพที่ดินสาธารณะ อีกทั้งองค์การบริหารส่วนตำบลสะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา มีมติเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2548 รับรองว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ที่ชุมชนยังใช้ประโยชน์และเป็นที่ดินวะกัฟจริง


ประการที่สองการประกาศพระราชพระราชกฤษฎีกาในปี 2549 ภายหลังจากที่บริษัทดำเนินการปิดกั้นเส้นทางไปแล้วตั้งแต่ปี 2546 แสดงได้ว่าการกระทำของบริษัทเป็นการบุกรุกเข้าครองที่ดินสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐ และการออกพระราชพระราชกฤษฎีกานั้นเป็นการรับรองการกระทำผิดของบริษัทย้อนหลัง เพื่อให้เป็นการครอบครองโดยถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นการออกกฎหมายเพิกถอนประโยชน์สาธารณะเพื่อประโยชน์ของเอกชนรายเดียว


ประการที่สามการออกพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นการกระทำที่กระทบกระเทือนและขัดแย้งต่อหลักการศาสนาอิสลามอย่างรุนแรง นั่นหมายถึงฮูกม (กฤษฎีกาของกฎหมายอิสลาม) ของอัลลอฮฺถูกทำลาย บทอัลกุรอ่านอันบริสุทธิ์ถูกย่ำยีด้วยน้ำมือของรัฐ เพียงเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผลประโยชน์ของนายทุนข้ามชาติเพียงเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่แรงงานข้ามชาติ เป็นการออกกฎหมายบีบบังคับให้ศาสนิกชนยอมรับการกระทำที่ขัดต่อหลักศาสนา ถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักรัฐธรรมนูญ


ตามเหตุผลดังกล่าวเครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้เรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดย 1.เพิกถอน "พระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินสาธารณะประโยชน์ ฉบับลงวันที่13ส.ค.2549" 2.มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้บุกรุกเข้าครบครองที่ดินสาธารณะ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อันส่งผลให้มีการบุกรุก เปลี่ยนแปลงสภาพและปิดกั้นการใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณะดังกล่าว และจัดการให้ประชาชนสามารถเขาใช้ประโยชน์ในทางสาธารณะดังเดิม


นายนาซอรีย์ หวะหลำ ผู้ร่วมคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซฯ กล่าวถึงการเดินทางมายื่นหนังสือในวันนี้ว่า รัฐบาลได้เปลี่ยนถ่ายอำนาจสู่หน้าตาที่ชัดเจนแล้ว และจะเป็นรัฐบาลที่มั่นคงหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ตั้งใจเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาของชาวบ้านตามที่ประกาศวาจะดูแลปัญหาทุกปัญหาของชาวบ้าน ก็จะต้องติดตามปัญหาของชาวบ้าน เอาปัญหาของประชาชนมาแก้ไข เพราะที่ผ่านมา ชาวบ้านมีการเคลื่อนไหวเรียกร้องผ่าทางสื่อมวลชนมานาน แต่การมีรัฐบาลชั่วคราวทำให้กลุ่มชาวบ้านไม่มั่นใจในการทำงาน เพราะไม่ได้มีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่


"เรามีหนังสือ มีเอกสาร หากรัฐบาลเต็มใจที่จะแก้ปัญหาจริง จะต้องเอาหนังสือของชาวบ้านมาดู ติดต่อประสานงานเพื่อแก้ปัญหาให้แก้ชาวบ้าน หรือรัฐบาลจะเห็นว่าเป็นปัญหาภาคใต้เลยไม่อยากเข้ามายุ่ง"   นายนาซอรีย์ กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net