บทความ : มองประชาชนคือคนโง่ ย่อมเป็นเหยื่อของการพัฒนา

สเม็ดขาว

 

 

จากเหตุการณ์ร้อน ๆ เมื่อ 24 มกราคม ที่ผ่านมา ต่อความรุนแรงในการคัดค้านโครงการ โรงถลุงเหล็ก ของเครือสหวิริยา ที่ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้อะไรแก่สังคมลืมง่ายอย่างคนไทยบ้าง

 

จนถึงขณะนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังไม่เห็นทีท่าทุกข์ร้อนจากหน่วยงานไหนออกมาแสดงตัวตนในการร่วมแก้ปัญหา หรือเข้ามารับรู้ปัญหาที่แท้จริงแม้แต่รายเดียว ซึ่งก็เป็นบรรยากาศเดียวกันกับที่ผ่านมาเกือบสองปี ที่ชาวบ้านพยายามบอกถึงความเดือดร้อนและปัญหาต่างๆ ต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย โดยเฉพาะสื่อทีวีช่องหลัก ๆ ทั้งหลาย ทั้งที่ดูจากเรื่องราวก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องเล็กสักเท่าไร แต่ไม่มีสื่อใดมาเจาะลึกแม้แต่รายเดียว อาจจะเสียว ๆ เพราะคงจะทราบมาบ้างว่าใครมีหุ้น ใครอยู่เบื้องหลังโครงการนี้บ้าง หรือก็มัวแต่จดจ่ออยู่กับกลุ่มชุดสูทที่จะเข้ามาวางแผนพัฒนาประเทศกลุ่มใหม่ แต่คนเดิม ๆ ที่จะเพิ่มความเจ็บปวดให้กับชาวบ้านที่มองว่าโง่ ๆ อีกต่อไป...

 

 

อำเภอบางสะพาน คือหนึ่งในแปดอำเภอของจังหวัดประจวบฯ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีจุดแคบที่สุดเพียง 12 กิโลเมตรที่ที่ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง และมีชายหาดยาวเหยียดทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งติดอ่าวไทย เป็นระยะทาง 224.8 กิโลเมตร เป็นเมืองชายทะเลที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังมีทิวเขาสลับซับซ้อน สมดังความหมายของชื่อจังหวัดที่แปลว่า "เมืองที่เป็นภูเขาเป็นหมู่ ๆ ยาวพืดทั่วไป" ดังนั้น นอกจากแหล่งท่องเที่ยวประเภทชายหาดแล้ว ยังมีป่าเขาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว สำหรับผู้ที่รักความสงบสวยงามของธรรมชาติอีกด้วย

 

แต่พื้นที่จังหวัดประจวบฯ กลับถูกกำหนดให้มีการส่งเสริมการลงทุนเขต 3 สิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุดจาก (BOI) โดยเฉพาะอำเภอบางสะพาน เดิมที ก่อนปี พ.ศ.2530 มีเพียง 6 ตำบล แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุใดจึงมีการแยกตำบล กำเนิดนพคุณ ที่มีพื้นที่เดิมประมาณ 104 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่ามีพื้นที่น้อยกว่าตำบลอื่นๆ อีกหลายตำบล แต่ได้ประกาศแยกหมู่ 1 ถึงหมู่ 6 ออกมาเป็นตำบลรำพึง เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2530 มีพื้นที่ 36.08 ตารางกิโลเมตร (หรือ 22,550 ไร่) และมีการประกาศผังเมืองให้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรม (พื้นที่สีม่วง) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เกือบทั้งตำบล ทั้ง ๆ ที่พื้นที่จริงเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เป็นวนอุทยาน เป็นพื้นที่ชุมชนอยู่อาศัย แหล่งท่องเที่ยว พื้นที่เกษตร และ ประมง

 

แสดงให้เห็นถึงว่า มีการกำหนดทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้า โดยประชาชนในพื้นที่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น และไม่เข้าใจ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับกลุ่มทุนกลุ่มนี้เข้ามามีบทบาทในพื้นที่ คือประมาณปี พ.ศ. 2528-2529 โดยรวบรวมที่ดินอย่างแยบยล ตั้งเป็นบริษัททางการเกษตร ชื่อบริษัท บางสะพานการเกษตร จำกัด ในการซื้อที่ดิน และเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านไม่เท่าทันข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ซึ่งกลุ่มทุนมองประโยชน์จากพื้นที่ไปในทิศทางเดียวในการลงทุน คือให้ประโยชน์สูง ลงทุนต่ำ ไม่ได้คำนึงถึงความสำคัญของพื้นที่ และวิถีชีวิตชุมชนอย่างละเอียดแท้จริง

 

และที่ดินส่วนหนึ่งก็ได้มาโดยไม่ถูกต้องโปร่งใส ทับที่สาธารณะ เป็นป่าชายเลน เป็นทางน้ำ ในสมัยนั้นก็ถูกตรวจสอบจากภาครัฐว่ามีปัญหากว่า 50 แปลง จำนวนประมาณ 900 ไร่ แต่ปัจจุบันมีหลักฐานการเช่าที่ อบจ.เพียง 350 ไร่ (จากเดิมอ้างมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง) ค่าเช่าประมาณ 1 ล้านบาทต่อปี ที่เหลือยังไม่ทราบที่มาที่ไป แต่ส่งผลกระทบต่อชาวบางสะพานเรื่องน้ำท่วมซ้ำซากตลอดมา ปีละหลายครั้ง เสียหายกว่า 100 ล้านบาทต่อปี คุ้มกันหรือไม่ ใครรับผิดชอบ โดยเฉพาะนักการเมืองท้องถิ่น และข้าราชการต่างก็ผลัดเปลี่ยนกันเสพผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนใคร

 

นับวันในตำบลแม่รำพึงเองแตกแยกฆ่าฟันแย่งชิงผลประโยชน์กันเห็น ๆ ไม่เว้นญาติพี่น้องที่ต้องแตกแยกกันหนักขึ้นทุกวัน...หากแต่ว่าโครงการที่ไม่โปร่งใสนี้เกิดขึ้นได้ เท่ากับว่าเม็ดเงินจะเสริมพลังให้กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก ต่อยอดอันธพาลปลายแถวให้เติบโตมาสร้างความเดือดร้อนให้เมืองบางสะพานไม่สามารถสงบสุขอีกต่อไปในอนาคตและชาวบ้านก็จะไม่สามารถปกปักรักษาทรัพยากรของท้องถิ่นได้อีกต่อไป

 

ในอดีตชาวบ้านในอำเภอบางสะพายเคยคัดค้านโครงการโรงถลุงเหล็กมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 เคยมีป้ายขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ที่กลางตลาดสดตัวอำเภอบางสะพานว่า "ชาวบางสะพานไม่ต้องการโรงถลุงเหล็ก" และในสมัยนั้น ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกลุ่มทุนเองก็เคยรับปากชาวบางสะพานว่า ไม่สร้างโรงถลุงเหล็ก จึงทำเอกสารชี้แจงว่า ไม่ใช่โรงถลุงเหล็กแต่เป็นโรงรีดเหล็ก 3 โครงการที่ไม่มีมลพิษใด ๆ และเอกสารดังกล่าว ชาวบ้านยังเก็บไว้เป็นหลักฐานจนถึงทุกวันนี้

 

แต่มาถึงวันนี้เพียงสิบกว่าปี โรงถลุงเหล็กมลพิษสูงก็ถูกหยิบยื่นให้คนบางสะพานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ชาวบ้านไม่ได้ด้อยข้อมูลข่าวสารอย่างเช่นอดีตอีกต่อไป ที่จะใช้วิธีเดิม ๆ และที่สำคัญ ชาวบ้านมีบทเรียนจากโครงการเก่ามาพอสมควร เช่น อ้างความเจริญ กระจายรายได้ แท้ที่จริงความเจริญไม่ได้ทำในให้คนบางสะพานได้ดีแต่อย่างใด

 

ผลประโยชน์ต่าง ๆ ถูกแย่งชิงจากพรรคพวก ผู้มีอิทธิพล เครือข่ายของกลุ่มทุนเองเท่านั้น ชาวบ้านแท้ ๆ ได้แต่เป็นลูกจ้างทั่วไปพอประทังชีวิต แต่ต้องรับภาระจ่ายแพง กับข้าวของที่ดีดราคาขึ้นตามความเจริญ ทรัพยากรเดิมก็เสื่อมโทรมลง จะกลับไปทำอย่างเดิมก็ไม่ได้ ต้องซื้อน้ำดื่มเพราะชาวบ้านขาดความเชื่อมั่นน้ำฝนในบริเวณรอบโครงการเกือบทั้งอำเภอ แต่กลุ่มทุนพยายามออกมาบอกสังคมว่าน้ำฝนสะอาดดื่มได้ ชาวบ้านอุปาทานไปเอง อยากถามว่าใครเป็นต้นเหตุอุปาทาน แล้วจะแก้อย่างไรให้กลับเป็นอย่างเก่า ที่แน่ ๆ กระทบไปแล้วทุกครัวเรือน ยังไม่รวมผลกระทบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพประมงชายฝั่ง หรือทางสังคมอื่น ๆ อีกมากมาย

 

ที่สำคัญกลุ่มทุนเองบอกกับสังคมมาโดยตลอดว่าอุตสาหกรรมนี้เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน เพียงสิบกว่าปี มาวันนี้บอกว่าถ้าไม่มีโรงถลุงเหล็ก โครงการเก่าไม่สามารถอยู่ได้ แล้วจะยั่งยืนได้อย่างไร และหากว่าในอนาคต ถ้าโครงการโรงถลุงเกิดขึ้นได้ มลภาวะทำลายสิ่งแวดล้อมไปแล้ว ทำลายอาชีพเกษตร ประมงไปแล้ว บอกว่าไม่มีแร่เหล็ก จำเป็นต้องปิดโรงถลุงเพื่อลดภาระประเทศชาติขึ้นมาอีก จะให้ชาวบ้านไปทำมาหากินอะไรกัน คนบางสะพานเกือบแสนคน โครงการรับคนงานไม่เกิน 4,000 คนเทียบกันไม่ได้เลย...

 

ใครเริ่มเหตุความรุนแรง สังคมภายนอกมองเหมือนว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้น มาจากชาวบ้านสองกลุ่ม ที่มีความคิดต่างกัน แต่หากสัมผัสลงลึกจริง ๆ แล้ว มีรายละเอียดเบื้องหลังมากกว่าที่คิด

 

กลุ่มชาวบ้านคัดค้านโครงการส่วนใหญ่ เป็นชาวบ้านรอบโครงการ จาก 4 ตำบล คือ ตำบลแม่รำพึง (หมู่ที่ 1 บ้านดอนสำราญ, หมู่ที่ 2 บ้านท่ามะนาว, หมู่ที่ 5 บ้านปากคลอง, หมู่ที่ 7 บ้านทุ่งลานควาย) ตำบลธงชัย บ้านกรูด ตำบลกำเนิด หมู่ที่2 บ้านนาผักขวง และตำบลพงศ์ประศาสน์ โดยมีเหตุผลการคัดค้านด้านทรัพยากรท้องถิ่น ป่าพรุ และวนอุทยานแม่รำพึง ที่เกี่ยวพันกับทรัพยากรชายฝั่ง วิถีชีวิตและอาชีพประมงที่เป็นแหล่งอาหารสำคัญ และด้านมลพิษ โครงการที่มีมลพิษสูงตั้งอยู่กลางชุมชนหลายหมู่บ้านห่างเพียง 100 เมตร ใกล้ทะเลที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ดีแห่งหนึ่งของประเทศ ด้วยการเคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญ ยื่นหนังสือต่อหน่วยงานต่าง ๆ มากมาย และมีการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่งผลให้มีการเพิกถอนที่ดิน และจะมีการประกาศยกระดับพื้นที่ชุ่มน้ำให้มีความสำคัญระดับชาติ

 

การคัดค้านที่ผ่านมาต่อโครงการขนาดใหญ่ของกลุ่มทุน แน่นอนว่าต้องไปขัดขวางผลประโยชน์ก้อนมหาศาลของคนบางกลุ่มในพื้นที่ เช่น เบื้องต้นธุรกิจปรับพื้นที่ถมดินของนักการเมืองท้องถิ่น และกลุ่มอิทธิพลในบางสะพาน ที่มีบรรดาลูกน้องอันธพาล กินเหล้าเมายาอยู่ในเครือข่ายเป็นไม้เป็นมือให้ เสนอตัวเข้าจัดการกับกลุ่มคัดค้านโดยมีข้อเสนอเป็นงบประมาณลับ ๆ ส่งผ่านโครงการบริจาคสร้างภาพต่าง ๆ ในสังคมบางสะพานเป็นสิ่งจูงใจ และผลประโยชน์ที่จะแบ่งให้คือโควต้าในการถมดินที่มีเม็ดเงินมหาศาลเช่นกัน จึงมีการจัดตั้งกลุ่มสนับสนุนโครงการขึ้นมา ซึ้งทั้งหมดนี้ก็คือเหยื่อของกลุ่มทุนที่เรียกว่าการพัฒนา ถึงจะมีการออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่ข้องเกี่ยว แต่ความจริงก็คือความจริง นับวัน หากว่ากลุ่มทุนที่ชุมชนถือว่าเป็นบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาทำผลประโยชน์ในชุมชน ไม่มีความจริงใจ ไม่มีธรรมมาภิบาลจริง ใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายด้วยทุนที่เหนือกว่า แต่อย่าลืมว่าสังคมส่วนใหญ่จับตาดูอยู่ จะเดินหน้าโดยไม่สนใจใยดีคนรอบข้างซึ่งถือว่าเป็นชมชุนเจ้าของพื้นที่ที่อาศัยมาก่อนเป็นเวลาช้านาน โดยอ้างกฎหมายแต่ไร้คุณธรรมที่แท้จริง อย่าว่าแต่หลอกสังคมเลย ถือว่าหลอกตัวเองด้วยซ้ำ เพียงเท่านี้ยังไม่สามารถออกมารับความจริงได้ แล้วจะพัฒนาแข่งขันกับต่างชาติตามที่อ้างได้อย่างไร

 

 อีกอย่างที่ทำให้ความรุนแรงเกิดขึ้น น่าจะมาจากขบวนการแทรกซึมเอื้อเฟื้อของกลุ่มทุ่นที่เกิดขึ้นต่อหน่วยงานรัฐ ในท้องถิ่นบางสะพาน ซึ่งมีตั้งแต่ผลประโยชน์ การบริจาค จนกลุ่มทุนเข้าไปนั่งเป็นกรรมการตำรวจหลายคน จนสามารถรับประกันกับกลุ่มสนับสนุนว่าไม่มีปัญหาเคลียร์ได้ มั่นใจที่จะกระทำอะไร ที่ไหนก็ได้ไม่เกรงกลัวใคร สามารถถืออาวุธในสถานที่ราชการต่อหน้าเจ้าหน้าที่ได้

 

กลุ่มชาวบ้านคัดค้านด้วยเหตุด้วยผลเกือบสองปีไม่มีความรุนแรงใด ๆ แต่กลุ่มที่อ้างสนับสนุนเกิดขึ้นมาไม่ถึง 3 เดือนประทุความรุนแรงต่อเนื่อง โดยมีกำลังที่ต่างกันมากกลุ่มคัดค้านเป็นชาวบ้านที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและสูงอายุ แต่กลุ่มสนับสนุน มีแต่ชายฉกรรจ์และวัยรุ่นต้องมีเหล้าเบียร์และอาวุธทุกครั้งที่ออกมาเคลื่อนไหว

 

ปัญหาจนถึงวันนี้ชาวบ้านพอสรุปได้ว่ากลุ่มทุนไม่เคยยอมรับว่าตนผิดแม้แต่เรื่องเดียว กลุ่มทุนไม่เคยชี้แจงหรือยอมรับ แต่กลับไปสร้างกลุ่มสนับสนุนตนว่าไม่ผิด ถือเป็นการสร้างความแตกแยกที่เห็นแก่ตัวที่สุด เอารัดเอาเปรียบประชาชนที่ด้อยกว่าทุก ๆ ด้านอย่างไม่มีคุณธรรม ใช้เงินเปลี่ยนผิดเป็นชอบ เปลี่ยนรุกเป็นเช่า ตลอดมา

 

 

 

ลำดับเหตุการณ์ความรุนแรง วันที่ 24 มกราคม 2551

 

ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง และชาวบ้านบางสะพาน คือกลุ่มคัดค้านโครงการโรงถลุงเหล็กกว่า1 ปี

 

ด้วยเหตุผลต่างๆ ได้แก่ มีเอกสารสิทธิ์ที่ดินทับพื้นที่ชุ่มน้ำป่าพรุแม่รำพึง ไม่ต้องการให้โครงการมีมลพิษสูงอยู่กลางชุมชนอันจะกระทบทรัพยากรชายฝั่ง และอ่าวบางสะพานรุนแรง นอกจากนี้ การรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมยังไม่ผ่าน อี.ไอ.เอ. อีกทั้งล่าสุด ที่ผ่านมา ชาวบ้านโดยรอบโครงการที่จะได้รับผลกระทบ ในตำบลแม่รำพึง ตำบลธงชัย และตำบลกำเนิด ร่วมกันคัดค้าน จนมีการยกเลิกใบอนุญาตถมดิน จำนวน 1,142 ไร่ ของ อบต.แม่รำพึง เมื่อ วันที่ 21 พ.ย. 2550 แต่ทาง อบต.พยามใช้เหตุผลว่าถูกบังคับและจะกลับไปใช้ฉบับเดิม

 

วันที่ 19 มกราคม 2550 ทางบริษัท เริ่มขุดคลองระบายน้ำโดยการปักแนวเขต อ้างว่าแก้ความกังวลเรื่องน้ำท่วมหากมีการถมดินโครงการ แท้จริงเป็นลำรางระบายน้ำของโครงการเอง ไม่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมบางสะพาน และที่สำคัญ ทับเส้นทางสาธารณะ และปลายลำรางระบายน้ำทิ้งลงสู่ป่าพรุ และวนอุทยานแม่รำพึงที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงร่วมกับชาวบ้านยื่นหนังสือคัดค้านให้นายอำเภอบางสะพาน และลงพื้นที่ตรวจสอบ และนายอำเภอจึงทำหนังสือให้ทาง อบต.แม่รำพึงตรวจสอบ เร่งด่วนต่อไป

 

วันที่ 21 มกราคม 2551 ทางบริษัทบางปะกงการโยธา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ นำรถขุดดิน และรถแทรคเตอร์เฟืองลอยลงพื้นที่ ขุดคลองระบายน้ำ กลุ่มชาวบ้านได้เข้าพื้นที่ให้หยุดการชุดและสังเกตุเห็นกลุ่มวัยรุ่นคุ้มกันมีอาวุธ มีด และปืนจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น ยึดมีดได้ เกือบ 30 เล่ม ส่วนอาวุธปืนหลุดรอดไปได้

 

วันที่ 22 มกราคม 2551 มีการเคลื่อนไหวนำกำลังเพิ่มเติมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และได้ทราบข่าวว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะระดมกำลังกันในวันถัดไป

 

วันที่ 23 มกราคม 2551 เครื่องจักรชุดเดิมลงพื้นที่ทำงานขุด ตั้งแต่เวลา 08.30 น.โดยมีกลุ่มวัยรุ่นและชายฉกรรจ์จำนวนมากกว่า 150 คน อาวุธครบมือ ดื่มเหล้า เบียร์ ระวังในพื้นที่ ให้เครื่องจักรทำงาน ขณะเดียวกัน ทางกลุ่มอนุรักษ์ก็แจ้งข่าวให้ชาวบ้านทราบและรวมตัวกันกว่า 200 คน เตรียมเข้าพื้นที่ แต่ปรากฏว่ามีการวางตะปูเรือใบในเส้นทางจำนวนมาก ชาวบ้านทั้งหมดจึงเดินเท้าเข้าพื้นที่ ระหว่างทาง เจ้าหน้าที่ นปพ.กว่า 20 นาย ได้เดินทางมาถึงและดูแลความปลอดภัยให้ ในขณะที่เดินทางก็ได้มีกลุ่มอันธพาลเข้าทำร้ายโดยใช้ขวดเบียร์ หนังสติ๊ก ลูกเหล็กที่ทำจากเหล็กเส้นข้ออ้อยตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 1 ซ.ม.ยิงใส่จำนวนมาก กลุ่มชาวบ้านบางส่วนก็ได้ตอบโต้ป้องกันตัวด้วยเช่นกัน จนเดินทางผ่านไปได้หนึ่งจุด

 

และระหว่างนั้น ก็ได้ติดต่อไปยังนายอำเภอ ตำรวจ ให้เข้าตรวจค้นอาวุธ เนื่องจากชาวบ้านเห็นกลุ่มดังกล่าวมีอาวุธปืนจำนวนมาก แต่ไม่มีการตอบสนองใด ๆ จากทุกฝ่าย จนเวลาประมาณ 10.00 น.ทางแกนนำก็ติดต่อไปยังสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน 3 ครั้ง ออกอากาศสดร้องขอให้ผู้มีอำนาจสั่งการ ให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น แต่ก็ไม่มี

 

จนเวลา ประมาณ 13.30 น.ก็ได้มีเสียงปืนดังหลายนัดติดต่อกัน และทราบว่ามีคนเสียชีวิต 2 คน แต่ภายหลัง ข่าวบอกว่า 1 คน และเป็นการยิงกันเองในกลุ่มเสื้อแดง และทางกลุ่มชาวบ้านได้เดินทางกลับศาลาหมู่บ้าน โดยให้เจ้าหน้าที่ประกบไปเพื่อความปลอดภัย และตรวจค้นอาวุธทุกคนก่อนเข้าศาลา เวลาประมาณ 15.20 น.แต่ต่อมากลับเป็นว่ากลุ่มชาวบ้านเป็นผู้กระทำ และออกหมายจับผู้ที่เป็นญาติผู้คัดค้านโดยยังไม่มีหลักฐานใด ๆ...

 

ที่สำคัญจุดเกิดเหตุ บุคคลที่กลุ่มทุนบอกว่าเป็นลูกจ้างบริษัท แต่พฤติกรรมพยายามบุกเข้ามาในที่ชาวบ้านตลอดเวลา จุดเกิดเหตุทั้งสองจุดก็เป็นที่ดินสวนมะพร้าวของชาวบ้านทั้งสิ้น และที่สำคัญงานขุดคลองที่ใช้เครื่องมือหนักเช่นรถตักดิน และรถแทรคเตอร์ การอ้างว่าเป็นพนักงานเก็บเศษไม้ไม่น่าจะสมเหตุสมผลเนื่องจากเป็นงานหยาบ ก็คงให้สายตาสังคมเป็นผู้ตัดสินต่อไป.....

 

 

 

 

 

 

 

หลักฐานการติดต่อ ที่พยายามแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจอาวุธ

ในเหตุการณ์ปะทะที่ อ.บางสะพาน เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551

จาก FM.98.0 Mhz ร่วมด่วยช่วยกัน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

 

13.00 น. ได้รับแจ้งจากคุณสุพจน์ ส่งเสียง ว่าเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กับกลุ่มเครือสหวิริยา ที่บริเวณพื้นที่ป่าพรุ อ.บางสะพาน ที่กำลังจะได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ

 

13.30 น. คุณสุพจน์เข้าสายในรายการเล่าถึงความเป็นมา และเหตุที่เคยมีการปะทะกัน และช่วงเช้าก็เกิดการปะทะกันไปครั้งหนึ่งแล้ว และทำให้มีชาวบ้านหลายคนได้รับบาดเจ็บโดยทราบว่าทางฝ่ายเครือสหวิริยามีการนำกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 50-60 คน พร้อมอาวุธมีดประมาณ 30 กว่าเล่ม อาวุธปืน 4 กระบอก และแกนนำเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มผู้รับเหมามาด้วยฯ

 

หลังจากวางสายจากคุณสุพจน์แล้ว ทางทีมงานได้ประสานไปยังนายอำเภอบางสะพาน-

 

14.00 น. นายธวัชชัย ดิษยนันท์ นายอำเภอบางสะพาน ได้แจ้งกับทางทีมงานว่าขณะนี้กำลังอยู่ในที่เกิดเหตุ และพยายามที่จะหาวิธีไกล่เกลี่ยให้ดีที่สุด ที่จะไม่ให้แต่ละฝ่ายได้รับบาดเจ็บ

 

หลังจากนั้นทีมงานฯ ได้ขอให้นายอำเภอเข้าสายในรายการ แต่ได้รับคำตอบว่าต้องขอเข้าไปปรึกษาที่จังหวัดก่อน ขอเวลาอีกสักพัก (ใหญ่)

 

หลังจากทางทีมงานได้ประสานไปยัง ผกก.สภ.บางสะพาน -

 

พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง (โทร.ไม่ติด แต่ทราบภายหลังว่าท่านอยู่ในที่เกิดเหตุ)

 

หลังจากนั้นทีมงานฯ ได้ติดต่อไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด -

 

พล.ต.ต.วิรัช วัชรขจร แจ้งว่าขณะนี้ท่านอยู่นอกพื้นที่ที่ จ.นครปฐม แต่ตอนนี้ มี พ.ต.อ.ทิวา บุญดำเนิน รองผู้การฯอยู่ที่พื้นที่ ให้ประสานไปยัง พ.ต.อ.ทิวา บุญดำเนินได้เลย

 

ทีมงานได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.ทิวา บุญดำเนิน

 

ได้รับแจ้งจาก พ.ต.อ.ทิวา บุญดำเนิน ว่ากำลังประชุมอยู่ที่จังหวัด และท่านก็ได้วางสายไป

 

ทีมงานประสานไปยัง นายประสงค์ พิทูรกิจจา ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

 

ได้รับแจ้งจาก นายประสงค์ พิทูรกิจจา ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตอนนี้อยู่ที่ทางใต้

ทางทีมงานได้สอบถามท่านผู้ว่าฯ ว่าจะสามารถสั่งการเพื่อระงับเหตุดังกล่าวก่อนได้หรือไม่

ก็ได้รับคำตอบจากท่านผู้ว่าฯ ว่า ถ้าจะให้สั่งก็สั่งได้ แต่จะทำกันหรือเปล่าไม่รู้

 

เมื่อเวลาประมาณ 14.10 น. ได้รับแจ้งจากคุณสุพจน์ว่าขณะนี้เกิดเหตุมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด และมีคนของเครือสหวิริยา ใช้หนังสติ๊กยิง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

 

14.30 น. ได้รับแจ้งจากคุณประนารี บุญญศิริ ประชาสัมพันธ์บริษัทสหวิริยา แจ้งว่า ตนอยู่ในที่เกิดเหตุ ขณะนี้มีความเป็นห่วงชาวบ้านและพนักงาน เพราะว่ามีคนบาดเจ็บหลายคน และเท่าที่ทราบคือมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน

 

รองบงการ ลิมปพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์กำลังเดินทางไปในที่เกิดเหตุ

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท