Skip to main content
sharethis

 


การเมือง


 


 


"ชัช-นุรักษ์-บุญส่ง" นั่งตุลาการ รธน. วุฒิฯ เรียก "4ว่าที่" โชว์วิสัยทัศน์ 9 เม.ย.


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เลือกแล้ว "ชัช ชลวร-นุรักษ์ มาประณีต-บุญส่ง กุลบุปผา" เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เลขานุการศาลฎีการะบุ รอยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งภายใน 15 วัน ก่อนเสนอชื่อวุฒิสภา ด้านกมธ.ตรวจสอบประวัติ ตุลาการ รธน.เตรียมเรียก 4 ผู้ได้รับการสรรหา แสดงวิสัยทัศน์ 9 เม.ย. คาดได้ข้อสรุป 18 เม.ย.นี้


 


ที่ศาลฎีกา สนามหลวง เช้าวานนี้ (4 เม.ย.) นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา เป็นประธานประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาเพื่อคัดเลือกผู้พิพากษาไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวน 3 คน เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 204 (1) โดยวิธีลงคะแนนลับ โดยมีผู้พิพากษาศาลฎีกาและผู้พิพากษาอาวุโสรวมทั้งสิ้น 108 คน จากทั้งหมดจำนวน 120 คน เข้าร่วมประชุม มีผู้พิพากษาลาประชุม 8 คน ขาดประชุม 4 คน


 


ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกตามระเบียบศาลฎีกา จัดให้มีการลงคะแนนรวม 2 รอบ ซึ่งรอบแรกผู้พิพากษาที่ไม่ได้ยื่นหนังสือสละสิทธิ์รับการคัดเลือกทุกคนมีสิทธิได้รับการลงคะแนน รวม 19 คน ประกอบด้วย นายประพันธ์ ทรัพย์แสง นายสิทธิชัย พรหมศร นายเฉลิมเกียรติ ชาญศิลป์ นายณรงค์พล ทองจีน นายมนูพงศ์ รุจิกัญหะ นายชัยรัตน์ เบ็ญจะมโน นายพิษณุ ดำรงเกียรติวัฒนา นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร นายสุพัฒน์ บุญอุบล นายประจวบ พัชนีรัตนกรณ์ นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย นายเรวัตร อิศราภรณ์ นายวิเทพ พัชรภิญโญพงศ์ นายนุรักษ์ มาประณีต นายชัช ชลวร นายบุญส่ง กุลบุปผา นายเสริมศักดิ์ ผลัดธุระ นายไชยวัฒน์ สัตยาประเสริฐ นายพินิจ สายสะอาด


 


ในการคัดเลือกรอบแรก จะลงคะแนนคัดเลือกให้เหลือจำนวน 6 คน ซึ่งผลปรากฏว่า นายนุรักษ์ มาประณีต ได้ 96 คะแนน นายชัช ชลวร ได้ 95 คะแนน นายบุญส่ง กุลบุปผา ได้ 49 คะแนน นายเสริมศักดิ์ ผลัดธุระ ได้ 29 คะแนน นายไชยวัฒน์ สัตยาประเสริฐ ได้ 10 คะแนน และ นายพินิจ สายสะอาด ได้ 4 คะแนน ผ่านการคัดเลือกในรอบแรก


 


ต่อมาที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ลงคะแนนเลือกในรอบสองจาก 6 คน ให้เหลือ 3 คน เพื่อเสนอรายชื่อไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผลการลงมติของที่ประชุมใหญ่ศาลปรากฏว่า นายชัช ชลวร ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา ได้ 91 คะแนน นายนุรักษ์ มาประณีต ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้ 86 คะแนน นายบุญส่ง กุลบุปผา ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้ 65 คะแนน ได้รับเลือกให้ไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงคะแนนคัดเลือก นายบุญส่ง ที่ได้รับการคัดเลือกไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในลำดับที่ 3 นั้น ไม่ได้เข้าร่วมประชุม โดยขอลากิจเดินทางไปต่างประเทศ


 


นายอนันต์ วงศ์ประภารัตน์ เลขานุการศาลฎีกา กล่าวว่า ขั้นตอนต่อจากนี้ไป ผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ได้รับเลือกให้ไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องยื่นหนังสือลาออกจากการดำรงตำแหน่งในศาลฎีกาภายใน 15 วัน จากนั้น ศาลฎีกาจะได้ดำเนินการส่งรายชื่อผู้พิพากษาที่ได้รับเลือกทั้งสามคน ไปยังวุฒิสภาดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 204 โดยเร็วต่อไป


 


สำหรับประวัติ นายชัช ชลวร เกิดเมื่อวันที่ 7 ก.ย.2491 ปัจจุบันอายุ 60 ปี สำเร็จการศึกษาคณะนิติศาสตรบัณฑิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 2511 และเนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา โดยมีประวัติรับราชการดำรงตำแหน่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเบตง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสงขลา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครปฐม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมคุมประพฤติ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ผู้พิพากษาศาลฎีกา เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา


 


ส่วน นายนุรักษ์ มาประณีต เกิดเมื่อวันที่ 24 เม.ย.2492 อายุ 59 ปี จบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 2511 และเนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา โดยประวัติรับราชการ เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดไชยา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ต ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงดุสิต รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 6 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 8 ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค 7 และผู้พิพากษาศาลฎีกา



 


ทั้งนี้ ระหว่างปฏิบัติราชการในศาลยุติธรรม เมื่อปี 2549 หลังเกิดรัฐประหารวันที่ 19 ก.ย.2549 นายนุรักษ์ ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้ตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทย ขณะเดียวกันยังได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 อีกด้วย


 


ขณะที่ นายบุญส่ง กุลบุปผา เกิดเมื่อวันที่ 27 ก.พ.2493 อายุ 58 ปี จบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และเนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาโดยประวัติรับราชการ เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพัทลุง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดจันทบุรี ผู้พิพากษาศาลแพ่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลแพ่ง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ รองประธานศาลอุทธรณ์ และผู้พิพากษาศาลฎีกา


 


นายอนุศักดิ์ คงมาลัย คณะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบประวัติความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา เปิดเผยว่า หลังจากการปิดรับข้อมูลเกี่ยวกับผู้ได้รับการสรรหาจากสาธารณะ ในช่วงเช้าวันที่ 9 เม.ย.นี้ กรรมาธิการจะเรียกประชุม เพื่อพิจารณาข้อมูลที่ได้รับ


 


จากนั้นในเวลา 13.30 น. กรรมาธิการจะเชิญผู้ได้รับการสรรหาทั้ง 4 คน มาชี้แจงข้อมูลและแสดงวิสัยทัศน์ ทั้งนี้คาดว่าในวันที่ 18 เม.ย.กรรมาธิการจะสรุปผลการตรวจสอบประวัติ และความประพฤติของผู้ได้รับการสรรหาเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ จากนั้นจะนำข้อสรุปผลการศึกษาเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภาต่อไป


 


ด้านนายวรวิทย์ บารู กรรมาธิการ กล่าวว่า เท่าที่ได้รวบรวมข้อมูลของผู้ได้รับการสรรหาทั้ง 4 คน เบื้องต้นยังไม่พบข้อบกพร่องแต่อย่างใด


 


สำหรับรายชื่อที่กรรมการสรรหาลงมติเลือก 4 คน ประกอบด้วย นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ภาค 4 นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้รับเลือกในสายนิติศาสตร์ นายสุพจน์ ไข่มุกด์ อดีตเอกอัครราชทูตโปแลนด์ และ นายเฉลิมพล เอกอุรุ อดีตรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับเลือกในสายรัฐศาสตร์


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญ มีทั้งหมด 9 คน โดยขณะนี้ได้ตัวแทนจากการสรรหาแล้ว 4 คน จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 3 คน ส่วนอีก 2 คน จะมาจากกระบวนการสรรหาของคณะตุลาการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประชุมเพื่อคัดเลือก


 


 


ชะลอส่งร่างรธน.เข้าสภาฯ รบ.เสียงแตกรุมค้าน พปช. ชงแก้ 5 มาตรา


เว็บไซต์แนวหน้า - นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของหลายฝ่ายที่ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปเพื่อตัวเอง และล่าสุดมีน.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และนายอานันท์ ปันยารชุนออกมาเตือน หากแก้ไขรายมาตราอาจเกิดเหตุวุ่นวายว่า ทุกฝ่ายที่ออกมาแสดงความเห็นอาจลืมไปก่อนหน้าที่มีรัฐธรรมนูญปี 2550 มีการปฎิวัติฉีกรัฐธรรมนูญเดิมทิ้ง เพราะฉบับเก่าดีเกินไปสำหรับรัฐบาลอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้รัฐบาลแข็งแรงมากเลยโกง แล้วร่างขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็น่าแปลกที่ไม่มีใครไปว่าเขาเป็นคณะปฏิวัติ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เห็นชื่นชมกันดี เขาเขียนรัฐธรรมนูญอย่างไรก็ไม่มีใครว่า จะแย่อย่างไรก็ทนรับเอามาได้ แต่พอคนที่มาจากการเลือกตั้งจะแก้ไข กลายเป็นคนเลวใช้ไม่ได้ เป็นคนเอาประโยชน์แต่ตัว เห็นแก่ตัว


 


"ไอ้สำนวนที่ผมเจ็บช้ำน้ำใจที่สุดเลยนี่ก็คือว่า ไอ้คนที่ทำผิดแล้วให้ไปแก้กฎหมาย แล้วทำไมไม่ย้อนถามหละถ้าไอ้กฎหมายผิดแล้วคนมันอยู่กันได้ยังไง ถ้ากฎหมายมันผิด เขียนกฎหมายไว้ไม่ถูกต้อง แล้วจะอยู่ต่อไปได้ยังไง" นายสมัครกล่าว


 


นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการแก้รัฐธรรมนูญที่ยังมีข้อถกเถียงในพรรคพลังประชาชน โดยเฉพาะมาตรา 309 ว่า ตนไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับพรรคด้วย เพราะต้องทำงาน แต่ตนคิดชั้นเดียวไม่เห็นด้วยว่าต้องแก้ ก็เป็นประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องเสียหน้าเสียตา ทำไมแตะต้องไม่ได้ ศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหน ยืนยันคนได้เสียงข้างมากแก้รัฐธรรมนูญ สำหรับคนในอนาคตจะได้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะถ้าเราไม่ทำ ต่อไปใครจะทำ เพราะเลือกตั้งเข้ามาก็ต้องทนใช้ฉบับนี้อีก ส่วนวิธีแก้ให้นำรัฐธรรมนูญปี 50 มาตั้งแล้วเก็บหมวด 1 ไว้ ที่เหลือเอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาใส่ที่ไม่ดีก็ทิ้งไป และเพิ่มเติมที่จำเป็นเข้าไป ไม่กี่เดือนก็เสร็จ ได้ของดีมาใช้ พอยุบสภาก็มีรัฐธรรมนูญใหม่ที่ดีมาใช้


 


นายสมัครยังกล่าวด้วยว่า ขอตอบคำถามของนายอานันท์ ปันยารชุน ที่ถามรัฐบาลต้องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อใครว่า ตนแก้เพื่อประเทศไทย เพื่อคนไทยในอนาคตที่ยังจะต้องใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งจะไม่มีตนไปลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยหน้า ฉะนั้น จึงไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลย รวมถึงเชื่อว่าจะไม่มีผลย้อนหลังกับการยุบพรรค


 


"เพื่ออนาคต ผมไม่มีอนาคต เพราะต่อไปผมก็ไม่ลงแล้ว และทำอย่างนี้เพื่ออะไร เพราะตัวเองรึไง ถ้าเพื่อตัวเองก็ไม่คุ้มครองผมหรอก แล้วมาตรา 309 ทำไมนายสมัครบอกไม่เอา เพราะผมคิดชั้นเดียวผมไม่ได้คิดว่าจะต้องไปต่อสู้อะไร ผมคิดว่าผมไม่ได้ทำความผิด จะโดนไม่โดนก็แล้วแต่ ผมก็บอกไม่ต้องแก้ แต่พวกที่เขาบอกว่าโดนคดีความเขาบอกว่าต้องแก้ ก็เหตุผลก็ฟังได้ ก็แก้ เราเป็นประชาธิปไตยในพรรค"นายสมัคร กล่าว


 


นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะไม่ผ่านการทำประชามติ เพราะเลือกตั้งคราวที่แล้วพรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้งได้เสียงข้างมาก จึงถือเป็นมติของมหาชนเขาลงคะแนนมาแล้ว และทำหน้าที่ในสภากันอยู่ทุกวันนี้


 


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในมุมมองของนายกฯ เลือกตั้งครั้งเดียวทำได้ทุกอย่างเลยใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "จะบอกให้คุณฟังนะ เลือกตั้งครั้งเดียวแน่นอน แต่ว่าถ้าจะทำอะไรทุกครั้งต้องไปถามประชาชนอีกแล้วจะเลือกตั้งมาทำไม ตัวแทนเขาทำงาน 4 ปีถึงจะหมดเวลาแล้วค่อยเลือกตั้งใหม่ อะไรคนจะทำจะคิดอะไรใหม่ต้องไปถามประชาชนก่อน อะไรกัน"


 


ส่วนความเป็นไปได้ในการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่นั้น นายสมัครกล่าวว่า ส.ส.เป็นตัวแทนประชาชน เขาให้มาออกกฎหมาย แล้วจะเอาใครมาออกกฎหมาย ส.ส.ทั้งสภา 480 คนไม่มีปัญญาวินิจฉัยเรื่องนี้หรืออย่างไร วุฒิสมาชิกอีก 200 คน จะไปตั้งคนอื่นมาทำไม เมื่อถามว่าจะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไรให้ไม่ถูกแก้ไขได้ง่าย นายสมัคร กล่าวว่า เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญสิว่า ห้ามปฏิวัติ พูดคำนี้เดี๋ยวโดนอีก


 


ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อถกเถียงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของพรรคพลังประชาชนที่ยังเห็นไม่ตรงกันว่าจะแก้ทั้งฉบับหรือรายมาตราว่า ขณะนี้ต้นร่างที่คณะอนุกรรมการศึกษาประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ระบุจะแก้ไขใน 5 มาตราได้จัดทำเสร็จแล้ว แต่เมื่อความเห็นในส่วนของพรรคพลังประชาชนเอง รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลเองยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ตนจึงบอกให้ไปตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนว่าจะเอาอย่างไร จะแก้ใหญ่โดยเอารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นตัวตั้งหรือจะแก้บางส่วนบางประเด็นก็ว่ากันไป ดังนั้น ในส่วนของร่างแก้ไขที่คณะอนุกรรมการศึกษาฯทำเสร็จแล้ว ภายใน 1-2 วันนี้ก็จะยังไม่เสนอต่อสภาฯ ขอรอดูความแน่นอนของพรรคการเมืองต่างๆให้ความคิดตกผลึกก่อน


 


"แต่ก็ยอมรับว่าเหตุผลหนึ่งที่ยังไม่เสนอร่างที่แก้ไขเป็นรายมาตราต่อสภา เพราะเกรงจะมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาขู่ก่อนหน้านี้ว่าจะมาล้อมสภา" นายชูศักดิ์กล่าว และย้ำว่า เราไม่เห็นด้วย ตั้งแต่ตอนที่ทำประชามติแล้ว ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็บอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้บกพร่องทั้งนั้น แต่อยากฝากว่า ตอนที่ตรากฎหมายก็ทราบกันดีว่าเป็นการตราโดยระบบเผด็จการ ก็ไม่เห็นมีใครมาร้องแลกแหกกระเชิงว่าไม่ชอบ หรือไม่ถูก


 


นายชูศักดิ์กล่าวต่อว่า เพื่อความเป็นเอกภาพในส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ได้เสนอให้นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรมว.คลังนัดหารือกับหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาลหารือให้ได้ข้อยุติก่อน เชื่อว่าจะมีการพูดคุยกันในวันสองวันนี้หรืออย่างช้าไม่น่าเกินสัปดาห์หน้า


 


นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส. แพร่ พรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะอนุกรรมการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ของวิปรัฐบาล เปิดเผยภายหลังการประชุมแกนนำภาคของพรรคพลังประชาชนว่า ที่ประชุมมีมติให้ทำข้อสรุปถึงผลดีผลเสียของการแก้รัฐธรรมนูญบางมาตรา กับการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เสนอเข้าที่ประชุม ส.ส.วันที่ 8 เมษายน โดยวันดังกล่าวจะเปิดให้สมาชิกพรรคอภิปรายกันอย่างเต็มที่ ถ้าที่ประชุมมีมติอย่างไรก็จะแก้ไขตามแนวนั้น ในส่วนพรรคร่วมรัฐบาลเชื่อมั่นว่าจะต้องเห็นตามพรรคพลังประชาชน เพราะเราได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าพรรคอื่นๆ



นายวรวัจน์กล่าวอีกว่า ไม่ว่าจะแก้บางมาตรา หรือแก้ทั้งฉบับต่างมีผลกระทบมากทั้งคู่ และมีข้อดีข้อเสียพอกัน เช่น หากแก้บางประเด็นจะเกิดข้อเสียคือ กลุ่มพันธมิตรและฝ่ายที่เห็นด้วยจะเคลื่อนไหวแน่ แต่หากแก้ทั้งฉบับสุ่มเสี่ยงต่อการยุบพรรคสูงมาก อย่างไรก็ตาม แม้จะแก้ไขแนวไหนก็เสี่ยงต่อการยุบพรรคเหมือนกัน ถ้ามีการยุบพรรคจริง ส.ส.สามารถหาพรรคใหม่สังกัดได้อาจมีการเลือกตั้งส.ส.ซ่อมในเขตที่ส.ส.เป็นกรรมการบริหารพรรคและเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค เปลี่ยนนายกฯ ครม.ใหม่เท่านั้น ถือว่าไม่เป็นปัญหา สามารถหาคนเป็นแทนได้อยู่แล้ว


 


ด้านนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชนในรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชนระบุว่าได้หารือกับนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชนโดยเห็นว่าควรที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแต่หน้าที่การพิจารณาเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นของวิปรัฐบาลเป็นเรื่องของมติที่ประชุมของทุกพรรคการเมืองหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับจริง คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 9 เดือนในการดำเนินการ ดังนั้น ควรที่ทยอยแก้มาตราที่เป็นปัญหาก่อนส่วนแนวโน้มที่จะแก้ทั้งฉบับหรือบางมาตรานั้นขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล


 


ขณะที่นายไชยยศ จิรเมธากร รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยว่า พรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามความต้องการของพรรคพลังประชาชน ใน 5 ประเด็นที่เห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกัน เสมือนมติของวิปรัฐบาลไปแล้ว โดยระหว่างที่มีการดำเนินการดังกล่าว จะตั้งกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณา ศึกษารัฐธรรมนูญทั้งฉบับเพื่อแก้ไขภาพรวมระลอกที่สองต่อไป อย่างไรก็ตามในขณะนี้ บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ได้เสนอญัตติแก้ไข รัฐธรรมนูญเข้าสู่วาระการประชุมสภาไว้ เป็นจำนวนมากแล้ว


 


ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ยังคงกล่าวเตือนรัฐบาลที่เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า รัฐบาลไม่ควรสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้ง โดยควรพิจารณาทั้งระบบ ถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็แก้อย่างที่เราเคยทำกันมาเมื่อปี 2535 ใช้วิธีสร้างกรรมาธิการของสภาขึ้นมาศึกษาประเด็นว่า จะแก้กี่ประเด็น อย่างไร แล้วทุกพรรคก็มาร่วมกัน เชิญคนนอกมาร่วมด้วย ก็จะได้อารมณ์ร่วมของสังคม แต่ถ้าแก้โดยตั้งโจทก์ว่าแก้เพื่อประโยชน์ของคดีนั้นคดีนี้ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวาย ขณะนี้ญัตติขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษารัฐธรรมนูญ ที่เสนอโดยพรรคพลังประชาชนยังรอเข้าสู่การพิจารณา และตนได้ส่งคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ไปประสานกับวิปรัฐบาลแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่ตกผลึกทางความคิด จึงยังไม่ได้พิจารณา


 


 


หึ่ง!"แม้ว"ลงขันเปิดกาสิโนหิ้วนักลงทุนบินถก"ฮุนเซ็น"


เว็บไซต์แนวหน้า - เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 4 เมษายน ที่ห้องรับรองพิเศษ สนามบินดอนเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย และนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาฯ นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกฯ เดินทางกลับจากเชียงราย ถึงกทม. หลังกลับจากเดินสายทำบุญสืบดวงชะตาที่ภาคเหนือ และฉลองวันเกิดนายยงยุทธ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมาถึงพ.ต.ท.ทักษิณได้แต่เพียงส่งยิ้มให้กลุ่มผู้สื่อข่าวที่รอสัมภาษณ์ เมื่อถามว่าทำบุญมาเป็นอย่างไรก็บ้าง พ.ต.ท.ทักษิณตอบสั้นๆว่า "ทำบุญก็ได้บุญสิ" จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณและคณะทั้งหมดก็ได้รีบแยกย้ายอย่างรวดเร็วเพื่อขึ้นรถและออกไปในทันที


 


ด้านน.ส.ศันสนีย์ นาคพงษ์ โฆษกส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เผยว่า การไปต่างจังหวัดครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่ไปพบผู้คนพอสมควร มีทั้งนักการเมือง ประชาชน มาขอพบ ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณสบายใจ หน้าตาท่านก็เบิกบาน เท่าที่บรรยากาศเห็นทุกคนก็มารับด้วยความรักความตั้งใจ บางคนพอรู้ก็รีบออกมาจากบ้านเลย


 


ทั้งนี้ภารกิจของพ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ จะเดินทางไปกัมพูชาเพื่อพบปะกับสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตามคำเชิญ ส่วนวันที่ 8-9 เม.ย.จะพบปะกับนักลงทุนระดับโลกเกี่ยวกับไบโอดีเซล และนางรัศมี มิททาวน์ นักธุรกิจเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวยเป็นอันดับ 1 ของอังกฤษ อันดับ 4 ของโลก สัญชาติอังกฤษ เชื้อชาติอินเดียที่รับเชิญพูโประสบการณ์ในการประสบความสำเร็จแก่นักธุรกิจและคนรุ่นใหม่ชาวไทยได้รับฟังว่าประกอบธุรกิจได้ร่ำรวยขนาดนี้อย่างไร


 


น.ส.ศันสนีย์กล่าวว่า ส่วนในวันที่ 11 เม.ย. ไปจ.เชียงใหม่เพื่อทำบุญบรรพบุรุษ ขณะนี้ก็มีคนในพื้นที่เสนอขอทำนั่นทำนี่ ทั้งการรดน้ำดำหัวและอื่นๆ แต่ต้องรอข้อสรุปอีกครั้ง ส่วนวันที่ 14-16 เม.ย.จะไปนครดูไบตามคำเชิญ เพื่อบรรยายพิเศษทางธุรกิจแก่ภาคเอกชนหัวข้อ "ภาวะผู้นำภายใต้โลกที่มีแต่ความไม่แน่นอน"


 


รายงานแจ้งว่า สำหรับการเดินทางไปกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการวิพากวิจารณ์กันว่า นอกจากจะร่วมออกรอบตีกอล์ฟกับสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ จะพาเพื่อนนักธุรกิจไปด้วย เพื่อเจรจาเรื่องธุรกิจ โดยจะขออนุญาตไปลงทุนที่เกาะกง จะทำให้เกาะกงเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ พร้อมทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ร่วมทุนเพื่อสร้างคาสิโน คอมเพล็กที่เกาะกงด้วย


 


วันเดียวกัน ที่หมู่บ้านสุขิโต ภายในวิหารหลวงปู่เกวาลัน นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าสำนักสุขิโต ให้สัมภาษณ์ถึงดวงประเทศภายหลังการเข้ามาบริหารของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯว่า เรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับกระแสของโลก ส่วนกระแสบุญของนายสมัครขึ้นมาได้โดยอาศัยบุญจากผู้อื่น ทำให้มีปัญหาอยู่เสมอ "กรรมของชาติบ้านเมืองยังไม่จบสิ้น ซึ่งจะให้ดีขึ้นต้องรอถึงปี 2552 จากนั้นบ้านเมืองจะค่อย ๆ พักฟื้น และค่อยๆดีขึ้น"นายวารินทร์ กล่าว


 


นอกจากนี้ นายวารินทร์ ยังทำนายว่า ชะตากรรมของบ้านเมืองต่อจากนี้ไป อาจจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นอีกรอบ โดยจะเป็นลักษณะของการปฏิรูป แต่ก็จะมีการปะทะนองเลือด มีคนตายเป็นเบือ โดยกลุ่มที่ปฏิรูปจะเป็นกลุ่มคนสีเขียวทั้งกลุ่มใหม่ และกลุ่มเก่าคือ คมช. ซึ่งจะประคองบ้านเมืองไปอีกหลายปี


 


"สาเหตุมาจากความแตกแยก การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการเช็คบิล บวกกับผลกรรมของแผ่นดินยังไม่หมด ส่วนรัฐบาลของนายสมัครคงจะอยู่ไม่พ้นปีนี้ แค่เดือนพ.ค.ก็เอาให้พ้นไปให้ได้ก่อน แม้ท่านจะพยายามปรับแก้หลายเรื่องแต่คงลำบากเพราะนายสมัครอาศัยบุญคนอื่นๆ ยกเว้นว่าท่านใช้อำนาจยุบสภาฯก่อน อาจจะพอช่วยได้บ้าง "นายวารินทร์ ระบุ และว่าชะตากรรมของชาติจะหนักหรือเบาลง ก็ขึ้นอยู่กับการต่อบุญในวันที่ 7 เมษายนนี้ จะทำพิธีแก้กรรมของประเทศ จะเชิญพระพุทธรูปปางพิชิตมารนำขึ้นประดิษฐาน ณ ฐานพุทธมาณฑลล้านนาเพื่อแก้เคล็ด แต่คงช่วยได้ระดับหนึ่ง คงไม่หมด


 


เมื่อถามว่า การกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณจะมีส่วนให้เกิดเหตุการณ์หรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับท่านโดยตรง แต่จะเป็นคนในกลุ่มของท่าน ผู้เสียผลประโยชน์ รวมถึงพวก 111 คนนั้นด้วย แต่ขอให้จับตาดูว่าในการกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณครั้งที่ 3 จะเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น ทั้งนี้จะมีการสูญเสียผู้ใหญ่ที่เป็นที่รูกจักของคนทั้งประเทศด้วย


 


เมื่อถามว่า อนาคตหลังจากนายสมัครแล้วใครจะเป็นนายกฯ คนต่อไป นายวารินทร์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เห็นใครมีบารมีพอที่จะมาเป็นนายกฯ หากขึ้นมาก็ดำรงตำแหน่งไม่นาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีสิทธิ์ได้ขึ้น แต่ขึ้นมาแล้วก็ไม่นาน ความเป็นไปได้ที่นายสมัคร ยุบสภาแล้วจับมือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ช่วยกันดูแลบ้านเมืองยังมีอยู่


 


เมื่อถามว่า อาจจะเป็นการปฏิรูปฯ ที่ให้ทหารมาปกครองแผ่นดินใช่หรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า เป็นไปได้ เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.อนุพงษ์ อาจขึ้นมาเป็นนายกฯ ได้ใช่หรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า อาจจะเป็นได้ แต่ตอนนี้บารมียังไม่ถึง ตอนนี้ยังแกว่งอยู่ อาจจะมีพลิกขึ้นหรือย้ายออก ซึ่งไม่เกินปี 2552 ตอนนี้บุญขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่ต่อบุญ


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 6-7 เมษายน สำนักสุขิโตจะประกอบพิธีทำบุญสืบชะตาประเทศ และมีพิธีเบิกเนตรพระพุทธรูปปางพิชิตมาร โดยมีตัวแทนจากเหล่าทัพ และอดีตสมาชิก คมช. เข้าร่วมพิธีอย่างคึกคัก อาทิเช่น พล.อ.สนธิ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร.เป็นต้น มีรายงานว่า เวลา 16.00 น.พล.อ.อนุพงษ์ ได้เข้าพบนายสมัคร ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาในการเข้าพบ 1 ชั่วโมงก่อนที่จะเดินทางกลับ--จบ--



 


 


คลังควักกระเป๋าเฉียด 7 พันล้าน เพิ่มวงเงินบำเหน็จดำรงชีพอีก1เท่า บรรเทาความเดือดร้อนขรก.บำนาญ


เว็บไซต์แนวหน้า (Th)



Saturday, April 05, 2008 02:17


45192 XTHAI XFINMKT, ZSTOCK, XINSURE V%NETNEWS P%WNN


 


 ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้หารือกับอธิบดีกรมบัญชีกลางเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2551และได้ข้อสรุปว่าจะสนับสนุนให้มีการขยายเพดานวงเงินบำเหน็จดำรงชีพให้แก่ผู้รับบำนาญที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เพิ่มอีก 1 เท่าจากเดิมที่กำหนดให้ ขอรับได้ในอัตรา 15 เท่าของบำนาญรายเดือนแต่ไม่เกิน 200,000 บาท เป็นให้ขอรับได้ในอัตรา 15 เท่าของบำนาญรายเดือนแต่ไม่เกิน 400,000 บาท


 


ทั้งนี้จะปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธีการรับบำเหน็จดำรงชีพ พ.ศ. 2546 รวม 2 ฉบับ (ออกตามความในพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 และ พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539) เพื่อให้ผู้รับบำนาญดังกล่าวสามารถดำรงชีพได้อย่างเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่อัตราค่าครองชีพมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น


 


นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลางในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลางกล่าวว่าการขอรับบำเหน็จดำรงชีพในกรณีนี้ผู้รับบำนาญต้องมีอายุตั้งแต่ 65 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปและต้องมีวัตถุประสงค์ ดังนี้1) เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ 2) เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรืออาคารหรือห้องชุด 3) เพื่อชำระหนี้ค่าปลูกสร้างอาคารหรือต่อเติม ขยาย ซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนหรือห้องชุด และ 4) เพื่อชำระหนี้เงินกู้นอกระบบ


 


ผู้รับบำนาญที่จะได้รับความช่วยเหลือตามโครงการนี้กรมบัญชีกลางตรวจสอบแล้ว มีจำนวน 68,128 คน นอกจากจะทำให้ได้รับประโยชน์ในการครองชีพของผู้รับบำนาญและครอบครัวแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายซึ่งจะทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกด้วย


 


โครงการนี้เดิมถูกทักท้วงว่า ยังไม่มีการวิจัยสนับสนุนกรมบัญชีกลางจึงได้ให้สถาบันวิจัยและพัฒนามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชทำการวิจัย


 


จากการวิจัยดังกล่าวปรากฏว่าผู้รับบำนาญมีความต้องการใช้จ่ายเงินแต่มีเงินไม่เพียงพอสำหรับใช้จ่าย โดย 62.8% ต้องการนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงิน 56.9% ต้องการกู้เงินเพื่อซื้อ/ซ่อม/สร้างที่อยู่อาศัย 46.1% ต้องการนำไปลงทุน และ39.4% ต้องการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน


 


นายมนัสกล่าวว่า งบประมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินการประมาณ 6,945 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่สูงมากนัก เนื่องจากโครงการนี้ไม่ได้ตั้งงบประมาณเอาไว้ จึงต้องจ่ายจากเงินคงคลัง แต่คาดว่าจะมีเพียงพอที่จะนำมาจ่ายได้ จึงจะได้ผลักดันกฎกระทรวงเรื่องการรับบำเหน็จดำรงชีพ เพื่อช่วยเหลือด้านการดำรงชีพของผู้รับบำนาญต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานนักเนื่องจากเป็นกฎกระทรวงเมื่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบก็จะประกาศใช้ได้ทันที


 


 


 


เศรษฐกิจ


 


 


"ธปท." ถกคลัง 10 เม.ย. ตั้งกองทุนเงินสำรอง


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - ธปท.ถกคลัง 10 เม.ย.หารือตั้งกองทุนบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศ สศค.ระบุแค่เริ่มต้นศึกษาตัวอย่างต่างประเทศ แนะสามารถเริ่มตั้งจากเงินทุน 1-2 หมื่นล้านดอลลาร์ได้ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมาก ชี้ตั้งกองทุนแยกจากแบงก์ชาติช่วยทำให้โปร่งใสมากขึ้นและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น


 


นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์ "รอยเตอร์" ว่าคณะทำงานศึกษาตั้งกองทุนบริหารเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ (Sovereign Wealth Fund) จะมีการประชุมหารือเพื่อศึกษาแนวทางการจัดตั้งกองทุนว่ามีความจำเป็นหรือไม่อย่างไร ช่วงกลางเดือนเม.ย.นี้


 


"คงมีการพูดคุยกันในคณะทำงาน ที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน ประชุมเดือนนี้กลางเดือนคงมีประกาศให้ข้อมูลคืบหน้า โดยคณะทำงานชุดนี้ จัดตั้งขึ้นโดยกระทรวงการคลังเพื่อศึกษาว่าเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยขณะนี้มีจำนวนมากพอที่จะนำไปจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อการลงทุน เช่นเดียวกับที่หลายประเทศได้ดำเนินการอยู่หรือไม่" นางผ่องเพ็ญ กล่าว


 


เงินสำรองระหว่างประเทศล่าสุดวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมามีจำนวน 109,677.8 ล้านดอลลาร์ ส่วนฐานะสุทธิซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (ฟอร์เวิร์ด) มีจำนวน 21,456 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยเป็นผลจากการ


 


ดร.โชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้อำนวยการส่วนนโยบายระบบการเงิน สำนักนโยบายระบบการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังและธปท. จะประชุมหารือในระดับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนบริหารเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ในสัปดาห์หน้า เพื่อศึกษาประสบการณ์ในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวของต่างประเทศ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการจัดตั้งของไทย


 


"วันที่ 10 เม.ย.ที่จะถึงนี้ กระทรวงการคลังและธปท.จะประชุมหารือเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนเคลื่อนย้ายของไทย ซึ่งก็น่าจะมีการหารือถึงเรื่องการจัดตั้งกองทุนบริหารเงินสำรองด้วย" ดร.โชติชัย กล่าว


 


ดร.โชติชัย กล่าวว่า โดยส่วนตัวคิดว่าประเทศไทยสามารถจัดตั้งกองทุนดังกล่าวได้เพราะมีขนาดเงินทุนที่เพียงพอ และก็มีตัวอย่างจากหลายประเทศที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งการจัดตั้งกองทุนอาจจะทยอยลงทุน ไม่จำเป็นต้องเร่งลงทุนเป็นจำนวนมากในครั้งเดียว โดยจำนวนเงินที่ใช้จัดตั้งกองทุนเริ่มแรกอาจจะเป็นจำนวนประมาณ 10,000-20,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับประเทศเกาหลีใต้ที่แรกเริ่มลงทุนก็ใช้เงินประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์


 


"มีโอกาสเกิดขึ้นได้แต่ว่าตอนนี้ยังแค่เบื้องต้น อยู่ในระหว่างการศึกษาหาข้อมูลดูประสบการณ์จากต่างประเทศ ทั้งจีน เกาหลี สิงคโปร์ ที่คิดว่าน่าจะทำได้เพราะขนาดเงินเพียงพอและมันก็ต้องทำอะไรบางอย่าง ไม่ใช่ปล่อยให้คาราคาซังอยู่อย่างนี้" ดร.โชติชัย กล่าว


 


สำหรับข้อดีในการจัดตั้งกองทุนบริหารเงินสำรองดังกล่าว ดร.โชติชัย กล่าวว่า นอกจากจะทำให้ไทยมีความยืดหยุ่นในการลงทุนได้มากขึ้น โดยมองผลตอบแทนระยะยาวมากขึ้นแล้ว การจัดตั้งกองทุนเพื่อบริหารเงินสำรองยังมีข้อดีในแง่ที่ทำให้มีความโปร่งใสมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการบริหารเงินทุนสำรองจะตรวจสอบด้วยคณะกรรมการ ธปท.ซึ่งก็มีผู้ว่าการ ธปท.เป็นประธานทำให้อาจจะเกิดความไม่โปร่งใสมาก เท่ากับการที่จะมีคณะกรรมการต่างหากและมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านการลงทุนเป็นผู้ดูแล


 


ทั้งนี้ การจัดทำกองทุนดังกล่าวในต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะแยกออกจากการดูแลของธนาคารกลาง อย่างไรก็ตามในการจัดตั้งสามารถระบุได้ว่าหากถึงช่วงที่ประเทศประสบปัญหาวิกฤติ ธนาคารกลางสามารถนำเงินทุนสำรองจากกองทุนดังกล่าว ไปใช้เพื่อการรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนได้


 


 


"มิ่งขวัญ"ถกอินเดียตั้ง"โอเรค"ฮั้วข้าว


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประเทศอินเดีย จะเดินเข้าทางมาพบในวันที่ 27 เม.ย.นี้ ซึ่งตนจะใช้โอกาสนี้หารือกับรมว.พาณิชย์ อินเดีย เกี่ยวกับความร่วมมือในการกำหนดราคาข้าวส่งออก ของ 3 ประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก คือ ไทย อินเดีย และเวียดนาม เพื่อดูท่าทีว่าอินเดียเห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างไร หลังจากนั้นก็จะเดินทางไปหารือที่เวียดนาม


 


ทั้งนี้ ปี 2550 ที่ผ่านมา ไทยมีสัดส่วนการส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก ในสัดส่วน 31.40% รองลงมา คือ อินเดีย จำนวน 16% และเวียดนามอีก 14% ตามลำดับ เมื่อรวมสัดส่วนการส่งออกข้าวของทั้ง 3 ประเทศแล้ว จะมีจำนวนกว่า 60% ของการส่งออกข้าวในตลาดโลก หาก 3 ประเทศร่วมมือกัน ก็จะสามารถกำหนดราคาข้าวส่งออกได้ เหมือนกับกรณีที่ผู้ค้าน้ำมันในประเทศตะวันออกกลาง ที่ร่วมมือกันกำหนดราคาน้ำมันส่งออก เป็นกลุ่มโอเปค


 


เดิมการรวมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกข้าวมี ไทย-เวียดนาม แต่จับมือกันในลักษณะ "ไรซ์พูล" แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการค้าข้าว ผลผลิตระหว่างกัน และแบ่งช่วงเวลากันส่งออกข้าวไม่ให้ทับซ้อนกัน พยายามไม่ตัดราคากัน แต่หากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกข้าวรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น จัดตั้งเป็นกลุ่มประเทศผู้ค้าข้าวหรือโอเรค (Organization of the Rice Exporting Countries) สามารถกำหนดราคาข้าวในตลาดโลก เป็นราคาอ้างอิงได้เหมือนกับน้ำมัน


 


นายมิ่งขวัญ ยังกล่าวถึงการหารือร่วมกันระหว่าง 13 สมาคมที่เกี่ยวข้องกับการค้าข้าว วันนี้ (5 เม.ย.) ว่า ตนจะรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งชาวนา โรงสีข้าว และผู้ส่งออก แต่สิ่งที่อยากบอก คือ ชาวนาควรใช้วิธีเจรจาตกลงซื้อขายข้าวฤดูกาลใหม่ที่กำลังออกมากับโรงสีใหม่ จากเดิมที่พ่อค้าคนกลางจะเป็นคนกำหนดราคารับซื้อ เพราะชาวนาไม่มียุ้งฉางไว้เก็บข้าว อีกทั้งชาวนาเองก็ไม่รู้ราคาข้าวที่โรงสี และผู้ส่งออกนำไปขายต่อ แต่ขณะนี้ชาวนารู้แล้วว่าข้าวที่ส่งออกมีราคาเท่าใด จึงควรเจรจากับพ่อค้าคนกลาง หรือโรงสีให้เพิ่มราคารับซื้อ หรือขอปันส่วนข้าวไว้บางส่วนเพื่อบริโภค หรืออาจจะขอปันส่วนรายได้ที่โรงสีได้รับจากการขายแกลบ เป็นต้น


 


"ต่อไปกระทรวงพาณิชย์ต้องเปิดเผยข้อมูลการค้าข้าวทั้งระบบ เพื่อให้ชาวนาได้ทราบแล้ว นำไปต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง" นายมิ่งขวัญ กล่าวและยืนยันว่า การที่ตนออกมาบอกว่าให้ชาวนาและผู้ส่งออกขายข้าวได้แล้ว เพราะราคาข้าวหอมมะลิส่งออกขึ้นไปถึง 3 หมื่นบาทต่อตันนั้น เพื่อต้องการให้ชาวนาที่ไม่เคยรับรู้ข้อมูลรับทราบ เพราะข้าวฤดูกาลใหม่ที่จะออกมา 6.5 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 4.2 ล้านตันข้าวสาร อาจจะทำให้ราคาข้าวลดลง" นายมิ่งขวัญ กล่าว


 


นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวนอกรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่เมืองดานัง เวียดนาม ว่า ไทยไม่มีแผนควบคุมการส่งออกข้าว และไม่ต้องการปั่นตลาด โดยพยายามปล่อยให้ข้าวเป็นไปตามกลไกของอุปสงค์และอุปทาน


 


นายปราโมทย์ วานิชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกับนายมิ่งขวัญ วันนี้ (5 เม.ย.) ทางสมาคมโรงสีข้าวไทยจะเสนอในที่ประชุมว่า ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดราคาเพดานส่งออกข้าวขั้นต่ำ ตามที่สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศเสนอ เนื่องจากจะส่งผลเสียทำให้ราคาข้าวภายในประเทศตกต่ำลง แต่ไม่ได้แก้ไขปัญหาเรื่องข้าวภายในประเทศขาดแคลน


 


นายปราโมทย์ กล่าวว่า การดูแลราคาข้าวในประเทศที่ถูกต้อง คือรัฐควรนำข้าวในสต็อกรัฐบาลที่มีอยู่ 2.1 ล้านตัน ออกมาจำหน่ายให้ผู้บริโภคในประเทศ โดยไม่กระทบราคาส่งออก ส่วนข้าวที่เหลือในสต็อก รัฐบาลต้องเก็บไว้สำรองโดยไม่ปล่อยออกมา


 


"ข้าวที่ระบายออกมาในสมัยนายเกริกไกร จีระแพทย์ เป็นรมว.พาณิชย์ 4 ล้านตัน ขณะนี้ยังอยู่ในมือผู้ส่งออกที่ประมูลได้ และยังไม่ไปขนข้าวจากโกดังรัฐถึง 9 แสนตัน ซึ่งขณะนั้นประมูลในราคาเฉลี่ยกระสอบละ 1.2 พันบาท ปัจจุบันราคาขึ้นไป 2 พันบาท หากขายออกมาตอนนี้จะทำให้มีส่วนต่างกำไรถึง 6 พันล้านบาท" นายปราโมทย์ กล่าว


 


นายปราโมทย์ กล่าวว่า ราคาข้าวภายในประเทศที่ปั่นป่วนขณะนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากที่ รมว.พาณิชย์ ออกมาชี้นำว่าข้าวจะขึ้น 3 หมื่นบาทต่อตัน ถือเป็นการส่งสัญญาณไม่ชัดเจน ทำให้เกิดสถานการณ์กักตุนข้าวเพื่อกำไร ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาลำบากมากยิ่งขึ้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีการเก็งกำไรตามกลไกตลาด


 


นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีกระทรวงพาณิชย์จะนำข้าวในสต็อกของรัฐบรรจุถุงขายในราคาประหยัด ระบุว่า เป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ที่จะเข้าไปดำเนินการ และว่า "เขาจะทำข้าวถุงออกมาขายก็เรื่องของเขา อย่าไปซีเรียสหนักหนา คุณมิ่งขวัญ ท่านก็เก่งเอาข้าวไปใส่ถุงและจะเอาไปลดราคาให้ แต่คงไม่ต้องหรอก ถึงข้าวแพงนิดหน่อยเขาก็ซื้อได้ ของอย่างนี้เราต้องให้ชาวนาได้ราคาบ้าง แต่ข้าวชุดนี้มันออกมาจากชาวนาแล้ว ก็ขอให้ไปอุดหนุนข้าวที่จะออกมาใหม่ก็แล้วกัน" นายสมัครระบุ


 


นายกรัฐมนตรี ยังได้เตือนประชาชนว่า ไม่ควรตื่นตระหนกและแห่ซื้อข้าวกักตุน โดยยืนยันว่าไทยมีข้าวเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ และรัฐบาลมีข้าวในสต็อกอีกกว่า 2 ล้านตัน ซึ่งมีทั้งข้าวเก่าและข้าวใหม่ ขณะที่เมืองไทยสามารถปลูกข้าวได้ทุกๆ 4 เดือน ยก และอีก 2 วันข้าวฤดูกาลใหม่ก็กำลังจะออกมา ดังนั้น เรื่องข้าวขาดแคลนจึงไม่ใช่เรื่องที่ประชาชนจะต้องวิตก แต่ประเด็นน่าห่วงคือ ขณะนี้มีบริษัทหันมาปลูกข้าวขายเองบ้างแล้ว เนื่องจากเห็นว่าข้าวราคาดี ดังนั้น ผู้ที่อาจจะได้รับเดือดร้อนคือชาวนา เพราะจะมีคนมาแย่งชาวนาปลูกข้าว



นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ เลขาธิการสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า กลุ่มผู้ส่งออกของไทยขายข้าวหอมมะลิเกรด 1 แก่ผู้นำเข้าของฮ่องกงที่ระดับราคาสูงเป็นประวัติการณ์เหนือ 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน และมีการขายข้าวนึ่ง 100% ของไทยที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 880 ดอลลาร์ต่อตัน แก่ผู้นำเข้าแอฟริกันสำหรับส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การส่งออกข้าวของไทย



ดร.ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก เทสโก้ โลตัส เปิดเผยว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาข้าวเช่นเดียวกับผู้บริโภค โดยช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากห้างเทสโก้ โลตัส จะได้รับข้าวจากซัพพลายเออร์ลดลงจากยอดการสั่งซื้อปกติ 20-30% แล้ว ซัพพลายเออร์ยังอ้างว่าข้าวมีน้อย และได้ปรับราคาขายขึ้นอย่างต่อเนื่อง


 


สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความตื่นตระหนก และกักตุนข้าวเป็นจำนวนมาก เห็นได้จากยอดการจำหน่ายข้าวถุงในโลตัส เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว จากเดิมที่เคยขายเฉลี่ยวันละ 2,000 ถุง เพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ถุงต่อวัน ตลอดสองสัปดาห์


 


"อยากขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย อย่าสร้างกระแสให้ผู้บริโภคตื่นตระหนก ทั้งในเรื่องสต็อกและการผลิต เพราะจะทำให้เกิดการกักตุน เช่นที่เกิดขึ้นในขณะนี้" ดร.ดามพ์ กล่าว และว่าสำหรับราคาจำหน่ายยืนยันว่ายังคงกำหนดราคาที่ผู้บริโภครับได้ โดยที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ไม่มีกำไรจากการจำหน่ายสินค้ากลุ่มจำเป็น ทั้งข้าวและน้ำตาลไม่ได้ขายแพงและไม่มีกำไร


 


ต่อกรณีที่ถูกระบุว่า กลุ่มค้าปลีกเป็นผู้กักตุนข้าว ผู้บริหารเทสโก้ โลตัส ระบุว่า "เป็นไปไม่ได้ที่ค้าปลีกสมัยใหม่ หรือกลุ่มโมเดิร์นเทรด จะกักตุนสินค้า เพราะธุรกิจมีการนำระบบบริหารจัดการ และการบริหารสต็อกมาใช้เพื่อลดต้นทุน ยิ่งสต็อกนานก็ยิ่งเสียค่าใช้จ่ายมาก" อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มราคาข้าวจะขยับตัวขึ้นอีก เพราะปัจจัยภายนอกและสถานการณ์โลกในขณะนี้มีความต้องการข้าวสูงมาก



สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก รับประกันกับลูกค้าว่าไทยมีปริมาณข้าวเพียงพอที่จะส่งออก หลังจากภาวะขาดแคลนทั่วโลก ผลักดันราคาข้าวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และก่อให้เกิดการประท้วงในหลายประเทศทั้งในเอเชียและแอฟริกา



นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ไทยมีข้าวเพียงพอที่จะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และอาจสามารถส่งมอบได้มากถึง 1.2 ล้านตันต่อเดือน โดยไทยมีข้าวอยู่ในสต็อก 2.13 ล้านเมตริกตัน ซึ่งสามารถรองรับความต้องการได้ประมาณ 3 เดือน ราคาข้าวในตลาดโลกในปัจจุบันเป็นประโยชน์กับชาวนา และรัฐบาลจะปล่อยให้ตลาดเป็นผู้ตัดสินราคา


 


ราคาข้าวพุ่งขึ้นเกือบสองเท่าในปีที่ผ่านมา เมื่อฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่สุดสั่งนำเข้ามากขึ้น ขณะที่จีน อินเดีย และเวียดนาม ลดการส่งออก ราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่สูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น


 


นายเลส กอร์ดอน ประธานสมาคมผู้เพาะปลูกข้าวแห่งออสเตรเลีย คาดว่าในระยะสั้นถึงปานกลางราคาจะพุ่งสูงขึ้นอีกเหนือกว่าระดับเฉลี่ยระยะยาว


 


ราคาข้าวสัญญาส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดชิคาโกวานนี้ (4 เม.ย.) เพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 20.255 ดอลลาร์ต่อ 100 ปอนด์ หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 20.35 ดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้านั้น องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) คาดว่า การส่งออกข้าวทั่วโลกจะลดลง 3.5% ในปีนี้ เมื่อประเทศต่างๆ ควบคุมการขาย



ทางด้านหนังสือพิมพ์สเตรตส์ไทมส์ รายงานว่า สิงคโปร์ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะข้าวขาดแคลนเหมือนประเทศเพื่อนบ้าน อย่างฟิลิปปินส์ เนื่องจากสามารถรับมือกับราคาข้าวในตลาดโลกที่สูงขึ้นได้


 


นายเอส อิสวารัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ กล่าวว่า ขณะนี้สิงคโปร์ยังมีข้าวอยู่ในสต็อกในปริมาณมาก ประชาชนไม่จำเป็นต้องกักตุน และคาดว่าจะมีเหลือเพียงพอต่อการบริโภคจนกระทั่งข้าว ที่สั่งนำเข้าล็อตใหม่มาถึงตามปกติ


 


สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า กลุ่มผู้นำเข้าข้าวของสิงคโปร์ยอมจ่ายแพงกว่าราคาในตลาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่ามีข้าวเพียงพอบริโภคในประเทศ โดยบริษัท โก๊ะ ฮอค โฮ ยอมซื้อข้าวจากไทยในราคา 820 ดอลลาร์ต่อตัน สูงกว่าราคาที่สัญญากันไว้ที่ 570 ดอลลาร์ต่อตัน


 


ขณะเดียวกัน เทรดเดอร์หลายรายกล่าวว่า เวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับสองของโลก ขยายระยะเวลาห้ามส่งออกข้าว เพื่อสร้างเสถียรภาพของราคาอาหารภายในประเทศ ขณะที่พยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อในระดับสูง โดยนายเหงียน ตัน ดุ่ง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวกับภาคอุตสาหกรรมอาหารในประเทศว่า จะไม่มีการลงนามสัญญาส่งออกข้าวอีกจนถึงเดือนมิ.ย. หลังประกาศระงับการส่งออกข้าวเดือนมี.ค.และเม.ย.ไปแล้ว


 


เทรดเดอร์กล่าวว่า การขยายระยะเวลาคำสั่งห้ามส่งออกข้าวดังกล่าว อาจทำให้เกิดความวิตกมากขึ้นในกลุ่มประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เนื่องจากอินเดียและกัมพูชาก็ห้ามส่งออกข้าวเช่นกัน ขณะที่ปริมาณข้าวจากจีนและปากีสถานมีจำนวนจำกัด


 


นางดิอาห์ มอลิดา ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าต่างประเทศ กระทรวงการค้าอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียวางแผนประกาศนโยบายใหม่ในเร็วๆ นี้ เพื่อควบคุมการส่งออกข้าว และรักษาสต็อกภายในประเทศ


 


ส่วนที่ฟิลิปปินส์ นางกลอเรีย อาร์โรโย ประธานาธิบดี เปิดประชุมสุดยอดด้านอาหารกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร เพื่อช่วยแก้ปัญหาราคาข้าวแพงขึ้น โดยนางอาร์โรโยพยายามรับประกันว่า ฟิลิปปินส์ยังคงมีปริมาณอาหารเพียงพอสำหรับเลี้ยงประชาชน ท่ามกลางความวิตกว่าอาจเกิดเหตุวุ่นวายจากการที่ราคาอาหารหลักถีบตัวสูงขึ้น


 


นายอาเธอร์ แยป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ กล่าวว่า การประชุมดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อระดมมาตรการเพื่อให้หลักประกันความมั่นคงด้านอาหาร ขณะที่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียต่างก็เร่งแก้ไขปัญหาเดียวกันนี้


 


อย่างไรก็ตาม นายแยปยืนยันว่า ฟิลิปปินส์ยังมีปริมาณข้าวเพียงพอ และสั่งนำเข้าข้าวอีก 1.5 ล้านตันในปีนี้ ซึ่งข้าวจำนวน 700,000 ตันจะถูกส่งมาถึงในเดือนก.ค. รัฐบาลฟิลิปปินส์สามารถนำเข้าข้าวได้ 2.7 ล้านตันในปีนี้ แต่นายแยปไม่ได้กล่าวว่า ฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวถึงจำนวนดังกล่าวหรือไม่


 


ดร.นิทัศน์ ภัทรโยธิน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือ ต.ส.ล.(afet) เปิดเผยว่าการเข้าลงทุนของกองทุนเพื่อการเก็งกำไร (hedge fund) ในตลาดข้าวล่วง เป็นการลงทุนโดยปกติของเฮดจ์ฟันด์อยู่แล้ว โดยปกติ เฮดจ์ฟันด์จะลงทุนในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคล่วงหน้า (commodity future) ไม่ว่าจะเป็นตลาดน้ำมัน ทองคำ ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลืองและข้าว เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาสินค้าที่ผันผวนของตลาดต่างๆ ทั้งนี้ยอมรับว่าการที่ราคาข้าวในตลาดล่วงหน้าในต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีเฮดจ์ฟันด์เข้ามาลงทุนค่อนข้างมาก เพราะมีสัญญาณบ่งชี้ว่าราคาข้าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากสินค้าและความต้องการไม่สมดุล


 


สำหรับการซื้อขายในต.ส.ล. กรรมการและผู้จัดการ กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลว่าจะมีเฮดจ์ฟันด์เข้ามาเก็งกำไรหรือสร้างราคา เนื่องจากต.ส.ล.มีเครื่องมือกำกับดูแลราคาซื้อขาย คือการกำหนดเพดานซื้อขาย นอกจากนี้ สินค้าในต.ส.ล.ยังไม่หลากหลาย ซึ่งไม่เอื้อต่อการป้องกันหรือการหากำไรของเฮดจ์ฟันด์


 


 


 


ต่างประเทศ


 


 


พม่าสั่งจำคุกนักเคลื่อนไหวตลอดชีวิต


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - รัฐบาลทหารพม่าสั่งจำคุกตลอดชีวิตและสั่งปรับนายออน ตัน นักเคลื่อนไหววัย 60 ปี เป็นเงิน 1,000 จ๊าด หลังจากถูกจับกุมเนื่องจากถือป้ายเรียกร้องให้พม่าเปิดการประชุมรัฐสภาและแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ บริเวณหน้าสถานทูตสหรัฐในเมืองย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ปีที่แล้ว การประท้วงของนายด้านออน ตัน มีขึ้นในช่วงที่นักเคลื่อนไหวคนอื่นๆ เริ่มประท้วงการขึ้นราคาน้ำมันครั้งใหญ่ และหลังจากแกนนำการประท้วงถูกจับกุม พระก็ได้ออกมาเคลื่อนไหว



 


 


สิ่งแวดล้อม


 


 


"จินตนา"ขยายเส้นตาย 15 วันให้อนงค์วรรณศึกษาโรงถลุงเหล็ก


เว็บไซต์คมชัดลึก - นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด เปิดเผยกรณียื่นข้อเรียกร้องพร้อมกำหนดระยะเวลา 15 วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะต้องให้ความชัดเจนในการยกเลิกโครงการโรงถลุงเหล็กของบริษัทเครือสหวิริยาว่า ในขณะนี้จะยังไม่มีการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทวงถามความคืบหน้า


 


เพราะเชื่อว่าอยู่ในระหว่างการทำหน้าที่ของทางรัฐมนตรี แต่การที่จะตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาตรวจสอบพร้อมทั้งให้ชาวบ้านเข้าไปร่วมเป็นกรรมการในการตรวจสอบด้วยนั้น ตนมีความเห็นว่า เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาควรระบุด้วยว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องอะไร ปัญหาใดบ้าง เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อทุกฝ่าย โดยเวลานี้จึงยังไม่มีการส่งรายชื่อชาวบ้านเข้าร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบแต่อย่างใด


 


นางจินตนา กล่าวว่า เวลานี้ทางสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) อยู่ระหว่างตรวจสอบรายงานผลการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมฉบับที่ 2 ซึ่งตนเรียกร้องให้ทางผู้บริหารหรือบริษัทที่รับผิดชอบ ต้องตรวจสอบข้อมูลตามข้อเท็จจริง และจะต้องแสดงข้อมูลที่เป็นความจริงผ่านต่อสายตาประชาชนด้วย


 


นางสุชาดา จักรพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาทางเลือก เปิดเผยความคืบหน้าหลังการเปิดเวทีรับฟังความเห็นสาธารณะโครงการโรงถลุงเหล็ก อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2551 ว่า ได้ รวบรวมเนื้อหา สรุปสังเคราะห์เป็นข้อมูลวิจัย ส่งให้กับชาวบ้าน และผู้ให้ทุนทำวิจัย เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง จะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปยื่นประกอบหนังสือร้องเรียนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ อาทิ สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม หรือ กระทรวงอุตสาหกรรม ต่อไป ส่วนบทบาทของสถาบันการศึกษาทางเลือกต่อประเด็นโรงถลุงเหล็ก ขณะนี้ยังไม่มีแผนงานเพิ่มเติม


 


ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาทางเลือก กล่าวปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อ บทบาทการดำเนินกิจกรรมของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ซึ่งได้มอบเหรียญ"เจริญ วัดอักษร"ให้กับแกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง เมื่อวันที่ 29 มี.ค.51 ว่า ผลดีหรือเสียอย่างไรไม่ขอวิจารณ์ อย่างไรก็ตามสำหรับ แม้ว่า เคยร่วมงานกับมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนมาก่อน แต่ก็ได้ยุติบทบาทและออกมาตั้งแต่ เดือนกันยายน 2550 ที่ผ่านมาแล้ว ดังนั้น สถาบันการศึกษาทางเลือกฯ จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน หรือหน่วยงานใด เพราะถือว่าเป็นสถาบันวิชาการที่มีความเป็นอิสระ


 


 


สภาเหมืองแร่แนะแก้ก.ม.ร่นเวลาให้ประทานบัตร


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นายยงยุทธ เพ็ชร์สุวรรณ ประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ เปิดเผยภายหลังประชุมประจำปี 2551 วานนี้ (4 เม.ย.) ว่า สภาการเหมืองแร่กำลังขอเข้าพบนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอทราบนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมเหมืองแร่ พร้อมกับจะเสนอแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ต่อกระทรวงอุตสาหกรรม โดยต้องการให้มีการแก้ไข พ.ร.บ. แร่ พ.ศ.2510 ในประเด็นกรอบระยะเวลาพิจารณาอาชญาบัตรสำรวจแหล่งแร่ รวมถึงการพิจารณาอนุมัติสัมปทานบัตรเหมืองแร่ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม


 


เนื่องจากที่ผ่านมาไม่กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการเสียโอกาสลงทุนธุรกิจเหมืองแร่ และระยะเวลารอประทานบัตรนานถึง 10 ปี รวมทั้งหากเปลี่ยนรัฐมนตรีจะต้องยื่นขอสัมปทานบัตรใหม่ ขณะที่ผู้ประกอบการเห็นว่าเรื่องได้ผ่านขั้นตอนพิจารณาตามกฎหมายไปแล้ว จึงไม่ควรเริ่มต้นใหม่ เพราะปัจจุบันมีผู้ประกอบการรออาชญาบัตรและประทานบัตรจำนวนมาก เช่น บริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)


 


นอกจากนี้ยังต้องการให้ยกเลิกกฎกระทรวง ห้ามสำรวจแร่ยิปซัม เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการไม่สามารถขออนุญาตสำรวจแร่ยิปซัมได้ โดยเห็นว่าหากผู้ประกอบการสำรวจพื้นที่แล้ว ภาครัฐเห็นว่าพื้นที่ใดไม่ควรทำเหมืองแร่ ก็ไม่ควรออกประทานบัตรให้


 


"สภาเหมืองแร่ต้องการให้รัฐจัดการพื้นที่ทำเหมือง โดยจัดโซนนิ่งพื้นที่ หากสำรวจพบสายแร่พื้นที่ใดสามารถทำเหมืองได้ต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันการทำเหมืองกระจายในหลายพื้นที่ ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการได้รับอนุญาตพื้นที่ใด ซึ่งถ้ากำหนดโซนนิ่งจะทำให้คุมพื้นที่ที่เหมาะได้ดี เหมือนในต่างประเทศที่กำหนดพื้นที่ที่มีสายแร่เป็นพื้นที่ทำเหมือง เมื่อขุดแร่ขึ้นมาใช้ประโยชน์แล้วจะกลบดินและปลูกต้นไม้เหมือนเดิม"


 


นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า หากไม่จัดโซนนิ่งพื้นที่จะทำให้โอกาสการนำแร่มาใช้ประโยชน์ลดลง เพราะเมืองขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้การนำพื้นที่มาทำเหมืองยากขึ้น โดย จ.ภูเก็ต ยังมีปริมาณแร่ดีบุกอยู่มาก แต่ไม่สามารถทำเหมืองได้แล้ว เพราะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปหมด


 


ดร.สมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า การทำเหมืองแร่ในอนาคตต้องผลักดันเป็นเหมืองสีเขียว เพื่อลดแรงกระทบจากชุมชน และต้องผลักดันให้เหมืองแร่ได้รับมาตรฐานไอเอสโอ 14000 ซึ่งเป็นมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม


 


 


หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัดเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนเพื่อสู้คดีแล้ว


เว็บไซต์คมชัดลึก - หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัดเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนเพื่อสู้คดีแล้วหลังศาลออกหมายจับในข้อหาร่วมกันทำลายป่า ปฏิเสธขอให้การชั้นศาล รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ เผย สั่งการให้เร่งตรวจสอบถ้ำใน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี หลังรับเรื่องร้องเรียนว่านายตำรวจใหญ่คนหนึ่งบุกรุก


 


นายสนิทองศารา หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันตัดไม้ทำลายป่า บริเวณเขตอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า หมู่ 1 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง เข้ามอบตัวต่อนายสิทธิพร ณ พัทลุง นายอำเภอนาโยง เมื่อวันที่ 4 เมษายน นายสนิทกล่าวว่า ไม่ได้ร่วมกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ขอยืนยันว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ การเข้ามอบตัวในวันนี้ได้ขอปฏิเสธการให้ปากคำ โดยจะไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น


 


ด้านนายสิทธิพรกล่าวว่าเจ้าหน้าที่จะรวบรวมหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ซึ่งจะเข้าไปตรวจสอบความชัดเจนอีกครั้งว่าไม้ที่ตัดอยู่ในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ ส.ค.1 จริงหรือไม่ เบื้องต้นได้รับการยืนยันแล้วว่า อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า จริง


 


ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งใช้พื้นที่ถ้ำธรรมชาติในเขตอำเภอทองผาภูมิจ.กาญจนบุรี จัดทำเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวนั้น นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวจริง โดยผู้ร้องเรียนแจ้งว่า ภายในถ้ำดังกล่าวมีการจัดเครื่องเสียง ประดับไฟสวยงาม อีกทั้งยังจัดทำเป็นห้องคาราโอเกะ ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบแล้ว


 


"โดยหลักการเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครเข้าไปทำอะไรในเขตป่าหวงห้าม เพราะถือว่าผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงหรือมีอำนาจมากแค่ไหนก็ตาม เพราะถ้าหากทำผิดโดยมีการรุกป่าเข้าไปจริงก็ต้องถูกลงโทษ" นางอนงค์วรรณกล่าว


 


ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงเรื่องการบุกรุกถ้ำธรรมชาติของนายตำรวจใหญ่ดังกล่าวว่า ทางจังหวัดกาญจนบุรีได้เข้าตรวจสอบแล้ว พร้อมปฏิเสธที่จะบอกรายละเอียดว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้างอย่างไรก็ตาม ในวันที่ 8 เมษายนนี้ ทุกจังหวัดทั่วประเทศจะมีการรายงานเข้ามาให้ทราบว่า มีพื้นที่ใดบ้างมีการบุกรุกพื้นที่ของทางราชการ ซึ่งตนจะเป็นผู้ตรวจสอบขั้นสุดท้าย


 


ทั้งนี้รมว.มหาดไทยกล่าวยืนยันว่า จะใช้มาตรการดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เข้าไปบุกรุกที่ของทางราชการเหมือนกันทั่วประเทศ ซึ่งใครผิดก็ว่ากันไปตามผิด


 


 


ลานีญ่าพ่นพิษอุณหภูมิโลกปีนี้ต่ำกว่าปีกลาย


เว็บไซต์คมชัดลึก - เลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหประชาชาติ แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (3 เม.ย.) ว่า อุณหภูมิโลกในปีนี้อาจจะต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้ว อันเป็นผลมาจากความเย็นที่มาจากปรากฏการณ์ลานีญ่า ในมหาสมุทรแปซิฟิก จนส่งผลให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงในออสเตรเลีย และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลายพื้นที่ทางภาคกลางและตะวันออกของจีนมีหิมะตกหนักและหนาวเย็นเป็นประวัติการณ์ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ เมื่อหิมะเกิดตกหนักที่สุดในรอบกว่า 50 ปี ทำให้ประชาชนหลายสิบล้านคนได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว ขณะที่การคมนาคมต้องหยุดชะงักทั้งทางบกและทางอากาศ


 


เลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ยังคาดการณ์ด้วยว่า ปรากฏการณ์ลานีญ่าน่าอาจจะลามไปจนถึงช่วงฤดูร้อนนี้ ส่งผลให้โลกมีอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย


 


ทั้งนี้ "ลานีญ่า" และ "เอลนีโญ่" เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ส่งผลกระทบไปทั่วทุกมุมโลก โดยปรากฏการณ์เอลนีโญ่จะส่งผลให้โลกอุ่นขึ้น ส่วนปรากฏการณ์ลานีญ่าจะทำให้โลกเย็นลง แต่ถ้าดูสภาพอากาศโดยรวมหลายปีติดต่อกันก็จะเห็นได้ชัดว่า อุณหภูมิโลกมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น


 


ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษคาดว่า โลกจะร้อนสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในอีก 5 ปีข้างหน้า อาจเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ก็เป็นได้


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net