Skip to main content
sharethis

วิทยา กุลสมบูรณ์


มูลนิธิเภสัชชนบท


 


            จากคำแถลงของ นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานองค์การเภสัชกรรม ที่ว่า ผลงานของเภสัชกรรมในปี 2550 สามารถทำกำไรได้ 1,000 ล้านบาท มากที่สุดในรอบ 50 ปี และลดราคายาได้หลายรายการ ตลอดจนผลงานในระดับ 4 เต็ม จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยจากบริษัทประเมินผลทริส รวมกับความสำเร็จในการเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตยาต้านไวรัส และการสนับสนุนการดำเนินการในสิทธิเหนือสิทธิบัตรยา ย่อมแสดงให้เห็นว่า การดำเนินงานขององค์การเภสัชกรรมในระหว่างที่ นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน บริหารงานในฐานะประธานบอร์ดองค์การมีผลลัพธ์เชิงประจักษ์ต่อสังคม ไม่หน่อมแน้มแต่อย่างใด


 


            ตรงกันข้าม นายไชยา สะสมทรัพย์ แถลงถึงการปลดบอร์ดองค์การเภสัชกรรมว่า
เขาไม่ได้เข้าประชุมคณะรัฐมนตรี และไม่รู้เรื่องการปลดบอร์ดองค์การเภสัชกรรม ซึ่งย่อมแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว


           


            ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ได้เคยให้หลักการของการใช้อำนาจไว้ สามประการ ว่าด้วย ที่มาของอำนาจ สาระของการใช้อำนาจ และวิธีการใช้อำนาจ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี แม้แต่ผู้บริหารระดับในก็ตาม หากพิจารณาหลักการทั้งสามประการดังกล่าว ก็อาจตรวจสอบได้ในระดับหนึ่งว่า การใช้อำนาจของตนนั้นถูกต้อง และเหมาะสมหรือไม่


 


            คงไม่มีใครปฏิเสธที่มาของนายไชยา เพราะมาจากการเลือกตั้ง แต่สถานะของนายไชยา ปัจจุบันก็ประดุจ "เป็ดง่อย" เนื่องจากตกอยู่ในภาวะที่รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน รวมทั้งการถูกยื่นเสนอให้ถอดถอนจากตำแหน่งเนื่องจากประพฤติตนไม่เหมาะสมโดยภาคประชาชนได้รวบรวมรายชื่อกว่าสองหมื่นชื่อ ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่นายไชยาจะถูกปลดออกจากคณะรัฐมนตรี ในเร็วๆ นี้


 


            แต่นายไชยาก็ไม่สนใจภาวะแวดล้อมอื่นใด นอกจากว่า ตนเองสามารถใช้อำนาจได้ ตามอำเภอใจ คล้ายกับเป็นการยืนยันว่า ถ้าตนเองมาจากการเลือกตั้ง และได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีแล้ว จะกระทำการใดๆ ก็ถูกต้องเหมาะสม สมควร ไปหมด ดังที่ทำให้เกิดปัญหามากมายเหมือนที่ผ่านมา


 


            หากตรวจสอบสาระการใช้อำนาจเปลี่ยนบอร์ดองค์การเภสัชกรรมในครั้งนี้ ก็มองไม่เห็นว่า มีเหตุผลใดที่สามารถจะชี้แจงแสดงเหตุให้สาธารณชนตระหนักเข้าใจ ในทางกลับกัน มีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการจัดการกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามแนวคิดเรื่องการใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา ที่มีภาคประชาชนตั้งโจทย์ต่อตัวรัฐมนตรีผู้นี้อยู่ ยิ่งการแถลงของนายแพทย์วิชัย เกี่ยวกับผลงานขององค์การเภสัชกรรมด้วยแล้ว เหตุผลที่จะสนับสนุนการปลดบอร์ด ยิ่งขาดน้ำหนัก แต่ดูจะเป็นการทำตามใจตนเองของรัฐมนตรีเสียมากกว่า


 


            วิธีการใช้อำนาจครั้งนี้ของนายไชยา ยิ่งแปลก เพราะแถลงว่า ไม่รู้ เนื่องจากตนมิได้
เข้าประชุมคณะรัฐมนตรี ไม่มีการชี้แจงเหตุผล ไม่มีการบอกแจ้งในการประชุมที่กระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด ดังนั้น แม้ว่าในเชิงกฎหมายจะสามารถทำได้ แต่น้ำหนักเหตุผลก็น้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับสภาวการณ์ ของสถานภาพของผู้ใช้อำนาจ สาระของการใช้อำนาจ และวิธีการใช้อำนาจของรัฐมนตรีผู้นี้


 


            ยิ่งมาวิเคราะห์ดู บุคคลที่เข้ามาเป็นกรรมการ 13 คน ด้วยแล้ว การนำนายถิรชัย วุฒิธรรม อดีตประธานมูลนิธิฟุตบอลทีมชาติไทย มาเป็นประธานบอร์ดองค์การเภสัชกรรม ตลอดจน ภรรยาของ พลเอก ไตรรงค์ อินทรกิต มาเป็นกรรมการ ยิ่งทำให้ชวนคิดถึงประเด็นการต่างตอบแทนของการใช้อำนาจว่า น่าจะเป็นเหตุผลหลักของการเปลี่ยนบอร์ดองค์การเภสัชกรรม มากกว่า


 


            บ้านเมืองยามนี้ ท่าน ว. วชิรเมธี ให้สติว่า ถ้าพระและนักวิชาการไม่ออกความเห็นให้สาธารณชนรู้สึกทราบกันบ้างแล้ว สังคมไทยจะดิ่งจมลึกลงปานใด กรณีการล้างบางองค์การเภสัชกรรมครั้งนี้ ก็เป็นปรากฎการณ์อีกอันหนึ่ง ถึงการใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่ามุ่งไปสู่ทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารรัฐวิสาหกิจเพื่อสาธารณะด้วยหลักธรรมภิบาล หรือ เพื่อการต่างตอบแทนและแก้แค้นล้างบางก่อนการหมดอำนาจ กันแน่


 


 


วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net