ชื่อบทความเดิม :
ธรรมาธิปไตย : ที่มา ความหมาย และความมุ่งหวังของภาคประชาชน หนึ่งบทสรุปของการเรียนรู้ 3 ฝ่าย (นักวิชาการ รัฐ และประชาชน)
* เปาซี เลงฮะ และคณะ
1. ทำไมผมจึงต้องเขียนเรื่องธรรมาธิปไตย
เนื่องจากผม และสมาชิกองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและเศรษฐกิจพอเพียง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีโอกาสทำงานร่วมเป็นคณะวิจัย "โครงการวิจัยปฏิบัติการเสริมพลังความมั่นคงของชาติ มิติสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามรอยพระยุคลบาท เรื่อง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง: ธรรมาธิปไตยในพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช" ซึ่งเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550
โครงการนี้ มีท่านพันเอก (พิเศษ) กิตติพันธ์ นพวงศ์ ณ อยุธยา ประธานอำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาธรรมาธิปไตย เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย ร่วมกับคณะวิจัยหลายฝ่าย ประกอบด้วย อ.บงกช ณ สงขลา จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี / ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาธรรมาธิปไตย
นอกจากนี้มี ผศ.เกษม กุลประดิษฐ์ รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อ.กฤษฎา อ.ปิยะจิตต์ ณ นคร คุณ
การร่วมวิจัยครั้งนี้ ผมได้รับความรู้ ประสบการณ์มากๆ และอาจารย์บงกช ได้บอกพวกเราตลอดเวลาที่ทำวิจัยด้วยกันว่า หนังสือ "ธรรมาธิปไตย" ที่อาจารย์เขียนตอนไปช่วยราชการที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ.2548 ยังไม่ปิดเล่ม เพราะต้องศึกษาร่วมกัน 3 ฝ่าย (รัฐ ประชาชน วิชาการ) เมื่อพวกเราฟังอาจารย์บรรยาย และปฏิบัติการเสริมสร้างพลังชีวิตธรรมาธิปไตยด้วยตนเองแล้ว ขอให้พวกเราช่วยกันเขียนเป็นภาษาพูดง่ายๆ เพื่ออาจารย์จะเอาไปใส่ในเล่มด้วย เป็นธรรมาธิปไตยภาคประชาชน
อาจารย์ บอกว่า ภาษานักวิชาการของอาจารย์ ก็เอาไว้อ่านเป็นภาษาวิชาการแบบอาจารย์เขียนซึ่งจะยากไปสำหรับประชาชน แต่ธรรมาธิปไตยที่พวกเราเขียน จะให้ประชาชนได้เข้าใจง่ายๆ จะแปลเป็นภาษาถิ่นด้วย จะทำรายการวิทยุ และมีกิจกรรมต่างๆที่ประชาชนสนใจ หากประชาชน รัฐ วิชาการ ร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่าย ใช้อำนาจอย่างเป็นธรรมร่วมกัน "ธรรมาธิปไตย" สังคมจึงจะดีขึ้น
การทำงานวิจัยครั้งนี้กับท่านกิตติพันธ์ นพวงศ์ ณ อยุธยา และคณะ เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่พวกเราทุกคนต้องตื่นตัวอยู่เสมอ กับการเสริมพลังของท่านกิตติพันธ์ ได้เรียนวิชาธรรมาธิปไตยกับอาจารย์บงกช วิชาการศึกษาพัฒนาจิตวิญญาณกับอาจารย์กฤษฎา ไปทัศนศึกษาดูงานที่อีสาน และภาคกลาง/ภาคใต้ มีการสอนให้พวกเราทำใบงานเวลาไปดูงาน มีการสรุปงานทุกวัน การวิเคราะห์ สังเคราะห์องค์ความรู้ การคิดแผนงานในอนาคตของพวกเราจากผลการวิจัย
การบ้านที่พวกเราได้ยินอาจารย์บงกช มอบพวกเราทุกครั้งที่เจอกัน คือ "อย่าลืมเขียนธรรมาธิปไตยชุมชน ให้ด้วยนะคะ เขียนภาษาง่ายๆ ที่พี่น้องประชาชนอ่านเข้าใจ"
ผมและเพื่อนๆ บอกอาจารย์ว่า เรามีความสุขที่ได้ทำวิจัยชิ้นนี้ ที่เราได้รู้จักตัวเอง ได้คิดเรื่องธรรมาธิปไตย จิตวิญญาณ ไม่คิดเรื่องเงินมากเหมือนเมื่อก่อน รู้ว่าชีวิตคืออะไร ศาสนาสอนไว้หมดแล้ว
2. ความหมาย "ธรรมาธิปไตย : ตามความเข้าใจของภาคประชาชน (เปาซี เลงฮะ และคณะ)"
ข้อความต่อไปนี้ คือ ผลงานที่ผม และเพื่อนๆ ได้ทบทวนจากที่อาจารย์สอน และจากที่ผมเรียนศาสนามา ปฏิบัติธรรมมาตลอดชีวิต
ขอให้ช่วยกันอ่าน และแนะนำผมได้ครับ
.. (เปาซี เลงฮะ องค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและเศรษฐกิจพอเพียง จังหวัดนราธิวาส และเป็นคณะวิจัยของโครงการวิจัยปฏิบัติการเสริมพลังฯ)
"ธรรมาธิปไตย" หมายถึง การใช้หลักธรรมในการบริหารตัวเอง ครอบครัว ยึดถือความถูกต้อง ความดีงาม ความจริงใจ และความบริสุทธิ์ใจ อยู่บนหลักการด้วยมีเหตุผล มีจิตใจที่มั่นคง ซื่อตรงและซื่อสัตย์
สังคมไทยทุกวันนี้ขาดหลักธรรมาธิปไตยในการบริหารการพัฒนาธรรมาธิปไตยและ การพัฒนาจิตวิญญาณให้นิ่งอยู่บนหลักความเป็นจริง และความถูกต้อง ทำการด้วยปัญญา คุมสติให้อยู่ ด้วยการเคารพข้อบังคับกฎระเบียบต่างๆ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นในการทำความดีงาม มีแต่ให้ไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตน ยึดถือประโยชน์ส่วนรวม ในการทำความดีนั้นทำให้เกิดความสุขต่อกายและใจ เมื่อมีธรรมาธิปไตยในตนเองและสังคมแล้ว จะก่อให้เกิดดังนี้
1. คุณธรรม หมายถึง มีความซื่อสัตย์ จริงใจ ขยันหมั่นเพียร มีความอดทนต่ออุปสรรค ประกอบอาชีพสุจริต
2. ความโปร่งใส หมายถึง มีพฤติกรรมและการปฏิบัติเป็นที่เปิดเผย มีกระบวนการที่ทำให้สังคมไว้วางใจและตรวจสอบได้เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย
3. ความรับผิดชอบ หมายถึง การตระหนักในหน้าที่การงาน ใส่ใจต่อปัญหา กระตือรือร้นในตนเองในปัญหาที่เกิดขึ้น กล้าได้กล้าเสียในสิ่งที่ถูกต้อง
4. ความมีส่วนร่วม หมายถึง เปิดโอกาสให้กับทุกคนแสดงความคิดเห็น เสนอแนะตลอดจนการปฏิบัติงานในรูปแบบประชาสังคม โดยเน้นการปฏิบัติงานตามเสียงส่วนใหญ่ ปราศจากอคติ และเอาความคิดส่วนตนมาเป็นใหญ่
คนเราทุกคนมีความต้องการที่ตรงกันคือต้องการธรรมะ ต้องการความถูกต้อง ความดีงาม ต้องการความชอบธรรม ต้องการความเป็นธรรม ต้องการประโยชน์และความสุขต่อตนเอง / สังคม การอยู่ร่วมกันมีความสงบสุข สมัครสมานสามัคคี ปรองดองกัน มีใจเอื้อเฟือเพื่อแผ่ต่อกัน
ถ้าคนเรามีธรรมาธิปไตยในตัว จะไม่สร้างปัญหาให้กับคนอื่น เพราะจะไม่ถือพรรคถือพวก ถือกลุ่ม และไม่ยึดถือประโยชน์ส่วนตัว พวกพ้อง หรือญาติตระกูล มาเป็นแนวทางปฏิบัติ/บริหาร แต่จะมุ่งหาแสงสว่าง มุ่งหาพลังธรรมาธิปไตย ในการครองตน เพื่อนำหลักธรรมเป็นหลักเกณฑ์ในการตัดสินใจและไขปัญหารอบๆ ตัวเอง และสังคม สู่ความสันติสุขแบบยั่งยืน
การสู่แหล่งธรรมาธิปไตยที่แท้จริงนั้นมี 2 รูปแบบ
1. การเรียนรู้ / การค้นหา
2. การฝึก / การปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
ถ้าคนเราไม่มีการเรียนรู้หรือการค้นหาแหล่งธรรมาธิปไตยในตัวเองให้เจอแล้วก็ คนนั้นจะไม่มีการปฏิบัติหรือวางใจในทางที่ถูกต้อง ไม่มีคุณธรรม ไม่รับผิดชอบและชอบธรรม ไม่ใส่ใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
ตลอดจนไม่ใส่ใจต่อผลกระทบที่จะตามมา เอาความดีใส่ตัว โยงความเลว/ความผิดให้คนอื่น ไม่มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม ถึงมีการเรียนรู้และค้นหาวิธีการใหม่ๆในการสู่ธรรมาธิปไตย ถ้าไม่มีการฝึกและปฏิบัติตนอย่างสม่ำเสมอแล้วก็มิอาจนำธรรมาธิปไตยมาใช้ในการบริหารตนเองได้ แก้ไขปัญหาต่างๆได้ในสังคมอย่างสมบูรณ์และเป็นธรรม "นำสันติธรรมสู่สันติภาพ นำหลักธรรมสู่ความรู้ นำความรู้สู่ปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม"
อิสลามเป็นวิถีชีวิตที่ครอบคลุมและมีความสมบูรณ์รอบด้านของมนุษย์ ดังนั้น จึงเป็นภารกิจโดยเฉพาะมุสลิมทุกคนที่จะต้องศึกษาเรียนรู้หลักคำสอนของอิสลามอย่างเข้าถึงและถูกต้อง
ทั้งนี้เพราะอิสลามเป็นศาสนาแห่งคำวิวรณ์จากพระเจ้าองค์อัลลอฮ (พระเจ้าที่มุสลิมนับถือ - ประชาไท) ที่สามารถเข้าใจโดยสติปัญญา ทุกบทบัญญัติที่ปรากฏใน คำสอนของอัลกุรอานและสุนเนาะห์ (แนวทางของศาสนาทูตมูฮำหมัด (ศ๊อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม - คำกล่าวหลังจากมีการพูดถึงท่านศาสนาทูตมูฮำหมัด ใช้คำย่อว่า ศ็อลฯ แปลว่า ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน - ประชาไท) ล้วนแล้วแต่สอดคล้องกับสติปัญญาที่สมบูรณ์ และไม่ขัดแย้งกับสัญชาติญาณอันบริสุทธิ์ของมนุษย์ ในขณะที่สติปัญญาและสัญชาติญาณอันดั้งเดิมของมนุษย์ จำเป็นต้องได้รับการการชี้นำจากอัลลอฮ (ศุบหานะฮูวะตะอาลา คำกล่าวหลังจากมีการพูดถึงอัลลอฮ ใช้คำย่อว่า ศุบหาฯ - ประชาไท) ผู้ทรงเอกาและปรีชายิ่ง
สังคมมนุษย์ในช่วงบางเวลา อาจเผชิญกับภาวะวิกฤติที่แทบไม่สามารถหาทางออกได้ แต่ในทัศนะอิสลามแล้ว มนุษย์เราจะไม่มีวันพบทางตันของชีวิต เพราะอิสลามได้เสนอทางออกสำหรับทุกปัญหาของสังคม และผู้สมควรเป็นแสงเทียนที่ปลายอุโมงค์ในทุกครั้งที่เกิดวิกฤติสังคม ก็คือมุสลิมนั้นเอง ไม่ว่าวิกฤติจะเกิดขึ้นในสังคมมุสลิมด้วยกันเอง หรือสังคมต่างศาสนิก
การอยู่รวมกันอย่างสันติกับศาสนิกในศาสนาอื่นๆ ในทัศนะในศาสนาอิสลามนั้นถือว่า เป็นความจริงของสังคมมนุษย์ชาติ อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพ ใฝ่หาความสุข อยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม
และผู้มีเกียรติยิ่งในทักษะของอิสลามคือ ผู้สำรวมตนจากความชั่วในการเทศนาฮัจญ์ (พิธีฮัจย์ที่เมืองมักกะห์ ประเทศซาอุดิ อาระเบีย - ประชาไท) ครั้งสุดท้ายของท่านรอซูล (ศาสนทูต) มูฮำมัด (ศ๊อลฯ) ได้กล่าวในตอนหนึ่งมีความหมายว่า....
....มนุษยชาติทั้งหลาย จงรู้ไว้เถิดว่า พระผู้อภิบาลของพวกท่านมีพระองค์เดียว จงรู้ไว้เถิดว่าไม่มีความประเสริฐใดแก่ชาวอาหรับมากกว่าคนที่ไม่ใช่ชาวอาหรับ และแก่คนที่ไม่ใช่อาหรับประเสริฐมากกว่าคนอาหรับ และคนผิวแดงมากกว่าคนผิวดำ และคนผิวดำมากกว่าคนผิวแดง นอกจากด้วยความสำรวมตนให้พ้นจากความชั่วเท่านั้น
อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพและใฝ่หาความสันติ ซึ่งตามหลักการนี้เท่ากับว่าอิสลามสอนให้ธำรงไว้ ซึ่งสันติภาพกับทุกศาสนิก
ศาสนาอิสลามยอมรับในความแตกต่างของมนุษย์ชาติ ซึ่งมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การแบ่งเป็นก๊ก เป็นเหล่า โดยพื้นฐานของสีผิวและภาษา มิใช่เป็นอุปสรรคที่จะให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคม อิสลามได้ยึดหลักคำสอนที่มาจากพระคำภีร์อัลกุรอาน อัลฮาดีษ (คำพูด การกระทำและการยอมรับของรอซูลมูฮำมัด) คำวินิจฉัยของอุลามาอ (นักปราชญ์) หรือบรรดาผู้ทรงความรู้ทางศาสนาอิสลามและหลักการเทียบเคียงในศาสนาบัญญัติ
ปอเนาะ เป็นสถาบันศึกษาประเภทหนึ่งที่มีอยู่กับสังคมไทยมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาช้านาน เป็นสถาบันที่สอนคนให้เป็นคนดี มีความรู้คู่คุณธรรม เพื่อความสำเร็จในชีวิตทั้งโลกนี้และโลกหน้านับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา
สถาบันประเภทนี้ได้ผลิตบุคลากรเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และบุคคลเหล่านี้ได้รับใช้สังคมโดยวิธีการอบรมบ่มเพาะสั่งสอนตลอดจนตักเตือนอย่างมีเป้าหมาย เพื่อให้ประชาชนยึดหมั่นในหลักการของศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง
3. ความมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างธรรมาธิปไตยที่ชายแดนใต้
สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน และมีความเชื่อมโยงการหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี และหลักการศาสนาในพื้นที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และการปฏิบัติตามศาสนกิจทุกอย่างผูกพันกับวิถีชีวิตประจำวัน
ซึ่งขณะนี้มีการกล่าวอ้างถึงปรากฏการณ์ทางสังคมบางกรณีที่ไม่สอดคล้องกับหลักการศาสนาอิสลาม ดังนั้น พวกเราทุกคนต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักศาสนาที่แท้จริง และพยายามหาทางเพื่อให้การเบี่ยงเบนมากไปกว่านี้ พระองค์อัลลอฮ (ศุบหาฯ) ได้ตรัสแก่ศาสดามูฮำมัด (ศอลฯ) ซึ่งหมายความว่า
แท้จริงแล้วหน้าที่ของเจ้าคือการเผยแพร่และหน้าที่ของข้าคือการชำระบัญชี....... (ต้องได้รับการลงโทษต่อการกระทำที่ผิด)
พระมหาคำภีร์อัลกุรอานถือเป็นหัวใจหลักในการเรียนรู้และเป็นพื้นฐานของศาสนิกอิสลามที่สมบูรณ์และกระจ่างชัด ซึ่งทุกคนสามารถเข้าใจแก่นแท้จริงได้
ทั้งนี้ ความสอดคล้องกลมกลืนระหว่างพื้นฐานทางศาสนากับธรรมชาติของมนุษย์ตามหลักการศาสนาอิสลามนั้น ปรากฏชัดในพระดำรัสของพระอัลลอฮ (ศูบหาฯ) ในคัมภีร์ความตอนหนึ่งว่า
.
...ไม่มีความดีใดๆ ปรากฏท่ามกลางการพูดซุบซิบนินทาอย่างมากมายของพวกเขา นอกจากผู้ที่ใช้ให้ทำทานหรือให้ทำในสิ่งที่ดีงาม หรือให้ประนีประนอม (สมานฉันท์) ระหว่างผู้คนเท่านั้น และผู้ใดกระทำดังกล่าวเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮแล้ว เราจะให้แก่เขาซึ่งรางวัลอันยิ่งใหญ่.....
อายะฮ (โองการ) นี้เป็นพื้นฐานประการแรกซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเสวนาเป็นหนทางซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้ดีเสมอมา เช่น การรวมกำลังช่วยเหลือผู้ยากไร้ การแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี เป็นต้น
อีกอายะฮหนึ่งที่อัลลอฮได้ตรัส มีความว่า.......แท้จริงอัลลอฮ ทรงให้พวกเจ้ามอบคืนบรรดาของฝากแก่เจ้าของของมัน และเมื่อพวกเจ้าตัดสินระหว่างผู้คน พวกเจ้าก็จะต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม.....
ซึ่งเป็นเสมือนพื้นฐานประการที่สองที่ย้ำการป้องกันสิทธิและคืนสิทธิแก่เจ้าของตามหลักความยุติธรรมและเสมอภาค
นอกจากนั้น พระดำรัสขององค์อัลลอฮ ความว่า......แท้จริงอัลลอฮทรงให้รักษาความยุติธรรมและความดี และการบริจาคแก่ญาติที่ใกล้ชิด และให้ละเว้นจากการกระทำชั่วช้าลามก และบาปทั้งปวง.....
นี่เป็นหลักการประการที่สาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายของบทบัญญัติอิสลามที่มุ่งยกระดับจิตวิญญาณของสังคม และต่อสู้กับความชั่วร้าย ตลอดจนความเป็นศัตรูต่อกัน
ศาสนาอิสลามประกาศให้เกียรติและเชิดชูมนุษยชาติไว้อย่างชัดเจน อันเป็นการเชิดชูที่สมควรที่มนุษย์ได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่โลกและสร้างอารยธรรมบนพื้นฐานจริยธรรม
พระอัลลอฮได้ตรัสไว้ว่า......เราได้ให้เกียรติแก่บรรดาลูกหลานของอาดัม และเราได้ให้พวกเขาดีเด่นอย่างมีเกียรติ เหนือกว่าผู้ที่ให้เราบังเกิดเป็นส่วนใหญ่....
นอกจากที่กล่าวมานั้น มีอายะฮหนึ่งที่อัลลอฮได้ตรัส มีความว่า.....ดังนั้นเพื่อการนี้แหละ เจ้าจงเรียนร้องเชิญชวน และดำรงมั่นอยู่ในแนวทางที่เที่ยงธรรม ดังที่เจ้าได้รับคำบัญชา และอย่าได้ปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของเจ้า และจงกล่าวว่า ฉันได้ศรัทธาในสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์ที่พระเจ้าทรงประทานลงมา และฉันได้รับคำบัญชาให้ตัดสินระหว่างพวกท่านด้วยความเที่ยงธรรม อัลลอฮคือพระเจ้าของฉันและพระเจ้าของท่าน (การตอบแทน) การงานของฉันก็จะได้แก่ฉัน การตอบแทนของพวกท่านก็จะได้แก่พวกท่าน ไม่มีการโต้แย้งใดๆระหว่างฉันกับพวกท่าน อัลลอฮจะทรงรวบรวมพวกเราทั้งหมด ไปยังพระองค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่กลับคืนแก่พวกเรา.....
นี่คือการเสวนาอย่างวิทยปัญญา ซึ่งจะต้องนำมาใช้กับผู้ที่มีอุดมการณ์ความเชื่อที่แตกต่างกัน
ที่กล่าวมานั้น คือส่วนหนึ่งของพื้นฐานภายใต้สารแห่งอิสลาม ที่อัลลอฮได้ให้ความกระจ่างไว้ ในอายะฮหนึ่ง ความว่า.....เรามิส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อเมตตาแก่ประชาชาติทั้งปวง.....
เช่นเดียวกันกับพระวัจนะ (อัลอาดิษ) ของท่านศาสดามูฮำมัด ที่ว่า........แท้จริงฉันถูกส่งมาเพื่อจริยธรรมอันบริสุทธิ์......ที่พวกเจ้าจะต้องปฏิบัติอย่างถูกต้องตามหลักการทางศาสนา..
ภายใต้บรรยากาศอันยุ่งยากและสลับซับซ้อนเช่นนี้ พวกเราทุกคนจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องทุ่มเทกำลังความสามารถในการศึกษาแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ในสังคมพหุวัฒนธรรมการใช้ชีวิตรวมกันอยู่อย่างสันติ เคารพกฎหมายและข้อบังคับของบ้านเมือง ต้องช่วยกันไกล่เกลี่ยประเด็นข้อขัดแย้งด้วยการประยุกต์ใช้บทบัญญัติอิสลามว่าด้วยการใช้ชีวิต ในภาวะไม่ปรกติอย่างรู้เท่าทัน เพื่อแก้ปัญหาหรือคลี่คลายปัญหามิให้บานปลาย
.
* เปาซี เลงฮะ และคณะทำงานองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและเศรษฐกิจพอเพียง 3 จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ (จ.นราธิวาส) และนักวิจัย โครงการวิจัยปฏิบัติการเสริมพลังความมั่นคงของชาติ มิติสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามรอยพระยุคลบาท เรื่อง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง : ธรรมาธิปไตยในพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
(เอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการทีมงานเพื่อซักซ้อมแนวทางการดำเนินงานโครงการธรรมทายาท ด้วยศาสตร์สร้างสันติสุขตามวิถีชุมชน : ภายใต้โครงการบูรณาการ พลังชีวิต : มัสยิด ตาดีกา และปอเนาะวิถีชุมชนดั้งเดิม จัดโดย
สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 12 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 22 - 24 กุมภาพันธ์ 2551 ณ โรงแรมเจบี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)