Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


"หมัก" เผยอี๋อ๋อ "สพรั่ง" เมินนำเหล่าทัพรับพร "ป๋า"


ไทยรัฐ - วานนี้ (11 ก.พ.) เวลา 08.59 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และศาลหลักเมือง พร้อมคณะทำงานประกอบด้วย พล.อ. อุดมชัย องคสิงห์ ว่าที่ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม พล.อ.ขวัญชาติ กล้าหาญ ว่าที่เลขานุการ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ท. สุเมธ โพธิ์มณี ว่าที่หัวหน้าฝ่าย เสธ.ประจำ รมว.กลาโหม โดยมี พล.อ.พิศณุ อุไรเลิศ เจ้ากรมเสมียนตรา เป็นตัวแทนกระทรวงกลาโหมต้อนรับและให้คำแนะนำในการถวายสักการะสิ่งศักดิ์และศาลหลักเมือง จากนั้นนายสมัครเดินเท้าเข้าไปที่กระทรวงกลาโหม โดยระหว่างทางได้ซักถาม พล.อ.พิศณุ ถึงที่มาที่ไปของปืนตานีที่ตั้งอยู่หน้ากระทรวง รวมถึงรูปปั้นพญาคชสีห์ที่ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือและทิศใต้


 


กระทั่งเวลา 09.20 น. นายสมัครก้าวเท้าขวาเข้ากระทรวง เพื่อไปรับความเคารพจากทหารกองเกียรติยศเพื่อเทิดเกียรติในการรับตำแหน่ง รมว.กลาโหม โดยมีพล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ รอง ผบ.ทหารสูงสุด ซึ่งมาเป็นตัวแทน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.ไพศาล สีตะบุตร รอง ผบ.ทอ. ตัวแทน พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ที่ติดภารกิจต่างประเทศ รอให้การต้อนรับ อย่างไรก็ตาม ระหว่างพิธีเทิดเกียรติได้เกิดรายการผิดคิวเล็กน้อย เนื่องจากนายสมัครเดินลงจากปะรำพิธีก่อนที่ทหารกองเกียรติยศจะเดินสวนสนามเทิดเกียรติให้ นายทหารที่อยู่ใกล้ๆจึงกระซิบบอกว่าต้องรอให้ทหารกองเกียรติยศเดินสวนสนามก่อนจึงจะถือว่าจบพิธี แต่นายสมัครซึ่งเดินลงจากปะรำพิธีมาแล้วบอกว่าไม่เป็นไร จากนั้นก็เดินไปสักการะศาลเจ้าพ่อหอกลอง และเข้าร่วมประชุมกับ ผบ.เหล่าทัพเป็นครั้งแรก


 


ต่อมาเวลา 11.40 น. นายสมัครให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมเรียบร้อยดี ตกลงการทำงานเรียบร้อย แต่บอกรายละเอียดไม่ได้ ต้องรอให้มีการประชุมห้องเล็กอีกครั้ง กำลังหาสถานที่อยู่ แต่หากทางเหล่าทัพจะบอกรายละเอียด เขาจะเป็นผู้พูดเอง ถ้าไม่คุยก็แสดงว่าไม่อยากบอก สำหรับเรื่องเงินประจำตำแหน่งที่เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ ปรากฏว่าตนเชยจริงๆ เพราะกฎหมายออกเรียบร้อยไปแล้ว


 


ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลในการทำงานร่วมกับกองทัพหรือไม่ นายสมัครตอบว่า ทำไมต้องกังวล พูดจากันดีทุกอย่าง ไม่ต้องแบกความกังวลอะไรมาเลย ทุกคนดีหมด คุยกันยาว คนที่คุยกันนานที่สุดคือ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นการคุยเรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะไปถามปัญหาหลายอย่างแล้ว พล.อ.สพรั่งรู้ดีกว่าเพื่อน มีประสบการณ์ก็เลยตอบ จึงคุยกันยาว วันนี้ไม่ใช่การให้นโยบายเพียงแต่คุยว่ามีปัญหาอะไรบ้าง เหมือนกับรายงานสถานการณ์ให้ฟังว่าอะไรเป็นอย่างไร



เมื่อถามว่า ปัญหาที่หนักที่สุดของกระทรวงกลาโหมที่ฝ่ายทหารมาคุยให้ฟังคืออะไร นายสมัครตอบติดตลกว่า ปัญหาหนักคือปืนที่อยู่ข้างหน้า แต่ไม่ได้ถามเรื่องน้ำหนักว่าใครจะชั่งอะไรเท่าไหร่ เมื่อถามว่า ปัญหาภาคใต้ ถือเป็นปัญหาหนักหรือไม่ นายสมัครตอบว่า ยังไม่ได้คุย จะคุยกันห้องเล็ก เมื่อถามว่าได้เสนอแนวคิดอย่างไรบ้างในฐานะพลเรือน นายสมัครตอบว่า เรื่องพรรค์นี้ยังไม่ บอกอะไรหรอก เอาเป็นว่าคุยกันเรียบร้อยดีก็แล้วกัน เมื่อถามถึงธรรมเนียมปฏิบัติของกองทัพที่อาจจะมีการตบเท้าเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นายสมัครกล่าวว่า คำถามอย่างนี้ไม่ตอบ



เมื่อถามถึงเป้าหมายในการทำงานในตำแหน่ง รมว.กลาโหม นายสมัครตอบว่า ทำให้กองทัพอยู่กับบ้านเมืองอย่างเรียบร้อยดี ส่วนจะทำอะไรก่อนหลัง ฝ่ายทหารจะเป็นผู้บอกตนว่าจะทำอะไรบ้าง 1-2-3-4 ตนก็รับฟังแล้วก็บอกว่าโอเคใช้ได้ เรียบร้อยดี ส่วนรายละเอียดยังไม่ควรแถลงตอนนี้ เมื่อถามถึงการโยกย้ายทหารที่จะมีขึ้นประมาณเดือน เม.ย.นี้ นายสมัครตอบว่า ทำไมลมหายใจจดจ่อแต่เรื่องโยกย้ายอย่างเดียวเลยหรือไงตนยังไม่ห่วงเลย แล้วผู้สื่อข่าวจะมาห่วงทำไม เมื่อถามว่ามีการหารือถึงการเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายสมัครตอบว่า ไม่ใช่ สาระ มาหาแม่ทัพนายกองครั้งแรกจะพูดกันเรื่องนี้หรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน เมื่อถามถึงบทบาทของฝ่ายทหารต่อการเมือง รวมทั้งบทบาทการเมืองที่จะมีต่อฝ่ายทหาร ได้หารือกันอย่างไร นายสมัครตอบว่า จะมาเล่าให้สื่อฟังทำไม พูดกันภายใน รับรู้กันหมดแล้ว ไปถามทหารเอาเอง ถ้าทหารอยากจะบอกก็พูดเอง เขารู้ว่าอะไรควรพูดแค่ไหนอย่างไร ตนมาอย่างนี้ กลับลงมาได้เรียบร้อยดี ยังไม่พอใจกันอีกหรือ ยืนยันว่าไม่ต้องมีการปรับความเข้าใจอะไรกัน เพราะไม่เคยเข้าใจอะไรกันผิด เมื่อถามว่า ทหารบอกหรือไม่ว่าจะมีการปฏิวัติอีกหรือเปล่า ปรากฏว่านายสมัครเลี่ยงที่จะตอบคำถาม แล้วเดินไปขึ้นรถอย่างอารมณ์ดี



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพครั้งนี้ นายสมัครกล่าวต่อที่ประชุมว่า ได้คุยกับ พล.อ. บุญรอด สมทัศน์ อดีต รมว.กลาโหม เกี่ยวกับเรื่อง พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมแล้ว เข้าใจดีว่ากฎหมายดังกล่าวดำเนินการมาและมีการประกาศใช้ในช่วงนี้ ไม่ใช่มากีดกันอะไรตน การแต่งตั้งโยกย้ายต้องเดินหน้าตามขั้นตอนอยู่แล้ว จะไม่เข้าแทรกแซงยุ่งเกี่ยว ให้ ผบ.เหล่าทัพว่ากันไป ขั้นตอนว่ายังไงก็เป็นตามนั้น สำหรับการเข้ามานั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหมไม่ได้มีวาระอะไร ต้องการให้กองทัพปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ ตนจะดูในภาพรวมเท่านั้น เพียงแต่อยากเป็นคนกลางให้ เป็นตัวเชื่อมให้ เพราะเป็นพลเรือน ไม่มีพวก ไม่มีรุ่น ที่ผ่านมา รมว.กลาโหมเป็นทหารมีพรรคพวก มักเกิดปัญหา "ผมอยากมาเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหา เป็นตัวเชื่อมระหว่างรัฐบาลและกองทัพ ยิ่งผมไม่มีพวกก็ง่ายหน่อย และขออย่าไปคิดตามข่าว ผม ไม่ได้ต้องการมาคิดบัญชีหรือเช็กบิล"


 


"จักรภพ" รับลูก "หมัก" ตั้งทีวีช่องใหม่


เว็บไซต์ไทยรัฐ - นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่าอาจจะมีการตั้งสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ขึ้นมาแข่งกับไทยพีบีเอสว่า นายกฯได้พูดถึงทางเลือกสำคัญ ซึ่งตรงตามแผนงานที่ตนวางไว้เรื่องการแก้ไขปัญหาการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ที่อาจจะมีการเปิดสถานีโทรทัศน์ และเพิ่มผู้เล่นให้มากขึ้น เบื้องต้นจะแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาความสมดุลของข้อมูลข่าวสารภาครัฐ เพื่อประเมินว่าที่ผ่านมาประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นธรรมและรอบด้านหรือไม่ หากได้รับข้อมูลข่าวสารไม่ครบถ้วน จึงนำมาสู่การหาทางเลือกให้ประชาชนต่อไป โดยการเพิ่มช่องสถานีโทรทัศน์ใหม่เป็นทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเราอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการมาเป็นปี เมื่อเปลี่ยนเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยก็ต้องทบทวน แต่การดำเนินการต่างๆจะทำอย่างถูกต้องภายใต้กฎหมาย


 


นายจักรภพกล่าวว่า ส่วนสถานีโทรทัศน์ช่องใหม่จะเป็นทีวีสาธารณะหรือฟรีทีวีนั้นต้องศึกษาดูก่อน ซึ่งต้นเดือน มี.ค. จะแถลงถึงแนวทางการบริหารสื่อภาครัฐทั้งกรมประชาสัมพันธ์ อสมท ไทยพีบีเอส และทีวีดาวเทียมอย่างเป็นทางการ เพราะที่ผ่านมาการบริหารงานสื่อภาครัฐทำแบบสมบัติผลัดกันชม ไม่เกิดประโยชน์ ผู้สื่อข่าวถามว่า ทีวีช่องใหม่ตามที่นายกฯพูดสอดรับกับกระแสข่าวสถานีโทรทัศน์พีทีวีจะเปิดตัวในวันที่ 15 ก.พ. หรือไม่ นายจักรภพตอบว่า ตนไม่เกี่ยวข้องกับพีทีวี ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งแล้ว ไม่มีหุ้น และไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัว เพื่อป้องกันเรื่องการเอื้อประโยชน์พวกพ้อง อย่างไรก็ตาม พีทีวีอยู่ภายใต้การบริหารงานสื่อภาครัฐเหมือนสื่ออื่นๆ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมภายใต้กรอบกฎหมาย เมื่อถามว่า จะปรับย้ายนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาถูกวิจารณ์ ว่าเอนเอียงเข้าข้าง คมช. นายจักรภพตอบว่า จะแยกข้าราชการเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลเผด็จการหรือประชาธิปไตย มิเช่นนั้นจะขัดระเบียบวินัยข้าราชการ ถือว่าน่าเห็นใจ 2. ข้าราชการที่มีความเอนเอียงชัดเจน ทำนอกหน้าที่ ก็ต้องพิจารณาอีกแง่หนึ่ง



ด้านนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดของนายกรัฐมนตรีที่จะขอเปิดสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ โดยอาจจะรับพนักงานจากทีไอทีวีเข้ามาทำงานว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) จึงสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถอนุญาตให้จัด ตั้งสถานีได้ เนื่องจากมาตรา 80 ของ พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ระบุว่า ห้ามจัดตั้งสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ ห้ามการอนุญาตใช้คลื่นความถี่ และห้ามอนุญาตให้ขยายบริการเพิ่มเติม ในระหว่างที่ยังไม่มี กสช. ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯระบุว่าการแปลงทีไอทีวีเป็นทีวีสาธารณะไม่เป็นธรรมกับคนทำงาน นายปราโมชตอบว่า เมื่อเป็นกฎหมายที่ผ่าน สนช.ทั้ง 3 วาระ ในฐานะภาครัฐก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้กรมประชาสัมพันธ์ อยู่ในฐานะลำบากหรือไม่ นายปราโมชตอบว่า ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นปกติ ผู้ใหญ่คงเข้าใจบทบาทและหน้าที่เป็นอย่างไร ก็ต้องขอเวลาดูอีกระยะหนึ่ง


 


"ป๋าเปรม" มอบทุนมูลนิธิโทเร - ปัดพูดเรื่องการเมือง


เดลินิวส์ - วานนี้ (11 ก.พ.) พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลและเงินทุนช่วยเหลือการวิจัย ครั้งที่ 14 มูลนิธิโทเร เพื่อการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ที่โรงแรมปาร์คนายเลิศ โดยกล่าวว่า กิจกรรมที่มูลนิธิโทเรฯ จัดขึ้น น่ายกย่อง เพราะมีคุณค่า และเป็นประโยชน์ รวมทั้งมีส่วนทำให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาชนและสาธารณชน


 


พล.อ.เปรม กล่าวว่า สำหรับผลงานของมูลนิธิโทเรฯ เป็นงานวิจัยที่เป็นโครงการใหญ่ที่ดี แต่ต้องใช้เวลา และเงินทุนมาก เช่น โครงการที่โรงเรียนต่างๆ เสนอวิธีปลูกมันสำปะหลังให้มีผลผลิตมากขึ้น โดยใช้ขี้ควายทำประโยชน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะสามารถนำไปใช้ได้ทันที คนยากจนสามารถนำไปใช้ได้ ดังนั้น จึงน่าสนใจ และควรส่งเสริมให้มีผลงานออกมา แต่ส่วนตัวไม่มีหน้าที่ดูแล เพราะเป็นเรื่องของมูลนิธิโทเรฯ เมื่อถามถึงโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ พล.อ.เปรม กล่าวว่า เป็นคนละวัตถุประสงค์กับมูลนิธิโทเรฯ ซึ่งมูลนิธิดังกล่าวต้องใช้นักวิชาการ แต่โครงการสานใจไทยสู่ใจใต้เป็นเรื่องทางสังคม เมื่อถามว่าขณะนี้สถานการณ์ใต้ยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น จะมีข้อแนะนำ


 


อย่างไร พล.อ.เปรม กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า "จบ" นอกจากนี้ พล.อ.เปรม ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง โดยระบุว่า "ไม่ขอพูดเรื่องการเมือง"


 


"สุเทพ" บอก ครม.เงาประกบติดรัฐบาลแบบก้าวต่อก้าว


เดลินิวส์ - วานนี้ (11 ก.พ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีเงาที่ตรวจสอบการทำงานของกระทรวงมหาดไทย กล่าวยอมรับว่า คณะรัฐมนตรีเงาเป็นเรื่องใหม่ ที่ต้องใช้เวลาทำงานสักระยะ ก่อนที่ประชาชนจะได้เห็นบทบาทหน้าที่ของ ครม.เงาอย่างชัดเจน ซึ่งในการประชุม ครม.เงานัดแรก ในเวลา 14.00 น. จะมีการปรึกษาหารือถึงแนวทางการทำงานของ ครม.เงา และบทบาทหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีเงาแต่ละคน ส่วนการกำหนดวันประชุมที่ชัดเจนในแต่ละสัปดาห์ ต้องรอการหารือกันของที่ประชุมก่อน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการทำงานของ ครม.เงา ต้องทันกับสิ่งที่คณะรัฐมนตรีดำเนินการแบบก้าวต่อก้าว โดยเฉพาะการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลตามหน้าที่ของฝ่ายค้าน เพื่อไม่ให้ประเทศเกิดความเสียหาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ขอวิจารณ์อะไร เพราะต้องให้รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน


 


 






เศรษฐกิจ


 


มิ่งขวัญเข้มห้ามขึ้นราคาสินค้า 1 เดือน


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ช่วง 1 เดือน ที่กรมการค้าภายในวิเคราะห์ต้นทุนสินค้า 33 รายการ เพื่อขอความร่วมมือให้ปรับราคานั้น ตนจะยังไม่อนุมัติให้สินค้ารายการใดปรับขึ้นราคาในระหว่างนี้ จนกว่าจะมีการตรวจสอบต้นทุนที่แน่ชัดก่อน


 


ทั้งนี้ แนวทางที่จะเข้าไปดูแลราคาสินค้า จะเรียกผู้ประกอบการหารือก่อน โดยกระทรวงฯ จะเข้าไปช่วยเรื่องบริหารจัดการต้นทุน เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง เพื่อให้สินค้าเหล่านี้มีต้นทุนลดลง แต่หากมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นก็พร้อมอนุมัติให้เป็นไปตามกลไกตลาด นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า สินค้า 33 รายการ ที่กรมฯ กำลังศึกษาโครงสร้างต้นทุนมีหลายรายการสามารถปรับลดราคาลงมาได้ โดยเฉพาะกลุ่มของใช้ภายในบ้าน เช่น สบู่ น้ำยาล้างจาน แชมพู รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร แม้ว่ากลุ่มเหล่านี้จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่หากมีการบริหารจัดการที่ดีก็สามารถปรับลดราคาลงมาได้


 


"ต้องยอมรับว่ากลุ่มเหล่านี้ มีการตั้งราคาจำหน่ายต่อกำไรสูงกว่ากลุ่มอื่น ดังนั้น หากบริหารจัดการตรงนี้ให้ดี ก็สามารถอยู่ได้ภายต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภค" นายยรรยง กล่าว


 


ในสัปดาห์หน้า นายมิ่งขวัญจะเชิญกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ รวมถึงสมาคมต่างๆ มาหารือ เพื่อขอความร่วมมือในการปรับลด หรือตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับประชาชน


 


น.ท.หญิงวรรณพร มาศเกษม นายกสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม กล่าวว่า แนวทางที่กระทรวงพาณิชย์ต้องการให้ผู้ประกอบการปรับลดราคาสินค้าลงมา ในส่วนของน้ำมันปาล์มเห็นว่าคงเป็นไป ได้ยาก เพราะวัตถุดิบที่ใช้ผลิต น้ำมันปาล์มบรรจุขวดต้องขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก ซึ่งแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ


 


นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การพิจารณาเปิดนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นจากปริมาณโควตาที่มีอยู่สามารถทำได้ ซึ่งในอดีตก็เคยมีการปฏิบัติกันมา โดยจะมีคณะกรรมการที่ดูแลสินค้าต่างๆ เฉพาะ เช่น ถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม


 


 






คุณภาพชีวิต


 


ก.คมนัดถกรวมเส้นทางรถไฟฟ้า สัปดาห์หน้า


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - แนวทางการผลักดันก่อสร้างรถไฟฟ้าของรัฐบาล ขณะนี้มีความแตกต่างกันระหว่างโครงการที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาไว้ ซึ่งมีทั้งสิ้น 10 เส้นทาง โดยมี 5 เส้นทาง ที่เริ่มกระบวนการประกวดราคาแล้ว คือ สายสีแดง 2 ช่วง คือ ตลิ่งชัน-บางซื่อ และบางซื่อ-รังสิต สายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ และสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ


 


ส่วนเส้นทางที่นายสมัคร สุนทรเวช เคยออกแบบศึกษาไว้สมัยเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งจัดทำโดยนายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี โดยเส้นทางที่เรียกว่า " 9 แฉก" ประกอบด้วย บางใหญ่-ไทรน้อย- ดาวคะนอง 35 กิโลเมตร สายสำโรง-เมืองโบราณ 17 กิโลเมตร สายหมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา-ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 36.5 กิโลเมตร สายตากสิน-มหาชัย 20 กิโลเมตร สายบางซื่อ-คลองเตย (Loop 1) 29 กิโลเมตร สายมีนบุรี-ศาลายา 51 กิโลเมตร สายตากสิน-พุทธมณฑลสาย 4 21.7 กิโลเมตร สายวัดใหญ่-ป้อมพระจุล 6 กิโลเมตร และสุดท้าย สายบางกะปิ (Loop 2) 95 กิโลเมตร รวมระยะทาง 311 กิโลเมตร ซึ่งภาพรวมของแผนการก่อสร้างดังกล่าวกับของ สนข. มีความแตกต่างกันบ้าง แม้จะไม่มากนัก


 


ทั้งนี้ มีรายงานข่าวระบุว่า ในสัปดาห์หน้า ภายหลังรัฐบาลแถลงนโยบายแล้ว นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเชิญผู้บริหาร สนข. การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) หารือ เพื่อนำแผนก่อสร้างที่นายสมัครศึกษาไว้กับของ สนข. มาพิจารณา เพื่อให้ได้เส้นทางที่มีความเหมาะสมมากที่สุด หลังจากนั้นจะมีการรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ หากมีเส้นทางใดเปลี่ยนแปลงจากที่นายสมัครเคยศึกษาไว้ จะมีการอธิบายให้ทราบว่า ทำไมต้องมีการปรับเส้นทาง และมีเหตุผลอะไร สำหรับปัจจัยประกอบในการปรับเส้นทางแต่ละสายนั้น จะพิจารณาจากปัจจัย ปริมาณผู้โดยสารในแต่ละเส้นทาง นับจากจุดสถานีต้นทางและปลายทางและตลอดเส้นทาง ลักษณะทางกายภาพ ทั้งในเรื่องสถานีและเส้นทางที่ลากผ่าน ซึ่งจะคำนึงถึงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม การยอมรับจากชุมชน และการออกแบบที่ทำไว้ ในลักษณะรถไฟใต้ดินหรือลอยฟ้า รวมถึงจุดเชื่อมโยงกับระบบขนส่งในรูปแบบอื่น เช่น รถไฟชานเมือง รถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)


 


สุวิทย์เล็งสร้างรางคู่เข้านิคมฯ


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวภายหลัง การสัมมนาเรื่อง "การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการบริหารและกำกับโครงการตามขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมในส่วนภูมิภาค" ว่า จะหารือกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม ถึงแนวทางการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ด้วยการสร้างรถไฟรางคู่เข้าไปยังนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อขนส่งวัตถุดิบเข้าสู่โรงงานและกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคในภูมิภาค โดยจะมีการเชื่อมต่อรางรถไฟที่มีอยู่แล้วเข้าไปนิคมอุตสาหกรรม หรือศูนย์กระจายสินค้า


 


"เบื้องต้นมีแนวคิดที่จะสร้างระบบรางเข้าไปยังพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมหนาแน่น รวมทั้งศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งผู้ประกอบการและบริหารจัดการระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมก็จะเป็นแรงดึงดูดนักลงทุน ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้มากขึ้น" นายสุวิทย์ กล่าว


 


นอกจากนี้ จะเจรจากับกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อนำพื้นที่ของการรถไฟฯ มาพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม หรือศูนย์กระจายสินค้า เนื่องจากในต่างจังหวัด ยังมีพื้นที่ของการรถไฟฯ อีกมากที่สามารถพัฒนาพื้นที่ เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมได้ ทั้งนี้หากเอกชนสนใจก็สามารถเข้ามาพื้นที่ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้


 


นายสุวิทย์ กล่าวว่า สำหรับนโยบาย ที่กำหนดให้ปี 2551-2552 เป็นปีแห่ง การส่งเสริมการลงทุนหรือ Thailand Investment Year นั้นกระทรวงจะสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการลงทุนมากที่สุด ให้กับนักลงทุนไทยและต่างชาติ โดยจะแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน ซึ่งเชื่อว่าจากนี้ไปบรรยากาศการลงทุนในประเทศไทยจะดีขึ้นตามลำดับ และมีความพร้อมมากที่สุดในอาเซียน


 


เชื่อว่าขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยจะต้องกลับมาติดอันดับ 1 ใน 20 ของการสำรวจจากสถาบัน ไอเอ็มดี ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของโลกอย่างแน่นอน


 


อย่างไรก็ตาม นโยบายเร่งด่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมคือ การส่งเสริมการลงทุนดูแลผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมให้อยู่ได้ และสร้างผู้ประกอบการใหม่ขึ้นมา นอกจากนี้จะเร่งแก้ปัญหาหนี้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย 2 หมื่นล้านบาท


 


สุวรรณภูมิปิดรันเวย์ฝั่งตะวันออกซ่อม 18 กุมภาพันธ์นี้


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีแผนที่จะซ่อมแซมทางวิ่งฝั่งตะวันออก ซึ่งมีพื้นผิวที่ชำรุด 600 เมตร ทำให้ต้องปิดใช้งานทางวิ่งฝั่งดังกล่าวเป็นระยะทางประมาณ 2,000 เมตร ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 7 เมษายน 2551 เป็นเวลา 50 วัน


 


อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทางวิ่งฝั่งตะวันออก มีความยาว 4,000 เมตร แม้จะปิดซ่อมบางส่วน แต่ยังมีความยาวของทางวิ่งเหลืออีกประมาณ 2,000 เมตร ซึ่งเครื่องบินขนาดกลาง อาทิ เครื่องบินแบบ ATR และ A 319 A 320 รวมทั้งเครื่องบินแบบ B 737 ที่ทำการบินภายในประเทศ สามารถใช้ทางวิ่งฝั่งดังกล่าวบินขึ้นทางด้านทิศใต้ได้ตามปกติ สำหรับทางวิ่งที่จะทำการซ่อมแซมครั้งนี้ เป็นพื้นที่อยู่ระหว่างกึ่งกลางทางวิ่งฝั่งตะวันออก ระหว่างทางขับ B 3 - B 5 มีความยาวประมาณ 600 เมตร โดยการซ่อมแซมจะมอบหมายให้กลุ่มบริษัท IOT Joint Venture (ไอทีโอ จอยซ์ เวนเจอร์ ) เป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากยังอยู่ในระยะเวลาประกัน


 


เริ่ม'ปลอดบุหรี่'ในร้าน, ตลาดสด


ไทยโพสต์ - วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2551 ได้มีประกาศเพิ่มพื้นที่คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 จะมีผลใช้บังคับโดยกำหนดให้สถานบันเทิงประเภทผับ บาร์ ร้านอาหาร ตลาดทุกประเภท ทั้งตลาดสด ตลาดขายเสื้อผ้า รวมถึงตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาดนัดเปิดท้ายขายของ ทั้งนี้ตลาดดังกล่าวให้รวมถึงตลาดที่ติดเครื่องปรับอากาศและไม่ติดเครื่องปรับอากาศ


 


สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้จะมีโทษปรับ คือในส่วนของผู้ดูแลสถานที่มีโทษปรับ 20,000 บาท ส่วนผู้ที่สูบบุหรี่ในเขตห้าม มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท


 


กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า สาเหตุของโรคมะเร็งสัมพันธ์กับปัจจัยหลายประการ ทั้งอาหาร ความอ้วน ขาดการออกกำลังกาย ได้รับพิษจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม รวมถึงควันบุหรี่ ซึ่งเป็นแหล่งของสารก่อมะเร็งที่สำคัญที่สุดในมนุษย์ มีกว่า 50 ชนิด และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปอดและมะเร็งอื่นๆ ทั้งผู้ที่สูบและผู้ที่อยู่รอบข้าง


 


ปี 2549 คนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 66,000 ราย โดยในชายเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดมากที่สุด 5,535 ราย รองลงมาคือมะเร็งตับ ส่วนหญิงเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด รองลงมาคือมะเร็งปอด


 


องค์การอนามัยโลก หรือฮู (WHO: World Health Organization) ให้ข้อมูลว่า เด็กประมาณ 700 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของเด็กทั่วโลกได้รับพิษจากควันบุหรี่ของผู้สูบบุหรี่รอบข้าง หรือที่เรียกกันว่า "บุหรี่มือสอง"


 


นายเฉลิมชัย เขียวประดิษฐ์ ผู้อำนวยการตลาดนัดสวนจตุจักร ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 10 ก.พ.นี้ เพื่อกำชับให้รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ค้าที่มีมากกว่า 10,000 ร้านค้า ประชาชนและนักท่องเที่ยวงดสูบบุหรี่ในพื้นที่ตลาดนัดสวนจตุจักรตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.เป็นต้นไป ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ ทั้งนี้ทางตลาดนัดจะจัดทำสื่อภาษาไทยและภาษาต่างประเทศทั้งอังกฤษ เกาหลี จีน ญี่ปุ่น เพื่อแจ้งเตือนอีกครั้ง ก่อนที่จะเริ่มจับปรับจริงตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตลาดนัดสวนจตุจักรได้จัดเขตสูบบุหรี่ไว้ที่โซน 7 ใกล้กับห้องน้ำ


 


"หมอเกษม-หมอประเวศ" เห็นพ้องแพทย์ไม่ควรรับผิดอาญา เน้นป้องกัน


เว็บไซต์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ - วานนี้ (11 ก.พ.) ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ กล่าวเปิดสุนทรียเสวนาเรื่อง "หาทางออกเชิงระบบ ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์"


 


ศ.นพ.เกษม กล่าวตอนหนึ่งว่า เมื่อการแพทย์คิดแบบสังคมธุรกิจในราคาแพง ปัจเจกนิยมทำให้เกิดการปกป้องผลประโยชน์ คือจ่ายแล้วต้องได้สิ่งที่พอใจ ไม่พอใจก็เกิดการฟ้องร้อง เข้าทำนอง คุณได้ฉันเสีย ฉันเสียคุณได้ ทำให้เกิดทุกข์กันถ้วนหน้า กรณีแพทย์ถูกตัดสินจำคุกถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ทุกฝ่ายควรหันหน้ามามองว่าจะไปทางไหนและทำอย่างไร 


 


"การแพทย์ถือเป็นศาสตร์ทางชีววิทยา เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่ได้หมายความว่า 2 บวก 2 ต้องเท่ากับ 4 เสมอไปการตัดสินใจทางการแพทย์บางครั้ง 2 บวก 2 อาจจะไม่เท่ากับ 4 วิชาชีพนี้วางอยู่บนพื้นฐานทางจริยธรรมและศาสนธรรม ดังนั้นการใช้หลักนิติธรรมมาแก้ไขปัญหามีแต่จะทำให้เกิดปัญหา ดังนั้นถ้าการปฏิบัติหน้าที่พิสูจน์ได้ว่ายืนอยู่บนมาตรฐานวิชาชีพ สังคมจะต้องปกป้องแพทย์ ในสหรัฐฯเองก็ไม่มีกฎหมายเอาผิดทางอาญากับแพทย์ แต่ถ้าผู้ป่วยจะเรียกร้องทางแพทย์ก็เชิญ ซึ่งผมอยากเห็นนิติธรรมบ้านเราเหมือนกับประเทศทางตะวันตก คือถ้าแพทย์ตั้งใจพิสูจน์ได้ว่ารักษาตามมาตรฐานจะฟ้องอาญาแพทย์ไม่ได้ มิฉะนั้นแพทย์จะเกิดปัญหา ขณะนี้มี 2-3 ประเทศที่เดินหลังอยู่" ศ.นพ.เกษม กล่าว


 


ศ.นพ.เกษม กล่าวต่อว่า ขณะนี้ดูแล้วจริยธรรมวิชาชีพแพทย์ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้คนคาดหวังจากแพทย์ว่าต้องพลาดไม่ได้ สังคมไทยกำลังมาถึงทางแยกที่จะต้องหาทางออกจากแสน้ำ 2 สี ว่าทำอย่างไรจะทำให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ทั้งหมด


 


ด้าน ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า ระบบบริการสาธารณสุขอยู่ใกล้ชิดกับความเป็นความตาย คน ถ้าผู้ให้บริการด้านสุขภาพไม่ซื่อสัตย์ ประชาชนจะหมดศรัทธา ดังนั้นการรักษาความเจ็บป่วยจะต้องทำด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ โดยเรื่องเฉพาะหน้าที่สามารถลงมือดำเนินการได้เลย คือ


 


1.ทุก รพ.น่าจะมีหน่วยบรรเทาความเดือดร้อน และเยียวยาอย่างเร็ว โดยไม่คำนึงถึงว่าใครผิดใครถูก 2.ทุก รพ.ต้องรณรงค์เรื่องความปลอดภัยของคนไข้ โดยสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล หรือ เอชเอ ต้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้ 3.ควรมีหน่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง โดย สสส. หรือ สปสช.น่าจะสนับสนุนในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ และ 4.น่าจะมีกลไกคณะกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์ที่น่าเชื่อถือจากสังคม เพราะบทบาทของแพทยสภาที่ทำอยู่ถือว่าไม่เพียงพอ เนื่องจากชาวบ้านรู้สึกว่ามีการเข้าข้างพวกเดียวกัน 


 


นพ.ประเวศ ยังได้กล่าวถึงการฟ้องร้องอาญาแพทย์ว่า ถ้าตั้งใจทำเต็มที่และรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ แต่เกิดความผิดพลาด ไม่ควรถูกฟ้องอาญา นอกจากจะสะเพร่า ซึ่งการรักษาของแพทย์ต้องไม่สะเพร่า


 


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข จะบริจาคเงิน 1 ล้านบ้านตั้งกองทุนช่วยเหลือแพทย์ที่ถูกฟ้องร้องทางแพ่ง นพ.ประเวศ กล่าวว่า น่าจะดี แต่คิดว่าน่าจะหาทางป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นด้วย


 


วิจัย "เด็กหอ" ส่อแววสุขภาพทรุดกินมาม่าไม่ออกกำลัง


เว็บไซต์ไทยรัฐ - จากการทำสำรวจเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตในหอพักนักศึกษา ซึ่งมีการนำเสนอในงานมหิดลวิชาการนั้น โดยทำการสำรวจเรื่อง "ร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตในหอพักนักศึกษา" โดยสำรวจนักศึกษาชาย 25 คน นักศึกษาหญิง 75 คน เกี่ยวกับปัญหาด้านโภชนาการ ด้านอุบัติเหตุ และกลุ่มโรคและอาหาร พบว่า นักศึกษาที่อาศัยอยู่ในหอพักส่วนใหญ่ รับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในห้องของตนเอง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยไม่คำนึงถึงสุขภาพ โดยพบว่า รับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2-3 มื้อต่อสัปดาห์ ถึง 57.4% นักศึกษาที่พักในหอพักขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งกลุ่มโรคและอาการที่พบมากที่สุดคือ ไข้หวัด 28.2% และสำหรับอุบัติเหตุที่พบส่วนมากคือ ตกบันได 31.5% สำหรับข้อเสนอแนะจากการทำวิจัยคือ นักศึกษาควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำความสะอาดห้องพัก และเมื่อเป็นไข้หวัดก็ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้เป็นพาหะนำโรคไปติดต่อคนอื่นในหอพัก


 


นอกจากนี้ จากการสำรวจเรื่องอิทธิพลของละครส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมด้านต่างๆของนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลหรือไม่นั้น โดยทำการสำรวจนักศึกษาชาย 50 คน หญิง 50 คน พบว่า นักศึกษาหญิงส่วนใหญ่ชอบดูละครแนวตลก ขบขัน และดูบ่อยกว่านักศึกษาชาย ซึ่งชอบดูละครประเภทแอ็กชั่น ทั้งนี้ ละครมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมนักศึกษาในหลายๆ ด้าน คือ การแต่งกาย ท่าทางการพูดทั้งที่เหมาะสมและไม่เหมาะสม


 


 






ต่างประเทศ


 


"โสมแดง" ห้ามเปิดเพลงชาติ, ชักธงเกาหลีใต้ ศึกบอลโลกรอบคัดเลือก


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายโชจุงเยือน ประธานสมาคมฟุตบอลเกาหลี กล่าวว่า "โสมแดง" เกาหลีเหนือ ที่มีโปรแกรมเปิดเมืองเปียงยางทำศึกสายเลือดพบกับ "โสมขาว" เกาหลีใต้ ในรอบคัดเลือกเวิลด์คัพ 2010 วันที่ 26 มี.ค. ยืนยันห้ามเชิญธงชาติและห้ามเปิดเพลงชาติเกาหลีใต้ก่อนเกมเป็นอันขาด


 


"เกาหลีเหนือบอกว่า พวกเขาไม่เคยเห็นธงชาติเกาหลีใต้โบกสะบัดในท้องฟ้า หรือได้ยินเพลงชาติเกาหลีใต้บรรเลงบนแผ่นดินของพวกเขา จึงไม่อนุญาตให้มี" โช กล่าว


 


ทั้งนี้ ในเอเชียนเกมส์ 2006 เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เดินพาเหรดในพิธีเปิดภายใต้ธงยูนิฟิเคชันผืนเดียวกัน และเปิดเพลงอารีดังแทน แต่โชยืนยันว่าเกมนัดนี้เป็นการพบกันของทั้ง 2 ประเทศ ไม่สามารถรวมตัวในนามชาติเดียวกันได้ และหากตกลงกันไม่ได้ อาจต้องใช้สังเวียนแข้งในประเทศเป็นกลาง


 


โสมขาวรวบผู้ต้องสงสัยวางเพลิงประตูเมืองเก่าแก่


ไทยรัฐ - สำนักข่าวยอนฮัพ และเครือข่ายข่าวผ่านเคเบิลวายทีเอ็น รายงานวันนี้ (12 ก.พ.) ว่า ผู้ต้องสงสัยที่ลอบวางเพลิงประตูนัมแดมุน เป็นชายสูงอายุวัย 70 ปีชื่อสกุลแช ถูกตำรวจจับกุมได้ที่เกาะกังวา ทางตะวันตกของกรุงโซล เกาหลีใต้ ขณะที่ตำรวจกำลังสอบปากคำผู้ต้องสงสัยอยู่ หลังจากมีพยานยืนยันว่า พบเห็นชายคนหนึ่งเดินขึ้นไปยังประตูนัมแดมุน อายุกว่า 600 ปี ก่อนเห็นประกายไฟลุกโชนขึ้น สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างไม้ส่วนบนของประตูทั้งหมด


 


มีรายงานว่า ชาวเกาหลีใต้ในกรุงโซล ต่างพากันเดินทางมาดูความเสียหายของประตูนัมแดมุน ด้วยความตกใจและเสียใจ เนื่องจากชาวเกาหลีใต้ถือว่า ประตูแห่งนี้เป็นโบราณสถานที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์และความภาคภูมิใจของชาติ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า การบูรณะประตูเมืองจะต้องใช้เวลานานถึง 3 ปี และงบประมาณ 20,000 ล้านวอน หรือราว 693 ล้านบาท


 


เม็กซิโกหันสร้างบ้านสีเขียว


เว็บไซต์ข่าวสด - นายฮวน ราฟาเอล เอลวิร่า รมว.สิ่งแวดล้อม เม็กซิโก มีนโบยายว่า แต่นี้ต่อไปบ้านที่ปลูกในเม็กซิโก ต้องเป็นบ้านประหยัดพลังงานเท่านั้น โดยภายใน 3 ปีนี้ รัฐบาลจะสร้างบ้านสีเขียวนำร่องให้ได้ 30,000 หลัง


 


นายเอลวิร่า กล่าวว่า "ใน 2-3 ปีนี้ บ้านแบบเก่าๆ จะหมดสมัยไป บ้านใหม่จะต้องสร้างด้วยวัสดุใหม่ที่ประหยัดพลังงานตามมาตรฐาน ซึ่งโครงการสร้างบ้านนำร่อง 30,000 หลัง เป็นหนึ่งในโครงการของทั่วโลกที่ว่า ภายในพ.ศ. 2555 จะต้องสร้างบ้านประหยัดพลังงานหนึ่งล้านหลัง สามารถลดการแพร่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้หนึ่งล้านตัน"


 


สำหรับบ้านสีเขียวจะต้องติดตั้วอุปกรณ์อย่าง เครื่องทำน้ำร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์ หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟ ฯลฯ โดยบ้านนำร่องมีค่าก่อสร้างราว 350,000-700,000 บาท เหมาะกับผู้ที่มีรายได้เดือนละ 18,000 บาท ส่วนพื้นที่แรกของการก่อสร้างคือทางใต้ของรัฐเชียปาส เพื่อช่วยชาวบ้านนับพันคนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเนื่องจากน้ำท่วมหนักเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net