เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย ร่วมกับสมาพันธ์ประชาธิปไตย จัดเวทีสัมมนา "รำลึก 16 ปี พฤษภาทมิฬ 35 ต่อต้านเผด็จการสร้างสานประชาธิปไตย" ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 400 คน โดยในเวลา 13.00 น. แกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตยได้ออกมาแถลงข่าวตอบโต้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาพูดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาที่ผ่านมา ที่สวนสันติพร ถึงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้อยู่ในจุดที่วิกฤติและได้ระบุว่าการแก้รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่จะทำให้เกิดรัฐประหารได้อีกครั้ง
โดย นพ.เหวง ระบุว่า การที่ พล.ต.จำลอง ออกมากล่าวเช่นนี้แสดงว่าเป็น ผู้นิยมเผด็จการ ไม่มีจิตวิญญาณ พร้อมทั้งเรียกร้องให้นายจำลองหยุดปลุกปั่น สร้างกระแสที่จะเกิดการรัฐประหาร เพราะประชาชนจะไม่ยอมก้มหัว และจะต่อต้านให้ถึงที่สุดเหมือนเหตุการณ์พฤษภา 35 กลุ่มพันธมิตรหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร 19 กันยา 49 ไม่มีความชอบธรรม ในการจัดงานรำลึกพฤษภา หรืองานรำลึกเดือนตุลา เพราะมีจุดยืนอยู่ตรงข้ามกับจิตวิญญานของวีรชนที่สละชีวิตขับไล่เผด็จการเรียกร้องประชาธิปไตย และขอเรียกร้องให้ยุติการแอบอ้างอุดมการณ์ประชาธิปไตยเสียที
แกนนำของ สมาพันธ์ฯ ได้ตั้งคำถามต่อ พลตรีจำลอง ว่าในฐานะที่เป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบหรือไม่ว่า รธน.50 ได้บรรจุมาตรา 291 ที่อนุญาตให้ประชาชน 5 หมื่นชื่อกำหนดให้แก้ รธน.ได้ ส่วนการกล่าวอ้างที่ว่าการแก้รธน. จะทำให้เกิดรัฐประหารนั้น เป็นข้ออ้างของ "หมาป่ากับลูกแกะ" การแก้ รธน. ที่เกิดขึ้นเป็นการใช้สิทธิโดยชอบธรรม ทางกลุ่ม คพปร. ไม่มีเจตนาหรือฉีก รธน. เพราะว่าได้คง หมวด 1 และหมวด 2 ไว้ แล้วมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขในหมวด 3 - 15 เพราะเล็งเห็นว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งการแก้ไขในครั้งนี้ เป็นไปตามครรลองของรัฐสภา และมีความจำเป็นที่จะต้องมีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะกฎหมาย รธน. เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศจะต้องสนับสนุนให้เป็นประชาธิปไตย
นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ กล่าวว่า ในฐานะอดีตประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนแรก ต้องบอกว่าสมาพันธ์ประชาธิปไตยก่อตั้งขึ้นในช่วงเหตุการณ์ พฤษภามิฬ 2535 เพื่อต่อต้านเผด็จการทหารในยุคนั้น ร่วมกับประชาชนมือเปล่าๆ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่ปัจจุบันกรรมการบริหารของสมาพันธ์ฯมีเหลืออยู่เพียง 4 คน ที่ยังยืนหยัดต่อสู้กับเผด็จการ ขณะที่เหลืออีก 3 คน ได้เปลี่ยนสี แปรธาตุ ออกมาให้เห็นแล้วว่า แท้จริงแล้วคือเป็นผู้นิยมเผด็จการ และขณะนี้ก็ยังพยายามยั่วยุให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง ซึ่งประชาชนทุกคนจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ รวมทั้งจะไม่ยอมให้ วีรชน พฤษภาทมิฬ ที่ยอมเสียสละชีวิตต่อสู้กับเผด็จการต้องสูญเปล่า
นพ.สันต์ กล่าวต่อว่าการที่นายจำลองออกมาพูดในลักษณะนี้ เพราะตัวเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการ ฉีก รธน.40และผลักดัน รธน. 50 ที่มาจากเผด็จการ ต้องการทำลายประชาธิปไตยอ่อนแอลง ซึ่งการรัฐประหารครั้งที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าระบบเศรษฐกิจและประเทศชาติบ้านเมืองเสียหายมากเพียงใด คุณภาพชีวิตของประชาชนได้รับผลกระทบ นายจำลองคงไม่ต้องการให้ประเทศมีความเจริญก้าวหน้า
ครูประทีป อึ๊งทรงธรรม ฮาตะ ประธานสมาพันธ์ฯ คนปัจจุบัน กล่าว ว่า 16 ปี หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ การเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนได้ทำให้เกิดรัฐบาลที่เข้มแข็ง สามารถแก้ไขปัญหาของคนยากคนจนได้ แต่การที่ พล.ต.จำลอง ออกมายั่วยุให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง เป็นการเปิดเผยธาตุแท้และตัวตนออกมาแล้วว่า เป็นเผด็จการ ที่กำลังปกปกป้อง รธน. 2550 ที่เต็มไปด้วยกับดักมากมาย อาทิเช่น การจัดตั้งองค์กรอิสระที่ไม่ชอบมาพากล หรือแม้กระทั่งการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่มาจากการลากตั้ง
"ขบวนการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้โดยการดึงสถาบันมาเป็นเครื่องมือ เพื่อต้องการล้มรัฐบาลชุดนี้ และให้คนของกลุ่มตัวเองได้เข้ามามีบทบาทและอำนาจทางการเมือง ต้องการปกป้องผลประโยชน์ให้กับคนบางกลุ่มให้ได้เสวยสุข" ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนปัจจุบันกล่าว
ขณะที่ นพ.เหวง อดีตประธานสมาพันธ์ฯ กล่าวเสริมว่า การออกมาพูดให้เกิดการรัฐประหารของ พล.ต.จำลอง ถือเป็นทรราชย์อำมาตยาธิปไตย ซึ่งอยากจะถามกลับว่าการที่ พล.ต.จำลอง ออกมาบอกว่า ประชาชนคนไทยยังไม่เข้มแข็ง แท้จริงแล้วใครกันแน่ที่ไม่เข้มแข็ง ซึ่งน่าจะเป็นตัวของ พล.ต.จำลองมากกว่า เพราะปัจจุบันประชาชนทุกหมู่เหล่าได้แสดงออกให้เห็นแล้ว ด้วยการออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย พร้อมให้ยกเลิก รธน. 50 และนำเอา รธน.40 กลับมาใช้ใหม่ การออกมา พูด ในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นการเหยียบย่ำประชาชนคนไทย และเหยียบย่ำซากศพของวีรชน พฤษภาทมิฬ ที่เสียสละชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย
ในระหว่างการจัดรำลึก ได้มีผู้เข้าร่วมประชุมกลุ่มหนึ่งได้นำเอกสารที่แนะนำวิธีการในการต่อต้านการรัฐประหารมาจ่ายแจกในงานด้วย โดยเอกสารชุดหนึ่งมีใบปลิวเขียนข้อความระบุว่า "ระเบิดขวดสำหรับต่อต้านพวกนักปฏิวัติ" มีคำอธิบายลักษณะของระเบิดขวด อย่างไรก็ตามผู้จัดงานประกาศบนเวทีอภิปรายว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับใบปลิวนี้แต่อย่างใด