Skip to main content
sharethis

นายแพทย์พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า กรอบแนวคิดเดิมของร่าง พรบ.คุ้มครองความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข มุ่งเน้นเรื่องการชดเชยในรูปของเงินและการส่งเสริมความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นหลัก  ในขณะที่ข้อเสนอใหม่ได้เพิ่มเติม กลไกการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และกลไกไกล่เกลี่ยเพื่อเปิดให้ผู้ได้รับความเสียหายได้ร่วมแสดงความเห็น ความรู้สึกผ่านคนกลาง และแสดงเจตจำนงในสิ่งที่ต้องการได้รับการดูแล  เป็นการเยียวยาความรู้สึกของทุกฝ่าย และรักษาสัมพันธภาพของผู้ป่วยและแพทย์  หากการไกล่เกลี่ยสามารถนำไปสู่การประนีประนอมยอมความเป็นที่พอใจได้ของทุกฝ่ายจะลดปัญหาการฟ้องร้อง และการเยียวยาดูแลผู้ป่วยจะทำได้อย่างรวดเร็ว


 


"กรอบแนวคิดของร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะไม่พิจารณาการพิสูจณ์ถูกผิด เป็นกฏหมายที่ไม่มุ่งหาว่าใครผิด แต่ต้องการเยียวยาดูแลผู้รับบริการให้ได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว แม้ว่าข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะเป็นเหตุสุดวิสัยหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้   ในร่างใหม่การเพิ่มกระบวนไกล่เกลี่ย การดูแลเยียวยาจะแล้วเสร็จภายใน 6-7 เดือน เทียบกับระบบการฟ้องร้องทางแพ่งแบบเก่าที่ใช้เวลาเฉลี่ย 5-6 ปี  และทุกฝ่ายก็ไม่มีความสุข"


 


ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยฯที่เสนอเพิ่มเติมใน พ.ร.บ. จะมีจำนวน 5-7 คน โดยมีองค์ประกอบเป็นคนกลางและเป็นที่ยอมรับในทักษะประสบการณ์การไกล่เกลี่ยด้านบริการสาธารณสุขและทำงานประสานกับคณะอนุกรรมการประเมินค่าชดเชยความเสียหาย เพื่อให้ได้ข้อยุติต่อไป


 


นอกจากนี้ยังเสนอเปลี่ยนชื่อกองทุนฯ เป็นกองทุนคุ้มครองผู้เสียหายและสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในระบบบริการสาธารณสุข จากเดิมคือ กองทุนคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข 


 


ข้อเสนอเพื่อปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. ของคณะกรรมการจะนำเสนอต่อ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเสนอต่อ คณะรัฐมนตรีต่อไป อีกทางหนึ่งเป็นการเสนอโดยตรงต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาไปพร้อมกับร่างพรบ. ฉบับเดิม


 


ทั้งนี้ นอกจากการมีกฎหมายเพื่อการเยียวยาแล้ว คณะกรรมการฯเห็นว่าสิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือการสนับสนุนให้มีการดูแลผู้ป่วยทั้งกายและใจตั้งแต่เริ่มต้น  รวมถึงการดูแลให้มีจำนวนบุคลาการทางการแพทย์อย่างเพียงพอและมีความมั่นใจในการให้บริการ


 


อนึ่งการประชุมคณะกรรมการฯในครั้งนี้เป็นการทำงานต่อเนื่องจากข้อเสนอในเวทีสุนทรียเสวนาระดมความเห็นจากเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ผู้แทนวิชาชีพ  นักวิชาการ หาทางออกเชิงระบบเพื่อแก้ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์ ที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และหน่วยงานภาคีจัดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาโดยได้ข้อเสนอสำคัญ 9 กลไก รวมถึงกลไกไกล่เกลี่ย ซึ่งถือเป็นการรักษาเยียวยาทางใจแก่ผู้เสียหาย


 


ทั้งนี้ รูปแบบการไกล่เกลี่ยอาจได้ข้อสรุปเป็นการดูแลให้คำปรึกษา  การให้ข้อมูลเพื่อสร้างความกระจ่างความเข้าใจ การขอโทษแสดงความเสียใจ รวมไปถึงการดูแลการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วย ก่อนเข้าสู่การฟ้องร้องต่อศาล


 


ข้อมูลจากกลุ่มกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นับถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีคดีที่แพทย์และกระทรวงสาธารณสุขถูกฟ้องโดยผู้ได้รับผลกระทบอันไม่พึงประสงค์จากบริการทางการแพทย์รวมทั้งสิ้น 75 คดี แบ่งเป็นคดีแพ่ง 66 คดี คดีอาญา 9 คดี


 


ในส่วนของคดีแพ่ง 66 คดีนั้น พบว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นจำนวน 24 คดี ศาลอุทธรณ์ 15 คดี และศาลฎีกา 10 คดี มีคดีถึงที่สุดแล้ว 1 คดี และผู้เสียหายถอนฟ้อง 16 คดี


 


ส่วนคดีอาญา 9 คดี อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน 4 คดี อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น 1 คดี ศาลอุทธรณ์ 2 คดี และศาลฎีกา 10 คดี ผู้เสียหายถอนฟ้องจำนวน 2 คดี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net