Skip to main content
sharethis

การเมือง


 


ไทยเตรียมความพร้อมจัดวิ่งคบเพลิงโอลิมปิค 2008


สำนักโฆษก - พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิค 2008 ในประเทศไทย ครั้งที่ 2/2551 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการอำนวยการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิค 2008 ในประเทศไทย ครั้งที่ 2/2551


 


ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมการต้อนรับคณะจัดวิ่งคบเพลิงโอลิมปิค (Beijing Olympic 2008: BOCOG) และการดำเนินการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิค 2008 ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 18 - 19 เมษายน 2551 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค 2008 ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้


 


โดยในวันที่ 18 เมษายน 2551 คณะจัดวิ่งคบเพลิงของ BOCOG จำนวนประมาณ 120 -150 คน จะเดินทางโดยเครื่องบินพิเศษถึงท่าอากาศยาน กองบิน 6 กองทัพอากาศ กรุงเทพมหานคร เวลาประมาณ 02.45 น.


 


จากนั้นวันที่ 19 เมษายน 2551 เวลา 15.00 น. พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิดงานการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิค 2008 ฯ ที่วงเวียนโอเดียนเยาวราช โดยมีหัวหน้าคณะ BOCOG หรือเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เป็นผู้จุดคบเพลิงส่งมอบให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จากนั้นส่งมอบต่อให้นักวิ่งคนแรก คือ นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งการวิ่งครั้งนี้จะมีผู้เข้าร่วมวิ่งจำนวน 80 คน โดยจะเริ่มต้นจากประตูจีน ผ่านถนนเยาวราช ถนนเจริญกรุง ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนศรีอยุธยา ถนนสวรรคโลก ถนนราชวิถี ถนนอู่ทองใน ไปสิ้นสุด ณ ลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) รวมระยะทาง 10.5 กิโลเมตร โดยในระยะสุดท้าย นางสาวปวีณา ทองสุก นักกีฬายกน้ำหนักเหรียญทองโอลิมปิกจะเป็นผู้วิ่ง และจะมีพิธีปิดในเวลา 18.00 น. จากนั้นคณะจัดวิ่งคบเพลิงของ BOCOG จะเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย ประเทศอินโดนีเซีย จนครบทั้ง 20 ประเทศ และสิ้นสุดที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน


 


 


กมธ.ตรวจสอบประวัติวุฒิสภาไฟเขียวว่าที่ 4 ตุลาการ


เว็บไซต์แนวหน้า - ที่รัฐสภา นายอนุศักดิ์ คงมาลัย โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบประวัติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนญ วุฒิสภา เปิดผยถึงความคืบหน้าในการพิจารณาประวัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 4 คนว่า ที่ประชุมได้รวบรวมรายละเอียดการเข้าชี้แจงเรื่องร้องเรียนของว่าที่ตุลาการทั้ง 4 คน ต่อประธานวุฒิสภาเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้บันทึกคำชี้แจงของทั้ง 4 คนมอบให้เพื่อนำบรรจุวาระการประชุมวุฒิสภาในวันศุกร์ที่ 18 เม.ย.นี้ ให้พิจารณาลงมติรับรองบุคคลทั้ง 4 คน โดยกรรมการสรรหาและกมธ.ตรวจสอบประวัติฯ ได้ให้ไฟเขียวทั้งหมด แต่เรื่องพฤติกรรมและจริยธรรมยังคงมีการส่งข้อมูลเข้ามาเรื่อยๆ มีทั้งที่เปิดเผยชื่อและไม่เปิดเผยชื่อ บางส่วนเป็นข้อมูลเก่า ในการพิจารณาของกมธ.ตรวจสอบประวัติฯ ต้องใช้ดุลยพินิจตัดประเด็นที่ไม่มีน้ำหนักออกไปเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย


 


 


กตช.มีมติเอกฉันท์ให้"พัชรวาท"นั่งผบ.ตร.คนใหม่


เว็บไซต์คมชัดลึก - พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (กตช.) ว่า ที่ประชุม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ รักษาการผบ.ตร.เป็นผบ.ตร.คนใหม่ แต่ในระหว่างนี้ให้รอขั้นตอนตามกฎหมาย ในการเสนอกราบบังคมทูลให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส พ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ก่อน


 


พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่น 25 เตรียมทหารรุ่น 9 เป็นน้องชายแท้ๆ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. รับราชการครั้งแรก ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2515


 


การเติบโตในชีวิตราชการ ส่วนมากจะอยู่ในตำแหน่งสายอำนวยการ เคยเป็นทีมงานของ พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจ แต่ในสายปฏิบัติงานหลักก็เคยรับผิดชอบมาไม่น้อย เช่น การเป็น ผกก.5 กองตำรวจทางหลวง ดูแลเส้นทางหลวงของประเทศแถบภาคเหนือทั้งหมด ขึ้นเป็นผู้การพลาธิการในสมัยพล.ต.อ.พจน์ บุณยจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ดูแลงบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดของกรมตำรวจ ถือเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมาก คนที่มาดูแลต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ยอมรับ



ต่อมาได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชากาตำรวจสันติบาล ดูแลงานด้านความมั่นคงและการข่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่จะเลื่อนตำแหน่งเรื่อยมาจนเป็น รอง.ผบ.ตร.ในปี 2548 แต่ในปลายปี 2550 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ในขณะนั้น ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ลงไปปฏิบัติหน้าที่ใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้


 


จากนั้น วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 เมื่อมีการคำสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จึงเลือก พล.ต.อ.พัชรวาท อาวุโสอันดับที่ 1 ขึ้นเป็นรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และต่อมาเมื่อมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากราชการไว้ก่อนเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2551 ที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท เป็น ผบ.ตร.เต็มตัวในวันที่ 11 เมษายน 2551 โดยใช้เวลาในกาประชุมเพียง 30 นาที



พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นน้องชายสายเลือดเดียวกับพล.ต.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก เกิดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2492 เป็นคนบางกะปิ กรุงเทพฯ เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรุงเทพฯ โรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 9 โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 25 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.ปทีบ วงษ์สุวรรณ รองผบ.ตร. ที่อาวุโสอันดับถัดไป และร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์



จบปริญญาโทศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต (พัฒนาสังคมจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประกาศนียบัตรวิชาชีพสืบสวนสอบสวน ระดับผกก.ขึ้นไป หลักสูตรป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐ เอกชน และการเมือง(วปม.) รุ่นที่ 2 ปี 2547-2548 บรรจุที่กองกำกับการสนับสุนนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน(กก.สอ.ตชด.) เป็นผู้บังคับหมวดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนเขต 4 เป็นผู้บังคับหมวดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนเขต 2 เป็นผู้บังคับหมวดประจำแผนก 3 กองกำกับการพัฒนาตำรวจตระเวนชายแดน โยกเป็นรองสารวัตร กองทะเบียน แล้วย้ายมาดูงานกำลังพลที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.)ก่อนขึ้นเป็นผู้กำกับการและรองผู้บังคับการที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง



เป็นผู้บังคับการกองพลาธิการ เป็นผู้ช่วยผบช.ก. เป็นรองผบช.ภ.3 แล้วเลื่อนยศเป็นพล.ต.ท.ในตำแหน่ง ผบช.ประจำตร.ในปี 2543 ก่อนเป็นผบช.สันติบาล ในปี 2544 เป็นผู้ช่วยผบ.ตร.ในปีเดียวกัน ทำหน้าที่ที่ปรึกษาบก.สส.และขึ้นเป็นรองผบ.ตร.ในปี พ.ศ. 2548 ดูแลงานด้านบริหาร ก่อนสลับมาคุมงานด้านป้องกันปราบปรามเมื่อตุลาคม 2549 จากนั้นดูงานด้านสืบสวนสอบสวนและกฎหมายในยุค พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ให้คุมคดีระเบิด 9 จุด ก่อนถูกโยกคุมงานด้านความมั่นคง และถูกคำสั่งให้ไปประจำและปฏิบัติราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ ศปก.ตร.สน. จ.ยะลา



นอกจากนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ยังเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติด้วย เกษียณอายุราชการในปี 2552


 


 


"กองปราบฯ" ส่งสำนวนคดี "ยงยุทธ" ฟ้อง "กกต."ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ให้ป.ป.ช.แล้ว


เว็บไซต์แนวหน้า - พ.ต.อ.จารุวัฒน์ ไวศยะ รองผู้บังคับบัญชาการ กองบังคับการกองปราบปราม ได้นำสำนวนการสอบสวนกรณี นายยงยุทธ ติยะไพรัช ร้องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้ง 3 ราย ที่ให้ใบแดงนายยงยุทธ มายื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฐานทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม โดยมี นายสรรเสริญ พลเจียก ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามการทุจริต เป็นผู้รับเรื่อง


 


พ.ต.อ.จารุวัฒน์ เปิดเผยว่า จากการนายยงยุทธ มอบหมายให้ทนายความ ร้องทุกข์ กล่าวหากกต. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทางกองปราบได้รวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้น ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มาตรา 89 ที่ระบุว่าพนักงานสอบสวนจะต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัย และในวันที่ 16 เม.ย. จะครบตามกำหนด แต่เนื่องจากในช่วงดังกล่าวเป็นวันหยุดราชการ จึงต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จก่อนวันหยุดยาวนี้


 


สำหรับรายละเอียดต่างๆนั้น พ.ต.อ.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ได้ส่งมอบให้กับ ป.ป.ช.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่สามารถเปิดเผยได้ ทั้งนี้การมอบสำนวนคดีในครั้งนี้ ยังไม่ได้ระบุว่ากกต. มีความผิดหรือไม่ เพราะป.ป.ช.จะเป็นผู้ชี้มูลความผิด ส่วนตำรวจมีเพียงหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานเท่านั้น และเบื้องต้นได้มีการสอบพยานไปแล้ว 15 ปาก และยังมีพยานที่เป็นเอกสารเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนเนื่องจากประชาชนให้ความสนใจ


 


 


เศรษฐกิจ


 


 


ก.คลังเล็งออกเหรียญ 2 บาทใหม่ เปลี่ยนจากสีเงินเป็นสีเหลือง


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากปัญหาเหรียญ 2 บาทที่มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับเหรียญ 1 บาท จนทำให้ประชาชนเกิดความสับสนในการใช้ ทางกระทรวงจึงเห็นสมควรให้มีการปรับเปลี่ยนให้มีความชัดเจนในการแยกแยะมากขึ้น โดยจะเปลี่ยนจากสีเงินเป็นสีเหลือง โดยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาด ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถนำเหรียญ 2 บาทรุ่นใหม่นี้ออกมาใช้ได้ประมาณเดือนกันยายนนี้ โดยเบื้องต้นจะผลิตจำนวน 7.5 ล้านเหรียญ และจะทยอยผลิตจนครบ 180 ล้านเหรียญ


 


รมช.คลัง กล่าวว่า สำหรับประโยชน์ของการผลิตเหรียญ 2 บาทรุ่นใหม่ออกมาใช้ในระบบนั้น นอกจากจะแก้ปัญหาความสับสนในการใช้แล้ว ยังเป็นทางเลือกในการใช้เหรียญ และอีกส่วนหนึ่ง หากมีการหมุนเวียนเหรียญ 2 บาทในระบบตามปกติ จะทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตเหรียญ 1 บาทลงได้ด้วย ทั้งนี้ในส่วนของเหรียญ 2 บาทรุ่นเดิมที่หมุนเวียนในตลาด จะยังคงใช้ตามปกติ ไม่มีการเรียกเก็บคืน แต่จะไม่มีการผลิตออกมาใช้อีก


 


 


พิษภาษีทำรัฐรายได้สูญ 4.8 หมื่น


เดลินิวส์ - น.ส.ฐิติมา ชูเชิด เศรษฐกรอาวุโส ทีมวิเคราะห์การคลัง สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า มาตรการภาษีของรัฐบาลที่ประกาศในวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้ขั้นต่ำหรือมีเงินได้ไม่เกิน 150,000 บาท การเพิ่มค่าลดหย่อนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ การลดภาษีให้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะส่งผลจิตวิทยาให้ประชาชนมีการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งผลดีคือทำให้ผลิต จีดีพี ขยายตัวปีนี้เพิ่มขึ้น 0.1-0.2% ส่วนผลเสียจะทำให้รายได้ของรัฐสูญหายประมาณ 48,000 ล้านบาทในงบประมาณ 51-52


 


 


คาดราคาข้าวจะสูงต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง


เว็บไซต์คมชัดลึก - นายโรเบิร์ต โซลลิค ประธานธนาคารโลก เรียกร้องเมื่อวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.) ให้ประเทศร่ำรวยเร่งบริจาคเงินให้แก่โครงการอาหารโลกเพิ่มอีก 5 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 16 ล้านล้านบาท) เพื่อให้เพียงพอที่จะจัดสรรความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ประเทศยากจน หลังราคาอาหารทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น ทำให้ประชาชนในประเทศเหล่านี้ประสบความหิวโหยและการขาดแคลนอาหาร อันจะทำให้ความพยายามที่จะคลี่คลายปัญหาความยากจนต้องล่าช้าออกไปประมาณ 7 ปี พร้อมกับเตือนสหรัฐและยุโรปว่าไม่ควรมุ่งความสนใจไปที่เรื่องราคาน้ำมันแต่อย่างเดียว จนละเลยปัญหาข้าวยากหมากแพง


 


ในรายงานของธนาคารโลกยังชี้ด้วยว่า สถานการณ์อาหารแพงขณะนี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ชั่วคราว เชื่อว่าราคาอาหารจะสูงมากช่วงปีนี้จนถึงปีหน้า จากนั้นจึงค่อยๆ เริ่มลดลง แต่ราคาพืชผลส่วนใหญ่ยังคงตัวอยู่สูงกว่าระดับเมื่อปี 2547 ต่อไปจนถึงปี 2558 โดยราคาข้าวสาลีพุ่งสูงขึ้นถึง 120% ในช่วงปีที่แล้ว ขณะที่ราคาข้าวเพิ่มขึ้น 75% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หรือเฉลี่ยแล้วเท่ากับว่าราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น 83%ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา


 


พร้อมกันนี้ธนาคารโลกยังเสนอแนะนโยบายแก้ไขปัญหาราคาอาหารแพงว่าควรกระจายเม็ดเงินสู่คนจนให้พอมีกำลังซื้อ โดยต้องไม่กระทบต่อมาตรการส่งเสริมให้ผลิตอาหารมากขึ้น นอกจากนี้ประเทศต่างๆ ควรลดภาษีสำหรับสินค้าหลักเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของผู้บริโภค ธนาคารโลกเตือนด้วยว่า มาตรการห้ามการส่งออกอาหารของบางประเทศจะเป็นอันตรายต่อผู้นำเข้าอาหารและยังเป็นการลดแรงกระตุ้นในการเพิ่มการผลิต


 


ด้านนักเศรษฐศาสตร์ประจำสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ (อีรี่) คาดการณ์ว่า ราคาข้าวมีแนวโน้มพุ่งสูงต่อไปอีกสักระยะ เนื่องจากข้าวที่ผลิตออกมายังมีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการในท้องตลาดที่เพิ่มขึ้น ทำให้ข้าวในยุ้งฉางอาจมีปริมาณน้อยลงต่อเนื่องไปอีกหลายปี จึงจำเป็นจะต้องมีการวิจัยเพื่อหาทางเพิ่มผลผลิตข้าวให้มากขึ้น แก้ปัญหาปริมาณเสนอซื้อ และเสนอขายที่ไม่สมดุลอยู่ในขณะนี้


 


อีรี่ยังเรียกบรรดาผู้เชี่ยวชาญมาร่วมประชุม เพื่อร่างรายละเอียดหาหนทางแก้วิกฤติข้าวแพง ซึ่งทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเพิ่มผลผลิตข้าวเป็นหนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาราคาข้าวแพงในระยะยาวได้


 


ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก เตือนว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ที่พุ่งสูงขึ้นในขณะนี้จะนำไปสู่ภาวะอาหารขาดแคลนในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและจะทำให้ความพยายามแก้ปัญหาความยากจนต้องล่าช้าออกไป


 


 


 


ต่างประเทศ


 


 


เลือกตั้งเนปาลเกิดเหตุรุนแรง


เดลินิวส์ - ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวเนปาล ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกำหนดอนาคตทางการเมืองของประเทศเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งจะปูทางไปสู่กระบวนการสันติภาพกับกบฏนิยมลัทธิเหมา และอาจปิดฉากการปกครองระบบกษัตริย์ที่ปกครองประเทศนี้มายาวนานหลายร้อยปี


 


ทั้งนี้ การเลือกตั้งสมาชิกสภา 601 ที่นั่งในเนปาล ถือเป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงข้อตกลงสันติภาพระหว่างทางการเนปาล กับกลุ่มนิยมลัทธิเหมา ซึ่งแกนนำกลุ่มยืนยัน จะยอมรับผลการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใดก็ตาม


 


แต่เจ้าหน้าที่สหประชาชาติที่เข้าไปสังเกตการณ์การเลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งของเนปาล กล่าวว่า การเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงกาฐมาณฑุยังคงมีเหตุการณ์รุนแรงเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นอยู่ และเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและในช่วงที่มีการเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เป็นการลงมือของกลุ่มกบฏนิยมลัทธิเหมา แต่ถึงกระนั้น การเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดี ที่เปิดฉากตั้งแต่ 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 08.15 น. ตามเวลาในไทย ก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นดีในหลายพื้นที่ โดยชาวเนปาลจำนวนมากออกไปใช้สิทธิตั้งแต่ช่วงเช้า


 


ทางการเนปาลเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทั่วประเทศ หลังจากเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมและลอบวางระเบิดหลายครั้ง และยังมีรายงานการข่มขู่ประชาชนอย่างแพร่หลายในการรณรงค์หาเสียงวันสุดท้าย เจ้าหน้าที่ยูเอ็นในเนปาล กล่าวว่า ได้รับรายงานจำนวนมาก ซึ่งทางยูเอ็นยังไม่ได้ยืนยันทั้งหมด ว่ามีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ แต่ขณะเดียวกัน การลงคะแนนก็เป็นไปอย่างราบรื่นในพื้นที่ส่วนใหญ่ของเนปาล


 


การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นส่วนสำคัญของข้อตกลงสันติภาพปี 2549 ระหว่างอดีตกบฏลัทธิเหมาและพรรคการเมือง ซึ่งยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานับสิบปี และยุติความพยายามของกษัตริย์กยาเนนทรา ที่จะยึดอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ กษัตริย์กยาเนนทราคาดว่าจะถูกปลด เมื่อสมัชชาร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ได้รับการแต่งตั้ง


 


 


วิกฤติอาหารแพง ส.ว.เฮติขับนายกฯ


เดลินิวส์ - กลุ่มสมาชิกรัฐสภาเฮติ เรียกร้องให้นายฌาคส์-เอดูอาร์ด อเล็กซิส นายกรัฐมนตรีเฮติ ลาออกจากตำแหน่งเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา เพื่อปูทางไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ขณะที่ การประท้วงต่อต้านราคาอาหารแพงภายในประเทศยังคงร้อนระอุอยู่ต่อไป


 


นายแอนดริส ริเช วุฒิสมาชิกอาวุโส กล่าวกับเอเอฟพีว่า สมาชิกรัฐสภาได้ส่งหนังสือถึงนายอเล็กซิส และแนะนำให้เขาลาออกจากตำแหน่งภายใน 48 ชั่วโมง "มันไม่ใช่เป็นการยื่นคำขาด แต่เป็นคำแนะนำ" เขากล่าวเพิ่มเติม แม้ว่านายฮิปโปไลท์ เมลิอุส วุฒิสมาชิกอีกคนหนึ่ง ซึ่งลงนามในหนังสือดังกล่าว จะกล่าวว่า นายอเล็กซิสอาจถูกบีบให้ออกจากตำแหน่ง


 


นายริเช กล่าวว่า เสียงส่วนใหญ่ของวุฒิสมาชิกเฮติสนับสนุนหนังสือดังกล่าว ซึ่งมีการลงนามกันหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมในสถานที่ลับแห่งหนึ่งในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงเฮติ โดยข้อเรียกร้องของพวกเขามีขึ้น หลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งใหม่ปะทุขึ้นระหว่างการชุมนุมประท้วงต่อต้านราคาอาหารแพง ซึ่งทำให้กองกำลังรักษาสันติภาพสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ถูกบีบให้ต้องเข้าแทรกแซงเหตุการณ์ความวุ่นวายเป็นวันที่ 2 เพื่อขับไล่กลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามจะปีนเข้าไปยังทำเนียบประธานาธิบดี ด้วยการใช้แก๊ส น้ำตาและยิงปืนขู่ขึ้นในอากาศ


 


ยังไม่ทราบว่า มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาหรือไม่ แต่ตามตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ มีประชาชนถูกยิงเสียชีวิตไป 5 คน และได้รับบาดเจ็บประมาณ 40 คนตั้งแต่ความรุนแรงปะทุขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจเฮติและทหารยูเอ็น ได้รับคำสั่งให้หยุดยั้งการปล้นสะดม แต่ทางการก็เรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ และจะจัดการประชุมกับผู้นำเข้าอาหารเพื่อพยายามลดราคาสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ราคาข้าวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจาก 35 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 70 ดอลลาร์ต่อ 1 กระสอบ ซึ่งมีน้ำหนัก 120 ปอนด์ และราคาน้ำมันก็เพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วงไม่ถึง 2 เดือน


 


 


 


วิทยาการ


 


 


จับตัวการทำให้คนปากเหม็นได้ เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ ลิ้นชนิดหนึ่ง


เว็บไซต์ไทยรัฐ - ที่ประชุมการวิจัยทันตกรรมแห่งอเมริกา ประกาศว่าพบตัวการที่ทำให้ปากเหม็น จนแทบพูดจากับใครเขาไม่ได้ เนื่องมาจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง


 


รายงานการศึกษาของคณะนักชีววิทยากล่าวว่า สาเหตุของปากเหม็นบ่อยๆ มักเกิดจากการสลายตัวของแบคทีเรียในปาก ทำให้บังเกิดกลิ่นสารประกอบของกำมะถัน ซึ่งมักจะจับติดอยู่ตามผิวพื้นของลิ้น


 


หัวหน้าคณะนักวิจัย เบทซี่ คลาร์ค คณะทันตกรรม มหาวิทยาลัยบัฟฟาโล ของกรุงนิวยอร์ก ระบุว่า "แบคทีเรียตามลิ้นเป็นตัวผลิตสารประกอบกับกรดไขมันที่มีกลิ่นเหม็น เป็นตัวการทำให้ปากเหม็นถึง 80-90% นอกจากบางรายเท่านั้นที่อาจจะมีสาเหตุมาจากปอดหรือโพรงจมูก"


 


คณะนักวิจัยได้ศึกษากับผู้มีปากเหม็นเป็นประจำ 21 ราย เทียบกับกลุ่มคนกลิ่นปากปกติ 36 ราย ได้พบว่า ผู้ที่มีกลิ่นปาก มันมีเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า "เอส มูไร" อยู่ทุกราย พบในกลุ่มที่มีกลิ่นปากปกติเพียง 4 รายเท่านั้น หากแต่ทุกรายเหล่านั้นก็ล้วนแต่เป็นรำมะนาด อันเป็นโรคที่ทำให้เหงือกอักเสบ และอาจทำให้กลายเป็นคนมีกลิ่นปากเรื้อรังต่อไปได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net