Skip to main content
sharethis

 


การเมือง


 


 


"เฉลิม"คุยลั่นทุ่ง ใต้รู้ลึกรู้จริง ลูกน้องเพียบ


เว็บไซต์คมชัดลึก - ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการแก้ปัญหาภาคใต้ ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี แสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายที่ ร.ต.อ.เฉลิม เคยเสนอเรื่องเขตปกครองพิเศษไปแล้วว่า บางเรื่องต้องเก็บเป็นความลับ หากทุกคนรู้หมดมันก็ไม่ดี หากบอกไปฝ่ายตรงข้ามก็รู้หมด ฉะนั้นมันบอกไม่ได้ แต่เป้าหมายคือปฏิบัติภารกิจให้เกิดความสงบในภาคใต้ ส่วนเรื่องที่จะชี้แจงต่อสภาฯ นั้น ตนเตรียมไว้แล้ว มี 9 เรื่องที่ต้องทำ แล้วตนจะบอกกับสภาฯ ก่อนไปขึ้นป้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่านโยบายของกระทรวงมีอะไรบ้าง และไม่ทำอะไรบ้าง โดยจะเน้นการสร้างความเป็นธรรมของหลักนิติรัฐ ไม่ละเมิดกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ต่อมาคือพัฒนาการศึกษา และเศรษฐกิจรากหญ้า จากนั้นคือเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ มีส่วนร่วมแสดงความเห็น คือเป็นการประชาพิจารณ์เล็กๆ


 


ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ได้ขัดแย้งกับนายกรัฐมนตรี ส่วนข้อเสนอนั้น ก็หลากหลาย 10 คนก็ 10 ตำรา และในหลักการนั้นเรื่องนี้คือความลับทางราชการ ตนมียุทธวิธีอย่างไรก็บอกกับสภาฯ ไม่ได้


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนในพื้นที่จะสับสนกับนโยบายที่เปลี่ยนแบบรายวันหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า มันไม่ใช่นโยบาย มันเหมือนเล่นเทนนิส ตนก็เสิร์ฟลูกไปมา ตนพูดคนเดียว ของเก่าไม่ดี ตนก็คิดค้นใหม่ อย่าลืมว่าตนเคยเป็นตำรวจกองปราบ


 


"พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ รวมทั้งอดีต ผบ.สส. และอดีต ผบ.ทบ. ยังเอ่ยปากว่า ลงไปแก้ยากเพราะไม่ได้รับความร่วมมือ และภารกิจหลักเป็นของทหาร มันเป็นเรื่องยากแต่ต้องทำ ผมมั่นใจว่าดีกว่าเดิม รับรองว่าดีขึ้น" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวและว่า ตนมีลูกน้องในพื้นที่และมีลูกน้องที่เป็นอัยการสอบสวนปัญหาภาคใต้ทั้งหมดมาหลายปีแล้ว ตนจึงรู้ของจริง ฉะนั้นต้องให้เวลาตนแก้ปัญหา และตนจะไม่ถามจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง ว่าจริงๆ เป็นอย่างไร ตนรู้ลึกแต่พูดไม่ได้


 


 


คดีรถดับเพลิงอาจสรุปไม่ทันตามกรอบเวลา


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีทุจริตการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การประชุมของอนุกรรมการในวันนี้ ได้พิจารณารายละเอียดภาพรวมของคดี โดยเฉพาะย้อนกลับไปดูที่จุดเริ่มต้นของการทำสัญญา ตามมติของคตส. เพราะอนุกรรมการชุดเก่าไม่ได้พิจารณาไว้ส่วนจะทำให้การทำงานล่าช้าหรือไม่ นายนามกล่าวว่า คงไม่สามารถระบุได้แต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หากไม่เสร็จสิ้นในกรอบเวลาก็คงต้องส่งเรื่องให้ให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป


 


ส่วนกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันในประชุมรัฐสภาโดยมั่นใจไม่มีความผิดในคดีรถดับเพลิงตามที่ คตส. ตั้งข้อกล่าวหานั้น นายนาม กล่าวว่า เป็นธรรมดาที่ต้องพูดเช่นนั้น แต่ คตส. ต้องตรวจสอบไปตามหลักฐาน ซึ่งนายสมัครอาจมีความผิดหรือไม่ผิดก็ได้


 


 


พลเดช-พินิจส่อแห้วเลขาฯสปสช.


ผู้จัดการรายวัน - แหล่งข่าวจากคณะกรรมการสรรหาตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของผู้สมัครชิงตำแหน่งเลขาธิการสปสช. ในเบื้องตันพบว่า นพ.พินิจ หิรัญโชติ ผู้อำนวยการรพ.นครปฐมและกรรมการแพทยสภา และนพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ซึ่งเป็น 2 ใน ผู้สมัครชิงตำแหน่งดังกล่าวทั้งหมด 21 คน มีคุณสมบัติไม่ครบ เนื่องจากหน่วยงานที่ตนเองสังกัดอยู่นั้น ได้เป็นคู่สัญญากับ สปสช. ถือว่าเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 32(12) แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545


 


กล่าวคือ นพ.พลเดช ได้รับมอบหมายจาก นพ.ประเวศ วะสี ประธานมูลนิธิสถาบันฯ ลงนามในสัญญา เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2549 โดยเป็นสัญญาจ้างดำเนินโครงการเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพในระดับองค์การบริหารส่วนตำบล ด้านนพ.พินิจ ในฐานะกรรมการแพทยสภา แพทยสภาได้ดำเนินการลงนามเป็นคู่สัญญากับสปสช. วันที่ 28 ก.ย.2550 เรื่องโครงการสร้างความปลอดภัยของผู้ป่วยจากการใช้ยา รวมถึงยังเป็น ผอ.รพ.นครปฐม ซึ่งถือว่าเป็นคู่สัญญากับ สปสช.ด้วย


 


 


กกต.ให้อนุกก.สอบปากคำพยานยงยุทธ เพิ่ม 1 ปาก


เว็บไซต์แนวหน้า - นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยภายหลังการประชุมกกต.เพื่อพิจารณาสำนวนคดีการทุจริตการเลือกตั้งที่จ.เชียงราย ของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ภายหลังที่คณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธานได้สรุปสำนวนส่งให้กกต.พิจารณาว่า อนุกรรมการฯ ได้เข้ามาสรุปรายละเอียดของสำนวนทั้งหมดให้กกต.ฟัง โดยลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดร่วมทั้งรายละเอียดในการสอบพยาน และดูซีดีซึ่งเป็นหลักฐานประกอบ พร้อมทั้งได้สรุปสำนวนมาให้อ่าน 15 หน้า และเอกสารการสอบสวนทั้งหมดซึ่งมีจำนวนมาก ที่ประชุมจึงได้ให้สำเนาเอกสารทั้งหมดให้กกต.ทุกท่านกลับไปศึกษาและกลับมาพิจารณาร่วมกันอีกครั้งในวันอังคารที่ 26 ก.พ. นอกจากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณากรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้ทำหนังสือมายังกกต.เพื่อขอให้สอบพยานเพิ่มอีก 1 ปาก เป็นตำรวจยศพันตำรวจ โดยที่ประชุมเห็นว่า กกต.ต้องใช้เวลาในการพิจารณาสำนวนอีก 7 วัน จึงอนุญาตและให้อนุกรรมการไปสอบเพิ่มเติมและนำผลการสอบมารายงานต่อกกต.ในอังคารหน้าเช่นกัน สำหรับผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการฯนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากยังเป็นความลับทางราชการ


 


นายอภิชาต กล่าวอีกว่า สำหรับซีดีที่ได้ดูนั้นเท่าที่ดูนั้น ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีการเดินทางมาของกำนันผู้ใหญ่บ้านจริง และกำนันเหล่านั้นก็ยอมรับว่าเดินทางมาจริง อย่างไรก็ตาม กกต.ยังไม่มีการหารือในประเด็นนี้ แต่สำหรับความเห็นส่วนตนภายหลังการดูวีซีดี แล้วไม่เห็นว่าเป็นหลักฐานอะไรสำคัญ


 


เมื่อถามว่า กกต.จะใช้หลักในการพิจารณาให้สอบพยานเพิ่มอย่างไร เพราะอาจจะเป็นการยื้อเวลาของนายยงยุทธ นายอภิชาต กล่าวว่า คงไม่สามารถจะใช้วิธีนี้ยื้อได้ เพราะกกต.ก็ต้องพิจารณาว่ามีความจำเป็นหรือไม่ แต่กรณีนี้เห็นว่าเมื่อกกต.ต้องขอเวลาศึกษาข้อมูลก็น่าจะให้โอกาสอีกสักหน่อยและก็เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น


 


เพราะฉะนั้นในวันที่ 26 ก.พ. น่าจะได้ข้อยุติในเรื่องนี้ ซึ่งที่ต้องไปอ่านสำนวน เพราะมีรายละเอียดมากที่เราจะต้องไปศึกษาก่อน ซึ่งผลการพิจารณาก็จะเปิดเผยให้ทราบ แน่นอน" นายอภิชาตกล่าว


 


 


กทม. ให้ความสำคัญภาษาไทย กำชับเจ้าหน้าที่ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง


กรมประชาสัมพันธ์ - กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญภาษาไทย เน้นให้ข้าราชการ ลูกจ้างใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องตามหลักภาษา โดยเฉพาะการออกเสียงควบกล้ำ ร ล เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนทั่วไป


 


น.ส.แสนสุข สตงคุณห์ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่ มท 0201.3/0334 ลงวันที่ 30 มกราคม 2551 ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้ข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2531 เรื่องการออกเสียง ร ล และคำควบกล้ำในภาษาไทย โดยขอให้ข้าราชการระมัดระวังการพูดและใช้ภาษาไทย ซึ่งเป็นภาษาประจำชาติ และให้ตระหนักถึงความถูกต้องของการออกเสียงพูดหรืออ่านคำที่มี ร ล และคำควบกล้ำที่มี ร ล โดยให้มีการฝึกฝนปรับปรุง แก้ไข ไม่ให้เกิดข้อบกพร่อง เนื่องจากที่ผ่านมามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จากกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ รวมทั้งบรรยายในสถานที่ต่างๆ ไม่ถูกต้อง อาทิ คำว่า กรม มักออกเสียงเป็น กม คำว่า ขาดแคลน ออกเสียงเป็น ขาดแคน คอนกรีต เป็น คอนกีด ปรับปรุง เป็น ปับปุง และคำว่าเปลี่ยนแปลง ออกเสียงเป็น เปี่ยนแปง ซึ่งทำให้เกิดผลเสียต่อภาษาไทย และอาจจะส่งผลให้การสื่อความหมายไม่ตรงกับความต้องการของผู้พูด ทำให้ผู้ฟังเข้าใจในความหมายของผู้พูดผิดได้


 


สำหรับกรุงเทพมหานครนั้นถือเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับประชาชนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง โดยเฉพาะการออกเสียงควบกล้ำ ร ล ซึ่งล่าสุดกองกลาง สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ได้จัดทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงาน และสำนักงานเขตทั้งหมด เพื่อให้กำชับข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างในสังกัดให้ระมัดระวังการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ หากพบว่ามีข้าราชการพูดผิดต้องตักเตือน ปรับปรุงให้ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อให้ข้าราชการของกรุงเทพมหานครเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาษาไทยแก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป และจรรโลงภาษาไทยให้เป็นเอกลักษณ์คงอยู่คู่กับประเทศไทยสืบไปด้วย


 


 


 


ต่างประเทศ


 


 


ชารีฟ ลั่นขจัดเผด็จการในปากีฯ


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - อดีตนากยรัฐมนตรี นาวาซ ชารีฟ ของปากีสถาน กล่าวในวันนี้ว่า เขาจะทำงานร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายค้านอื่นๆเพื่อ "กำจัดระบอบเผด็จการให้หมดสิ้นไปจากปากีสถานตลอดกาล" หลังจากที่พันธมิตรของประธานาธิบดีเปอร์เวซ์ มูชาร์ราฟออกมายอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้ง


 


"เราจะทำงานกับทุกคนที่เป็นประชาธิปไตย ทุกคนที่เป็นผู้ชนะ ผมขอแสดงความยินดีกับพวกเขาและผู้ที่ร่วมพรรคฝ่ายค้าน" ชารีฟกล่าวในการแถลงข่าวในเมืองลาฮอร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ


 


ทั้งนี้ ผลการนับคะแนนเลือกตั้งปากีสถานจนถึงขณะนี้ ปรากฏว่าพรรคการเมืองฝ่ายค้านสองพรรคหลักมีคะแนนนำเหนือพรรคการเมืองที่สนับสนุนประธานาธิบดีมูชาร์ราฟ โดยพรรคประชาชนปากีสถาน (พีพีพี) ของนางเบนาซีร์ บุตโต แกนนำฝ่ายค้านที่ถูกลอบสังหาร มีคะแนน 65 ที่นั่งจากที่นั่งในรัฐสภาทั้งหมด 342 ที่นั่ง พรรคสันนิบาตมุสลิมปากีสถานของนายชารีฟ ได้ 59 ที่นั่ง และพรรคสันนิบาตมุสลิมปากีสถาน (พีเอ็มแอล) ที่สนับสนุนนายมูชาร์ราฟ ได้ 27 ที่นั่ง


 


 


ยุ่นเตรียมถกไรซ์ ทหารมะกันฉาว


เดลินิวส์ - สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น รายงานอ้างคำแถลงของนายยาสุโอะ ฟูกูดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ต่อที่ประชุมผู้บริหารพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อวันจันทร์ว่า เขาจะร้องเรียนปัญหาพฤติกรรมที่ไร้วินัยของทหารสหรัฐบนเกาะโอกินาวา ต่อ ดร.ไรซ์ อย่างจริงจัง และจะเรียกร้องให้ทางการสหรัฐดำเนินมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจากการขาดวินัยของทหารสหรัฐบนเกาะโอกินาวา ทางภาคใต้ของญี่ปุ่น ซ้ำซากอีก


 


ล่าสุด ทหารนาวิกโยธินสหรัฐ บนเกาะ โอกินาวา ถูกจับกุมอีก 2 คน โดยสิบโท ชอน คอดี แจ็ค วัย 21 ปี ถูกจับเมื่อเวลาประมาณ 04.25 น. ของเช้าวันจันทร์ ในข้อหาบุกรุกเข้าไปนอนหลับบนโซฟาในบ้านหลังหนึ่งในเมืองนาโกะ นายโทนี อเลกซานเดอร์ การ์เซีย นาวิกโยธินอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่ายศอะไร ถูกจับกุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในข้อหาเมาแล้วขับ และถูกตำรวจบนเกาะโอกินาวาสอบสวน ก่อนหน้านี้ ทหารนาวิกโยธินของสหรัฐ บนเกาะโอกินาวา อีกคนหนึ่งก็ถูกจับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฐานต้องสงสัยว่าข่มขืนเด็กสาววัย 14 ปี


 


 


เศรษฐกิจ


 


 


น้ำมันโลกพุ่งใกล้แตะ$98 โอเปกเผยอาจลดการผลิต


ผู้จัดการรายวัน - รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันในตลาดโลกขยับขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 1 เดือน เข้าใกล้ระดับ 98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวานนี้(19) หลังจากที่ประธานขององค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก)ส่งสัญญาณว่าอาจตัดปริมาณการผลิต


 


สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนมีนาคม ซื้อขายกันที่ตลาดในลอนดอน มีราคาเพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 97.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ซื้อขายกันที่ตลาดลอนดอน ขยับขึ้น 1.53 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 96.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล


 


นักวิเคราะห์กล่าวว่าตลาดกำลังจับตาดูว่ารัฐมนตรีโอเปกจะมีนโยบายอย่างไรต่อปริมาณการผลิตน้ำมัน ในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในเดือนมีนาคม


 


เมื่อวันจันทร์(18) ชาคิบ เคลิล ประธานโอเปก กล่าวว่าตลาดมีซัปพลายอยู่เพียงพอแล้ว โอเปกจะไม่เพิ่มการผลิต แต่จะคงปริมาณการผลิตไว้ หรืออาจจะตัดลดการผลิต


 


ทั้งนี้ ราคาน้ำมันโลกขยับขึ้นนับตั้งแต่ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ แห่งเวเนซุเอลา ประกาศระงับการส่งน้ำมันไปให้บริษัทเอ็กซอนโมบิล ตอบโต้เอ็กซอนที่ชนะคำสั่งศาลที่สั่งอายัดทรัพย์สินของเวเนซุเอลากว่าหมื่นล้านดอลลาร์


 


 


 


สาระบันเทิง


 


 


ทีวีพูลทุ่ม 120 ล.ถ่ายทอดสดปักกิ่งเกมส์


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - ทีวีพูลทุ่มงบ เกือ 120 ล้านบาท ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค 2008 หรือ ปักกิ่งเกมส์ ทางทีวีช่อง 3,5,7,9 ให้แฟนกีฬาได้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม โดยจะมีโฆษณาให้น้อยที่สุด


 


พล.ท. กิตติทัศน์ บำเหน็จพันธุ์ ประธานโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) หรือ ทีวีพูล แถลงความพร้อมของการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่นครปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 6-24 สิงหาคม 2551 โดย ทรท. ได้ทุ่มงบประมาณ 118 ล้านบาท เพื่อการถ่ายทอดสดการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 29 นี้ให้ประชาชนชาวไทยได้รับชมการแข่งขันกีฬาหลากหลายชนิด วันละ 1 สถานี ระหว่างเวลา 13.00 - 19.00 น. ระหว่างวันที่ 9-23 สิงหาคมนี้ โดยในวันแรกของการถ่ายทอดสดจะเริ่มในวันที่ 6 สิงหาคม เป็นการแข่งขันฟุตบอลรอบแรก จะทำการถ่ายทอดสดระหว่างเวลา 16.00-18.00 น. ทางช่อง 7 ขณะที่วันที่ 7 สิงหาคม จะเป็นการแข่งขันฟุตบอลในรอบแรกเช่นกัน ซึ่งจะถ่ายทอดในเวลาเดียวกันกับวันที่ 6 ทว่าจะให้เป็นหน้าที่ของช่อง 9 รับผิดชอบไป"


 


พล.ท. กิตติทัศน์ กล่าวว่า สำหรับพิธีเปิดการแข่งขันในวันที่ 8 สิงหาคม และพิธีปิด ในวันที่ 24 สิงหาคม จะทำการถ่ายทอดระหว่างเวลา 19.00-22.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 โดยคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ได้กราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินในฐานะผู้แทนพระองค์ไปร่วมในพิธีเปิดการแข่งขันด้วย ทั้งนี้แฟนกีฬาสามารถชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2008 ได้จาก 4 สถานีโทรทัศน์ ประกอบด้วย ช่อง 3, ช่อง 5 , ช่อง 7 และ ช่อง 9 ขณะเดียวกันหากสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ มีความสนใจเข้าร่วมถ่ายทอดสดด้วยนั้น พลโทกิตติทัศน์ กล่าวว่า ขอให้ติดต่อมาพูดคุยเรื่องรายละเอียดกับทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เพราะไม่ได้หวงแต่อย่างใด


 


"ส่วนปัญหาเรื่องการชมกีฬาแล้วมีโฆษณาคั่นการแข่งขันนั้นเรายังไม่ได้คุยกันในเรื่องรายละเอียดว่าจะนำเสนออย่างไร แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการอัดโฆษณาเป็นจำนวนมากเพื่อให้คุ้มทุนแน่ ใจจริงทีวีพูลก็อยากได้กำไร แต่จุดประสงค์หลักในการถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิกก็เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมชม ร่วมเชียร์นักกีฬาทีมชาติไทยอย่างออกรสมากที่สุด ดังนั้นยืนยันได้เลยว่าเราจะทำให้โฆษณาออกมาไม่ขัดใจแฟนกีฬาแน่นอน" ประธานทีวีพูล กล่าว และว่า พร้อมกันนี้ ทางทีวีพูล พร้อมที่จะสนับสนุนเงินอัดฉีดให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยที่ได้รับเหรียญรางวัลอีกด้วย แต่ต้องรอการพูดคุยกันภายในก่อนว่าจะช่วยเหลือเงินอัดฉีดนักกีฬาเป็นจำนวนเท่าใด


 


 


 


ท้องถิ่น


 


 


'นายกอ่าวนาง' ลุ้น 'พีพี' เขตปกครองพิเศษ


เดลินิวส์- นายพันคำ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ตามที่ นายนที เปรมรัศมี รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมามอบเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยให้กับจังหวัดกระบี่ จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างอาคารหลบภัยสึนามิ บนเกาะพีพี ต.อ่าวนาง วงเงิน 15,982,000 บาท และโครงการก่อสร้างอาคารบริจาคโดยหลวงตามหาบัว โรงพยาบาลเกาะพีพี วงเงิน 1,726,130 บาท พร้อมเข้าร่วมประชุมหารือข้อราชการกับผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน


 


นายก อบต.อ่าวนาง เปิดเผยอีกว่า ในที่ประชุมตนได้เสนอข้อราชการกับรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงการเปลี่ยนการปกครองพื้นที่เกาะพีพี ให้เป็นเขตปกครองพื้นที่พิเศษ ซึ่งทาง นายนที ได้รับปากและจะนำเรื่องกลับไปศึกษาถึงความเป็นไปได้ ในการประกาศให้เกาะพีพี เป็นเขตปกครองพิเศษ


 


นายพันคำ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ข้อเสนอดังกล่าว ตนได้มีแนวคิดมานานแล้ว แต่ถูกปฏิเสธจากผู้ใหญ่มาตลอด และเพื่อให้การดำเนินการพัฒนาเกาะพีพี ทาง อบต.สามารถเข้าไปดำเนินการได้เบ็ดเสร็จ ไม่ต้องติดข้อกฎหมายหลาย ๆ อย่างเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้


 


"สำหรับเขตปกครองพิเศษที่ว่า ไม่ใช่การปกครองตามรูปแบบ ของ อพท. (องค์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน) แต่เป็นเขตการปกครองในลักษณะเหมือนอย่างเมืองพัทยา หรือ กทม.ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะของเมืองนั้น ๆ ซึ่งทำให้ผู้บริหารสามารถเข้าไปดำเนินการได้โดยไม่ต้องมีกฎหมายของหน่วยงานอื่นเข้ามาดูแลด้วย เพราะกฎหมายของแต่ละหน่วยงานมีแต่ความขัดแย้งกัน ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องรอลุ้นกันว่า ทางสำนักนายกรัฐมนตรี จะมีความเห็นอย่างไร แต่โดยส่วนตัวแล้วตนมองว่าความเจริญของเกาะพีพี ควรที่จะเป็นเขตปกครองพิเศษ ได้แล้ว" นายพันคำ กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net