กลายเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล ที่มีข้อสงสัยในเรื่องแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน โดยข้อสงสัยดังกล่าวเริ่มมาจากการประกาศจัดระเบียบสื่อของนาย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นาย
"จากนั้นมีผู้บริหารระดับสูงอีกคนหนึ่งโทรศัพท์มาขอบคุณที่ผมตัดสินใจเช่นนี้ ผมจึงถามว่า คนข้างบนที่ว่าหมายถึงใคร เขาตอบว่า นายจักรภพ เป็นคนโทรศัพท์มาบอกว่าจะไม่ต่อสัญญาให้ ซึ่งผู้บริหารคนนี้บอกว่า นายจักรภพโทรมาด้วยตัวเอง เรื่องที่นายจักรภพปฏิเสธ อยากให้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา เพื่อจะได้ยืนยันว่ามีการติดต่อระหว่างนายจักรภพกับผู้บริหารฟาติมาจริงหรือไม่" นายเจิมศักดิ์ กล่าว
ส่วนเรื่องที่นายเถกิง สมทรัพย์ นายกสมาคมวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ออกมายืนยันว่า ไม่มีการแทรกแซงนั้น นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่นายเถกิงต้องตัดตอนเซ็นเซอร์ตัวเอง ไม่เอาความกับฝ่ายการเมือง เสียดายที่คนทำธุรกิจสื่อคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าผลประโยชน์ของส่วนรวม คนที่ทำสื่อต้องไม่โกหก ไม่ตระบัดสัตย์ ต้องบอกความจริงแก่ประชาชน
ด้านนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "ข่าวยามเช้า" ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 101 เมกะเฮิรตซ์ ถึงกระแสข่าวรัฐบาลแทรกแซงรายการ "มุมมองของเจิมศักดิ์" ว่า ยืนยันว่าไม่มีรัฐมนตรีหรือคนของรัฐบาลเข้าไปแทรกแซง หรือส่งสัญญาณทางตรงและทางอ้อม เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล เรื่องนี้จะให้นาย
"ก็ไม่รู้ว่า มีมือหรือเท้าที่มองไม่เห็นหรือไม่ เพราะช่วงนี้เกิดขึ้นมากเพื่อหวังทำลาย และป้ายสีรัฐบาลในช่วงที่กำลังหัวหมุนอยู่ ซึ่งผมต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการให้ชี้แจงประชาชนทราบ" นายจักรภพ กล่าว
เมื่อถามว่า หากมีคนในรัฐบาลโทรมาข่มขู่ผู้จัดการายการวิทยุไม่ให้วิจารณ์รัฐบาล จะทำอย่างไร นายจักรภพ กล่าวว่า ขอให้เปิดเผยชื่อว่าเป็นใคร เพราะถ้าเป็นคนรัฐบาลก็ยิ่งขัดกับนโยบาย แต่โดยส่วนตัวยอมรับว่า ไม่ได้เป็นแฟนนายเจิมศักดิ์ เพราะรู้อยู่แล้วว่า นายเจิมศักดิ์มีจุดยืนอย่างไร ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะไปแทรกแซงเพราะรัฐบาลไม่ได้ประโยชน์
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า รัฐบาลจะมีจุดยืนอย่างไร หากรายการไหนมีมุมมองที่ตรงข้ามรัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ได้มองมุมนั้น ทุกอย่างอยู่ที่ประชาชน สื่อจะเป็นอย่างไร จะเซ็นเซอร์ตัวเองหรือไม่ หรือพอรู้ว่าใครจะชนะก็เปลี่ยนมาเข้าข้างฝ่ายนั้น เหล่านี้เป็นเรื่องของสื่อ ไม่สนใจ คิดแต่ว่า ควรทำอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์จากสื่อ
"ผมจะปรับอะไรอีกเยอะ เมื่อได้มีโอกาสทำงานครั้งนี้ ผมจะเน้นเรื่องโครงสร้างเป็นหลัก คือ จัดระบบสื่อ ไม่ใช่การจัดระเบียบเหมือนที่มีการพูดกัน ผมคิดการใหญ่เพื่อให้เมืองไทยส่วนไหนที่ยังไม่เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร หรือได้ข้อมูลที่เอนเอียง จะต้องเกิดความสมดุล และต้องมีการประเมินสื่อด้วย โดยจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำแผน แต่พวกไม้แก่ดัดยาก ผมคงไม่ไปยุ่ง แต่จะเพิ่มผู้เล่นใหม่ในสนามสื่อ จะไม่อยู่แค่คนเดิม ประเด็นคือ การจะอยู่กับสมการเดิมจะมีประโยชน์อะไร เราต้องให้มีโครงสร้างที่สมดุล เพราะต้องยอมรับว่า สื่อเล่นการเมืองเยอะ แม้ผมจะมีความคิดกับสื่ออย่างไร แต่ผมก็จะไม่เอาความเห็นส่วนตัวมาเป็นนโยบาย" นายจักรภพ กล่าว
นายจักรภพ กล่าวย้ำว่า ปัจจุบันสื่อมีปัญหามาก ซึ่งมีทั้งสื่อที่แท้ หรือสื่อบางประเภทที่เป็นนักโฆษณาการเมือง ทำให้ประชาชนเกิดความแตกแยก อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะประเมินผลของสื่อตรงนี้ก่อนโดยฟังเสียงจากประชาชน แต่ยืนยันว่า สื่อต้องเคารพประชาชนด้วย
วันเดียวกัน นาย
"เข้าใจว่าอาจารย์เจิมศักดิ์ เป็นคนที่มีความชัดเจน คือ จะมีขาว และดำ เท่านั้น แต่ผมอยากให้สังคมเกิดความสมานฉันท์ จึงมีการคุยกับท่านว่าไม่สบายใจกับเนื้อหารายการที่นำเสนอ อาจารย์เจิมศักดิ์จึงขอยุติการจัดรายการทางเอฟเอ็ม 105 ผมเองก็ต้องขอบคุณท่านที่เข้าใจจุดยืนของบริษัท แต่ยอมรับว่า มีความกังวลเช่นกันว่าหากยังดำเนินรายการที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์บุคคลอื่นต่อไป อาจจะมีปัญหาเรื่องคลื่นหลุดได้ ซึ่งจะส่งผลเสียหายกับบริษัทให้ไม่สามารถดำเนินกิจการอยู่ได้" นายแสงชัย กล่าว
ที่มา : คม ชัด ลึก
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)