Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 51 นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทำความเห็นกรณียุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย เสนอต่อที่ประชุม กกต. ล่าสุดมีรายงานว่า ที่ประชุมกกต. ได้พิจารณาและมีมติ 4 ต่อ 1 ให้ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยยุบพรรคการเมือง 2 พรรค คือ พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ทั้งนี้ มีรายงานว่า เสียงข้างน้อย 1 เสียง คือนายสมชัย จึงประเสริฐ


 


พรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยถูกพิจารณายุบพรรคเนื่องจากกรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งด้วยการทุจริตซื้อเสียง นั่นคือ นายมณเฑียร สงฆ์ประชา อดีตว่าที่ ส.ส.ชัยนาท เขต 1 และรองเลขาธิการพรรคชาติไทย ที่ถูก กกต. มีมติให้ใบแดงเมื่อ 7 ม.ค. 51 หลังพบหัวคะแนนของ นายมณเฑียร เก็บบัตรประชาชนชาวบ้าน และเตรียมจ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่หน้าหน่วยเลือกตั้งกลางในการ เลือกตั้งล่วงหน้า ขณะที่ นายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตว่าที่ ส.ส.ปราจีนบุรี เขต 1 และรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ก็ถูก กกต.มีมติให้ใบแดง เมื่อ 8 ม.ค.51 เนื่องจากมีพฤติการณ์แจกทรัพย์สิน


 


ทั้งนายมณเฑียร และนายสุนทร ต่างมีตำแหน่งเป็นถึงกรรมการบริหารพรรค ในชั้นแรก กกต.จึงได้ให้คณะกรรมการดำเนินกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ ที่มี นายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน พิจารณาว่า หากกรรมการบริหารพรรคกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือโดนใบแดงแล้ว กกต.ต้องเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคนั้นหรือไม่


 


อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมการชุดนายบุญทันมีความเห็นว่าไม่ควรเสนอให้ยุบพรรค เพราะการกระทำผิดของนายมณเฑียร และนายสุนทรเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษากฎหมายของ กกต.มีความเห็นแย้งว่า การที่กรรมการบริหารพรรคโดนใบแดง ถือว่าเข้าข่ายมาตรา 103 วรรค 2 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. และมาตรา 237 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 ดังนั้น กกต.ควรเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค และให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทำความเห็นเสนอต่อที่ประชุม กกต.เพื่อลงมติในวันนี้


 



รายละเอียด ความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง ต่อการดำเนินการตามมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 กรณีพรรคชาติไทย เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง
 
จากการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครั้งที่ 21/2551 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2551 ซึ่งได้พิจารณา เรื่อง การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง กรณีนายสุนทร วิดาวัลย์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสังกัดพรรคมัชฌิมาธิปไตย และเป็นรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และนายมณเฑียร สงฆ์ประชา ผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคชาติไทย และเป็นรองเลขาธิการพรรคชาติไทย และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเพื่อ ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ตามนัยมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 โดยมีนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริง และในการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครั้งที่ 41/2551 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2551 คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนฯ ได้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง สรุปความว่า
 
จากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเชื่อว่า แม้ว่าทั้งนายสุนทร วิลาวัลย์ และนายมณเฑียร สงฆ์ประชา จะเป็นกรรมการบริหารพรรค แต่การกระทำผิดเป็นการกระทำส่วนในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือก ตั้ง โดยหัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคอื่นมิได้มีส่วนรู้เห็นถึงการกระทำนั้น และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติให้ส่งความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน และสำนวนการสืบสวนสอบสวนฯ ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาตาม มาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ต่อกรณีข้างต้น
 
การดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นการดำเนินการตาม มาตรา 103 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 ซึ่งบัญญัติว่าให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ดเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคการเมืองนั้น ดังนั้นตามนัยมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จึงถือว่าความได้ปรากฏต่อนายทะเบียน จากการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง และการแจ้งต่อนายทะเบียนตามมติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนฯแล้ว ตามผลที่ปรากฏ ซึ่งนายทะเบียนได้พิจารณาจากบทบัญญัติแห่งกฎหมายและผลการตรวจสอบข้อเท็จ จริงแล้วมีความเห็นดังนี้
 
1. เห็นว่านายมณเฑียร สงฆ์ประชา ในขณะกระทำผิดยังคงดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคชาติไทย จนถึงวันที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ตามคำวินิจฉัยสั่งการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ 78/2551 ลงวันที่ 18 มกราคม 2550 ทำให้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย และพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคชาติไทย
 
2.เมื่อฟังได้ว่า ในขณะกระทำผิดนายมณเฑียรฯ เป็นกรรมการบริหารพรรคชาติไทยอยู่เช่นนี้ ถึงแม้ผลการสอบสวนของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนฯ หรือหลักฐานอื่นรวมทั้งการชี้แจงของหัวหน้าพรรคและผู้แทนพรรคต่อคณะกรรมการ การเลือกตั้ง อาจจะทำฟังได้ว่าหัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคผู้อื่น (ซึ่งมิใช่นายมณเฑียร) ไม่มีส่วนรู้เห็นถึงการกระทำนั้นก็ตาม แต่พิเคราะห์บทบัญญัติตามมาตรา 237 วรรคสอง ของรัฐธรรมนุญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 303 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 ซึ่งได้บัญญัติตรงกันว่า "ถ้าการกระทำของบุคคลตามวรรคหนึ่ง ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลยหรือทราบถึงการกระทำนั้นแล้วมิได้ยับยั้งหรือแก้ไขเพื่อ ให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครอง ประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น" ย่อมต้องถือว่า นายมณเฑียรเป็นกรรมการบริหารพรรค ผู้ใดมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิด ตามนัยมาตรา 237 วรรคสอง และมาตรา 303 วรรคสอง และตามความเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็ให้ความเห็นไปในทางนี้อยู่
 
จึงเห็นว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 เท่านั้น ไม่อาจใช้ดุลพินิจในการเลือกที่จะแจ้งหรือไม่แจ้งต่ออัยการสูงสุด ซึ่งต่างจากศาลรัฐธรรมนูญทีมีบทบัญญัติตามมาตรา 94 ให้อำนาจที่จะมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองหรือไม่ก็ได้
 
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ความเห็นชอบให้แจ้งต่ออัยการสูงสุด พร้อมหลักฐานเพื่อให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 95 ดังกล่าว ในกรณีของพรรคชาติไทยนี้ต่อไป


 


 


 


"เสธ.หนั่น"ยอมรับ"บรรหาร"เครียดคดียุบพรรค


ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้แจ้งทั้งเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นหนังสือ และให้สัมภาษณ์ หรือแม้แต่การปราศรัยบนเวทีว่าไม่ได้ทำเอง แต่คนอื่นทำแล้วบอกว่าเป็นเด็กของผู้แทน ผู้สมัคร ซึ่งมีหลายประเด็นที่ไม่ชัดเจนแล้วไปตัดสิน ซึ่งทางเจ้าตัวก็ได้ฟ้อง กกต.จังหวัดแล้ว


 


เมื่อถามว่าทางผู้ใหญ่ในพรรคได้มีการคุยเพื่อหาทางออกอะไรไว้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เมื่อผู้ใหญ่ในพรรคได้ไปให้ข้อเท็จจริงแล้วทุกคนก็สบายใจ เพราะถ้าหากเราไม่ไปให้ข้อเท็จจริง กกต.ทั้ง 5 คนเขาก็ไม่รู้เรื่อง


 


เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวออกมาว่าถึงพรรคชาติไทยจะโดนยุบก็ไม่เป็นไรเพราะมีพรรคมหาชนของพล.ต.สนั่นอยู่แล้ว พล.ต.สนั่น กล่าวว่า อย่าให้โดนยุบเลย เมื่อถามย้ำว่าจริงหรือไม่ที่บอกว่ามีพรรคมหาชนรองรับไว้อยู่แล้ว พล.ต.สนั่น กล่าวว่า พรรคมหาชนยังไม่ถูกยุบ ตนออกมาจะเลือกตั้งอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับพรรคชาติไทยทางพรรคมหาชนพร้อมรองรับใช่หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า รองรับอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเวลานี้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนที่จะต้องยื่นเรื่องให้อัยการ และไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ


 


ผู้สื่อข่าวถามว่าหากทาง กกต.ส่งไปให้ศาลจะเอาข้อเท็จจริงใหม่มาต่อสู้ได้อย่างไร พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เขาก็พิจารณาจากข้อมูลเก่า ไม่จำเป็นจะต้องเอาข้อมูลใหม่อะไร จะมีก็คือคนที่ถูกใบแดงเขาฟ้อง กกต.จังหวัด ถ้าลงว่าเขาไม่ผิดจะยุ่ง เมื่อถามว่ายากหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่รู้ก็ต้องรอ แต่นั่นเป็นศาลยุติธรรมที่จะตัดสิน


 


เมื่อถามว่าเวลานี้ท่าทีของนายบรรหารเป็นอย่างไรบ้าง พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เป็นธรรมดาที่ต้องเครียด มันหนักเหลือเกิน เล่นใครไปทำผิดแล้วถึงขั้นต้องยุบพรรค ไม่รู้ว่าเขียนกฎหมายกันอย่างไร และพรรคชาติไทยก็เป็นพรรคเก่าแก่ด้วย ดำเนินการมา 34 ปีแล้ว เมื่อถามว่ามีการมองหรือไม่ว่ามีธงที่จะให้ยุบพรรคชาติไทย พล.ต.สนั่น กล่าวว่า อยู่ที่ว่าถ้ามี แล้วสั่ง 5 เสือ กกต.แล้วจะเชื่อหรือไม่


 


 


 


ที่มา : เว็บไซต์คมชัดลึก และ ผู้จัดการออนไลน์


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net