Skip to main content
sharethis

วันที่ 26 มี.ค. เวลาประมาณ 9.30 น. "กลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย" นำโดยนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานกลุ่มมหาประชาชนฯ แถลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมผู้ประสานงานภาคต่างๆ ดังนี้ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน เป็นประธานภาคอีสาน นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคพลังประชาชน เป็นประธานภาคเหนือ นายวัฒนา เซ่งไพเราะ อดีต ส.ส. กทม. พรรคไทยรักไทย เป็นผู้ประสานงาน กทม. น.พ.วัลลภ ยังตรง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นผู้ประสานงานภาคกลาง และนายบุญยงค์ จรัสจรูญฤทธิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคพลังประชาชน เป็นผู้ประสานงานภาคใต้ ณ ห้องสีดา โรงแรมรัตนโกสินทร์ โดยมีประชาชนสนใจร่วมฟังประมาณ 30 คน


 


นายประชา ประสพดี ในฐานะประธานกลุ่มมหาประชาชนฯ  ได้อ่านแถลงการณ์ของกลุ่มมหาประชาชนฯ สรุปได้ว่า ระยะเวลา 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับความเจ็บปวดบอบช้ำ ทั้งในด้านเกียรติภูมิ เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งเป็นผลมาจากการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 อันสืบเนื่องมาจากการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาเคลื่อนไหว และสร้างเงื่อนไขให้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (คปค.) นำมาใช้อ้างในการนำกำลังทหารออกมายึดอำนาจจากรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญปี 40


 


จากนั้นได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งยกร่างโดยตัวแทนของ คปค. มีการเลือกตั้งทั่วไป และตั้งองค์กรต่างๆ ที่ใช้อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ และการตรวจสอบครบถ้วนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว แต่กลุ่มพันธมิตรฯ กลับไม่พอใจผลการตัดสินใจของประชาชนผ่านการเลือกตั้งทั่วไป และประกาศชุมนุมและเคลื่อนไหวอีกครั้งในวันที่ 28 มี.ค. แสดงถึงเจตนาในการสร้างความวุ่นวายไม่จบสิ้น ยุงยงให้เกิดความแตกแยก และไม่เคารพกติกาการเมืองทั้งๆ ที่พวกพ้องตัวเองเป็นผู้กำหนดขึ้นมา กลุ่มมหาประชาชนฯ จึงได้เกิดขึ้นจากประชาชนที่ต้องการปกป้องตนเอง สังคม และประเทศ ตามสิทธิพื้นฐานแห่งความเป็นมนุษย์และพลเมือง โดยจะร่วมทำตามกฎหมาย เพื่อพิทักษ์รักษาและปกป้องไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย


 


นายประชา กล่าวเพิ่มเติมว่า เวทีคู่ขนานกับกลุ่มพันธมิตร ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 มี.ค.นั้น ประชาชนได้รับรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้ คือปูมหลังความเป็นมาและจุดประสงค์การเคลื่อนไหวของทั้ง 5 แกนนำพันธมิตรฯ ทั้งนี้นอกจากจะมีเวทีที่กรุงเทพฯ แล้วในภาคเหนือก็จะมีการจัดเวทีรูปแบบเดียวกัน ในวันเดียวกันนี้ด้วย


 


ด้านนายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน กล่าวว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีความตั้งใจเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย และต่อต้านการรัฐประหาร ซึ่งการเคลื่อนไหวของพวกตนทำในนามส่วนตัว และรับรองได้ว่าไม่เคยนำเรื่องนี้เข้าไปหารือกันในพรรค ขนาดในการประชุมพรรคพลังประชาชน ยังไม่มีสมาชิกพรรคคนไหนกล้าที่จะถามเรื่องนี้กับพวกเรา แม้กระทั่งหัวหน้าพรรคยังต้องพูดผ่านสื่อมวลชน เพราะครั้งนี้พวกเราตั้งใจจริง และวันนี้เราลงทุนด้วยชีวิต



ส่วนน.พ.วัลลภ ยังตรง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า จากความเดือดร้อนจากการรัฐประหารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลพวงจากการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้มีประชาชนจำนวนมาก กำลังจะทนไม่ไหวและพร้อมจะเข้าไปชนกับกลุ่มพันธมิตรฯ ในฐานะผู้สร้างความเดือดร้อน ซึ่งการจัดเวทีคู่ขนานในครั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรมีที่ทางในการแสดงออกร่วมกัน พร้อมปฏิเสธไม่ได้ต้องการตั้งม็อบไปตี แต่คนเดือดร้อนจะไปตีเอง


 


ทั้งนี้ในช่วงท้ายของการแถลง นายบุญยงค์ จรัสจรูญฤทธิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ขอให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่งไปรษณียบัตรไปที่ตู้ ปณ.1111 ของทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมแสดงพลังคัดค้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ        


  


 



 


แถลงการณ์กลุ่มมหาประขาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย

ห้องสีดา โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง วันพุธที่ 26 มีนาคม 2551 เวลา 10.00น.


หนึ่งปีหกเดือนเศษที่ผ่านมา ประเทศไทยและประชาชนไทย ได้รับความบอบช้ำ เจ็บปวด เกียรติภูมิของชาติตกต่ำลงอย่างมากมายในสายตานานาอารยประเทศ สภาพเศรษฐกิจถดถอย สังคมเสื่อมทรามลง โอกาสในการพัฒนาประเทศหลุดลอยไป อันเป็นผลมาจากการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" เป็นผู้ออกมาเคลื่อนไหว เรียกร้อง และสร้างเงื่อนไขก่อให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งต่อมาถูกคณะทหารที่เรียกตัวเองว่า "คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" หรือ "คปค." นำไปเป็นข้ออ้างในการนำกำลังทหารออกมายึดอำนาจจากรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540

ต่อมาหลังจากได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ซึ่งได้มีการยกร่างโดยคณะบุคคลที่เป็นตัวแทนของ คปค. โดยมีหลายคนที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" จนอาจจะกล่าวได้ว่าฝ่ายรัฐประหารและพันธมิตรฯเป็นผู้กำหนดกติกาทางการเมืองในรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวขึ้นมาเอง และได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปอันนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่มากจากเลือกตั้งของประชาชน


 


จากนั้น มีการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร มีการแต่งตั้งและเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลและแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่ในองค์อิสระ ซึ่งทำให้องค์กรต่างๆที่ใช้อำนาจ บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ และการตรวจสอบ ครบถ้วนตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว


 


หากแต่ว่ากลุ่มบุคคลเดิมที่เรียกตัวเองว่า "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ซึ่งนับว่าเป็นกลุ่มการเมืองนอกรัฐธรรมนูญและนอกกฎหมาย กลับไม่พอใจผลการตัดสินของประชาชนผ่านทางการเลือกตั้งทั่วไป จึงได้ประกาศออกนัดชุมนุม และทำการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 28 มีนาคม ศกนี้ ซึ่งมีเจตนาสร้างวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น ยุยงก่อให้เกิดความแตกแยกและการไม่เคารพกติกาทางการเมือง ทั้งที่พวกพ้องของตนเป็นผู้กำหนดขึ้นมาเอง จะทำให้ประเทศชาติต้องจมปลักอยู่ในความทุกข์ระทม เศรษฐกิจที่ตกอยู่ในความยุ่งยากอยู่แล้วต้องซ้ำร้ายลงไปอีกด้วยระบบการเมืองที่ไม่มั่นคง ประชาชนจะต้องตกอยู่ในความสิ้นหวังไม่มีอนาคต รัฐไทยจะเป็นรัฐที่ล้มเหลวในการปกครองและท้ายที่สุดจะนำไปสู่ล่มสลาย


 


กลุ่มคนนอกนอกกฎหมายเหล่านี้เพียงไม่กี่คนทำตนเป็นอันธพาล ขี้แพ้ชวนตี แสดงอำนาจบาตรใหญ่นอกบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ข่มขู่ คุกคามสวัสดิภาพของประเทศชาติอย่างร้ายแรง ก่อกวนและทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลซึ่งเป็นองค์กรตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของปวงชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย


 


"กลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย" จึงได้เกิดขึ้นจากประชาชนที่ต้องการปกป้องตนเอง สังคม และประเทศชาติ ตามสิทธิพื้นฐานแห่งความเป็นมนุษย์และพลเมือง ในฐานะส่วนหนึ่งของปวงชนชาวไทยผู้มีสิทธิและได้ใช้สิทธิในการเลือกตั้งอันนำไปสู่รัฐสภาและรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งในเมื่อการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้ข้อสรุปทางการเมืองภายใต้กติกาอันเป็นที่ยอมรับด้วยกันของประชาชนแล้ว ความขัดแย้งทางการเมืองควรจะยุติลงได้แล้ว ประเทศชาติควรจะเดินหน้าต่อไปหลังจากสะดุดหยุดมานาน



"กลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย" เป็นกลุ่มของ "มหาประชาชน" กล่าวคือจะเป็นกลุ่มของประชาชนทุกคนที่ต้องการปกป้องตนเองและประเทศชาติ โดย "ร่วม" กันทำตามกฎหมาย ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย และทำให้กติกาของสังคมมีความศักดิ์สิทธิ เพื่อ "พิทักษ์" รักษา และปกป้องไว้ซึ่งระบอบ "ประชาธิปไตย" อันจะนำมาซึ่งความสุขและความเจริญของประชาชน เราจะเป็นเวทีคู่ขนานเพื่อสร้างสรรค์สังคมประชาธิปไตยที่ยึดมั่นในกติกา เพื่อวิงวอนและบอกให้สังคมรับรู้ว่าความขัดแย้งทางการเมืองและความแตกแยกทางความคิดแก้ได้โดยวิธีเดียวคือการที่ทุกคนต้องยอมรับกติกาของสังคมที่เราทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดขึ้นมา เราจะดำเนินกิจกรรมโดยปราศจากความรุนแรงและใช้กฎหมายเป็นตัวตั้ง โดยเปิดกว้างให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการปกป้องตนเองและประเทศชาติด้วยกัน


จึงแถลงมาให้ทราบโดยทั่วกัน



จึงแถลงมาให้ทราบโดยทั่วกัน


กลุ่มมหาประชาชนเพื่อพิทักษ์ประชาธิปไตย


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net