Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


จักรภพยันไม่ออก ปัด-หมิ่นสถาบันฯ


เว็บไซต์ไทยรัฐ - เมื่อวันที่ 26 พ.ค. เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงข่าวชี้แจงกรณีการถูกกล่าวหาพูดหมิ่นสถาบันระหว่างการไปบรรยายที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อเดือน ส.ค. 2550 โดยมีทีมที่ปรึกษาส่วนตัวตลอดจนทีม นปก. มาร่วมให้กำลังใจจำนวนมาก อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นมายืนบนเวทีเพื่อเป็นกำลังใจ ซึ่งมีการถ่ายทอดสดการแถลงข่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที โดยนายจักรภพกล่าวว่า ถูกกล่าวหามีพฤติกรรมหมิ่นเบื้องสูง เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับคนไทย ถ้ามีความผิดจริงก็สมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างรุนแรง แต่ เรื่องนี้เป็นเพียงคำกล่าวหาจากบุคคลที่ไปแจ้งความกับตำรวจ ผสมกับการขยายประเด็นอย่างบิดเบือนของพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรฯ เขย่าผ่านสื่อมวลชนจนกลายเป็นประเด็นใหญ่ของบ้านเมือง ทั้งที่ผู้มีโอกาสได้อ่านคำบรรยายที่เป็น ต้นเรื่องอย่างแท้จริงมีเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่เป็นการนำ คำพูดผู้อื่นมาถ่ายทอดซ้ำคือ ตนถูกกล่าวหาทางสังคมโดยคำพูดคนอื่นไม่ใช่คำพูดตัวเอง


 


นายจักรภพกล่าวว่า ส่วนสาเหตุที่บิดเบือนเรื่องนี้ได้มากและยาวนาน มีอยู่ 3 ประการ ได้แก่ 1.เป็นคำบรรยายสดภาษาอังกฤษใช้เวลา 45 นาที ถ้าจะเข้าใจเอกสารนี้ต้องแปลเป็นไทย ขึ้นกับคนแปลว่าจะแปลอย่างซื่อสัตย์หรือฉ้อฉล 2.เป็นการพูดต่อหน้าชาวต่างประเทศที่มีความเข้าใจสังคมไทยน้อยกว่าคนไทย ดังนั้น การอธิบายศัพท์ ต่างๆ ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับบริบทในการพูดกับคนไทยได้ 3.การบรรยายดังกล่าวเป็นเชิงวิชาการ ไม่ใช่ บรรยายการเมือง ทั้งนี้ยอมรับว่ารู้สึกโกรธที่ถูกกล่าวหาในความไม่จงรักภักดี จนสร้างความเสื่อมเสียแก่ตน รัฐบาล ครอบครัว ทั้งที่ความจงรักภักดีของตนและครอบครัว เป็นที่ประจักษ์มาหลายชั่วอายุคน เพราะเป็นครอบครัวทหารอากาศ รับราชการมาตั้งแต่รุ่นปู่บิดา ขณะนี้กำลังมอบหมายให้ทีมงานกฎหมายไปดำเนินการทางกฎหมายกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะการใช้สถาบันระดับสูงมาทำลายทางการเมือง เป็นการสร้างความเสียหายแก่ระบอบประชาธิปไตย


 


นายจักรภพกล่าวว่า ขณะเดียวกันยังไม่สบายใจที่เห็นความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลกับกองทัพในเรื่องนี้ตนเข้าใจดีว่าทหารเป็นองค์กรสำคัญที่สุดในการรักษาราชบัลลังก์ เมื่อมีคนตั้งใจจะหาเรื่องเอาเรื่องแปลผิดพลาดมา ทหารย่อมโกรธ ไม่พอใจ แต่เมื่อได้เห็นเอกสารที่ถูกต้องแล้ว เชื่อว่ากองทัพจะมีความเข้าใจกันและกันมากขึ้น ต้องขอบคุณนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ออกมาปกป้องสถาบัน แต่เชื่อว่าวันนี้จะยุติความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่มีคนอื่นคอยเสี้ยม ต้องขอบคุณ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด โดยเฉพาะ พล.อ.สุรยุทธ์ได้ให้ความเห็นน่ารับฟัง คือทุกฝ่ายไม่ควรนำสถาบันมาเป็นประโยชน์ทางการเมือง อย่างไรก็ตามหลัง จากนี้ได้ขออนุญาตนายกรัฐมนตรีลากิจ 7 วัน เพื่อทุกคนมีเวลาได้อ่านและตัดสินเกี่ยวกับตนในขั้นต้นก่อนที่จะกลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง หลังจากการแถลงข่าวครั้งนี้จะขอลากิจไปก่อน แล้วจะกลับมาร่วมทำงานอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ระหว่างนี้จะรับฟังข่าวสารความเห็นบุคคลต่างๆในประเทศ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในการดำเนินการต่อไป


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ร้องขอให้ลาออกจากตำแหน่งใช่หรือไม่ นายจักรภพตอบว่า 3-4 วันที่ผ่านมา ได้ไปพบกับผู้ใหญ่หลายคน มีทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน มีทั้งไปคุยโดยตรงและทางโทรศัพท์ ให้ความเห็นเรื่องนี้มากมายจนจำแทบไม่ไหว แต่ขอไม่ขยายความ เพราะเป็นการพบส่วนตัว ตนจะเป็นผู้ตัดสินอนาคตตัวเองคิดว่าไม่มีเหตุผลที่ต้องลาออก เพราะการลาออกตอนนี้สังคมจะไม่รู้ความจริง และคนที่พยายามจะเสี้ยมให้แตกแยกก็จะเสี้ยมต่อไป ตนต้องรับผิดชอบในส่วนตัวที่จะต้องตอบให้ได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า การลากิจ 7 วันเพื่ออะไร นายจักรภพตอบว่าช่วงเวลา 7 วัน จะมีเวลาทบทวนว่าพฤติกรรมอะไรของเรา ที่ทำให้คนแคลงใจจนถูกกล่าวหาร้ายแรง และต้องการให้สังคมมีโอกาสนำเอกสารเหล่านี้ไปศึกษาเพื่อตัดสินใจ มั่นใจว่าเรื่องของตนจะไม่เป็นชนวนให้เกิดความวุ่นวาย ผู้สื่อข่าวถามว่า หากหยุดงานกลับมาแล้วกระแสต่อต้านยังไม่หมดจะทำอย่างไร นายจักรภพตอบว่าจะไปว่ากันใหม่ตอนนั้นค่อยมาดูอีกทีว่ากระแสเป็นอย่างไร คนอย่างตนนั้นออกง่าย แต่ถามว่าเมื่อลุกออกไปเป็นการรับผิดชอบหรือมักง่าย ตนไม่มีผลประโยชน์กับการเป็นรัฐมนตรี จึงไม่มี เหตุผลในการรักษาเก้าอี้ตัวเอง


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าถูกโดดเดี่ยวจากพรรคพลังประชาชน นายจักรภพตอบว่าที่ผ่านมายังไม่เคยอยู่คนเดียว อบอุ่นทั้งวันทั้งคืน เรื่องแบบนี้ไม่มีการโดดเดี่ยว แต่จะมีคำว่าความรับผิดชอบส่วนบุคคล จะไปดึงใครเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ได้ เป็นภารกิจที่ต้องทำเพียงลำพัง คิดว่าพรรคการเมืองที่สั่งสมประสบการณ์มานานจะอ่านเกมออกว่า จู่ๆ เป็นพรรครัฐบาลแล้วจะกลายไปเป็นเครื่องมือของพรรคฝ่ายค้านทำไม ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าให้พิจารณาตัวเองทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการถูกโดดเดี่ยวนายจักรภพตอบว่า "ผมคือผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นเบื้องสูง ผมคือผู้ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นข้าพระบาท ผมต้องเป็นคนพิสูจน์และตัดสินใจอนาคตของตัวผมเอง คนอื่นเป็นความเห็นที่ผมรับฟังด้วยความเคารพนับถือและนำมาประมวลในการตัดสินใจเท่านั้น"


 


ปชป.จี้เขี่ย "จักรภพ" ลดขัดแย้ง - "ศิริโชค" รับแปลเอกสาร-ท้าดีเบต


เว็บไซต์ไทยรัฐ - เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้านกล่าวถึงท่าทีของนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า เป็นห่วงเรื่องการทำคดีที่มีความล่าช้าก็เห็นใจ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ถ้าเนิ่นนานไปก็จะเกิดเป็นประเด็นความขัดแย้งในสังคม สิ่งที่เราเสนอไปไม่ใช่ทำตัวเป็นศาลแต่เสนอในฐานะที่อยู่ฝ่ายการเมือง และเห็นว่าปัญหานี้ควรจะแก้ที่การเมืองก่อน เพื่อทำให้ชนวนความขัดแย้งในสังคมลดลงไป ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจักรภพจะต้องลาออกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่าถ้านายจักรภพออกไปก็จะช่วยให้ความขัดแย้งและความตึงเครียดลดลงไป จากนั้นก็ไปพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าไม่ออกก็มีความเป็นห่วง เพราะนายจักรภพปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมของตัวเองเมื่อปีที่แล้วทำให้สังคมส่วนใหญ่ไม่สบายใจที่มีคนคิดและพูดอย่างนั้นอยู่ในสังคม และบุคคลนั้นก็มาควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารของประเทศ ควรแก้การเมืองเสียก่อน


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทวงถามสปิริตกับนายจักรภพหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้ามีความจริงใจต่อบ้านเมือง เราต้องเอาบ้านเมืองมาก่อน แต่ถ้าเอาตัวเองเป็นใหญ่แล้วทำให้เกิดปัญหาในบ้านเมืองโดยที่ไม่ได้ช่วยบ้านเมืองเลย เวลาปัญหาลุกลามออกไปก็ต้องรับผิดชอบและรู้สึกผิดหวังที่นายกฯ ไม่ได้พิจารณาในสิ่งที่เรานำเสนอ ส่วนท่าทีของรัฐบาลกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่มีกระแสข่าวจะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นปัญหาน่าจะอยู่ที่ว่าการชุมนุมก็เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ เราอยากเห็นประสิทธิภาพในการควบคุมเวลามีการยั่วยุเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ ดังนั้นตอนนี้ยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้ พ.ร.ก.


 


เมื่อเวลา 15.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวว่า ตนเป็นคนแปลเอกสารดังกล่าวเองทั้งหมด ไม่ต้องไปถามจากใคร ตนมีความรับผิดชอบ และเท่าที่ฟังจากการแถลงของนายจักรภพเริ่มต้นก็พยายามบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ยกเรื่องนี้ขึ้นมาบิดเบือนใส่ร้าย แต่พอนักข่าวถามว่าตรงไหนแปลไม่ตรงกัน นายจักรภพกลับบอกว่าไม่มี ตนจึงไม่เข้าใจที่นายจักรภพประกาศว่าจะดำเนินคดีกับพรรค อย่างไรก็ตาม ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ทำผิดกฎหมาย นายจักรภพสามารถดำเนินคดีได้เต็มที่ ขณะเดียวกัน พรรคกำลังดำเนินการอยู่เหมือนกันว่าการที่นายจักรภพใช้สื่อของรัฐกล่าวหาใส่ร้ายบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้พรรคเสียหายก็จะต้องดำเนินคดีเช่นกัน โดยจะปรึกษาฝ่ายกฎหมายก่อน ส่วนการที่นายจักรภพท้าให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปดีเบตด้วยนั้นตนคิดว่านายจักรภพไม่ต้องยกระดับตัวเองเพราะตนพร้อมจะไปดีเบตกับนายจักรภพเอง โดยเฉพาะเรื่องคำแปลภาษาอังกฤษขอเพียงนายจักรภพนัดวันเวลาสถานที่มาเท่านั้น


 


วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบงานสอบสวน ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดคำแปลเอกสารปราศรัยของนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยคาดว่าจะมีการนัดประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ของ ตร.ภายในสับดาห์นี้


 


ด้าน พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.ก. กล่าวว่า พนักงานสอบสวนระดับ ตร. ได้มีการนัดประชุมร่วมกัน ซึ่ง บช.ก.ได้มอบหมาย พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รอง ผบช.ก. เป็นผู้รับผิดชอบคดีหมิ่นสถาบันของนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งรายละเอียดข้อมูลการพิจารณายังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนปากคำพยานของกองปราบปราม ซึ่งจะมีการนำเข้าคณะกรรมการกลั่นกรองของ บช.ก. และเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


 


 






เศรษฐกิจ


 


"พาณิชย์" กระตุ้นคนไทยบริโภคเพิ่มเสริมเมนูข้าวเหนียวในห้าง - ภัตตาคาร


ผู้จัดการรายวัน - นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า จังหวัดนนทบุรีและสมาคมภัตตาคารไทย จัดงานส่งเสริมการบริโภคข้าวเหนียวแห่งชาติ ตลอดเดือน มิ.ย.นี้ โดยนำเมนูอาหารที่เกี่ยวข้องกับข้าวเหนียวทั้งอาหารคาว - หวานกว่า 100 ชนิด รณรงค์ให้คนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองไทยรู้จักและบริโภคข้าวเหนียวเพิ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังการบริโภคและแก้ปัญหาข้าวเหนียวเพิ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังการบริโภคและแก้ปัญหาข้าวเหนียวตกต่ำ


 


ส่วนการร่วมมือกับสมาคมภัตตาคารไทยจะให้สมาชิกร้านอาหารของสมาคมคิดรายการอาหารที่เกี่ยวข้องกับข้าวเหนียวใส่ไปในเมนูอาหารเพิ่ม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนเพราะที่ผ่านมาร้านอาหารส่วนใหญ่มีแต่ข้าวเจ้าเป็นหลัก มีอาหารข้าวเหนียวอยู่น้อย นอกจากนี้อาจมีการนำดาราที่ชื่นชอบ หรือเปิดร้านอาหารมาช่วยประชาสัมพันธ์อีกแรงด้วย


 


นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาข้าวเหนียวราคาตกต่ำ รัฐควรจะไปเจรจากับสมาคมผู้ผลิตขนมโมจิของญี่ปุ่น หรือสมาคมผู้ผลิตเหล้าสาเกของจีน เพื่อให้มีการกำหนดเป้าหมายการนำเข้าซึ่งจะทำให้ข้าวเหนียวของไทยมีตลาดรองรับที่ชัดเจน ขณะเดียวกันควรจะใช้วิธีการขายข้าวเหนียวในรูปรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) เพื่อช่วยพยุงราคาด้วย


 


นายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดสรรส่งออกข้าวของภาครัฐให้กับโรงสีว่าสมาคมฯ กำลังรอการเข้าหารือกับกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อกำหนดวิธีการและเป้าหมายภายหลังสมาคมโรงสีเสนอตัวเป็นผู้ส่งข้าวจีทูจีให้ภาครัฐประมาณ 1 แสนตัน/ครั้ง


 


แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงแนวคิดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ทำหน้าที่เหมือนผู้ส่งออกโดยรับซื้อข้าวขาดจากชาวนาและส่งออกเอง และมีการท้วงติงเรื่องการผิดระเบียบราชการและขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญว่าขณะนี้นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้ดูระเบียบและศึกษาวิธีการปฏิบัติที่ไม่ขัดต่อระเบียบราชการแล้ว ซึ่งในส่วนของ อคส. เสนอทางออกโดยให้ขอเป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และให้กรมการค้าภายในออกหนังสือสำคัญสนธิ (แอลซี) ทางการเงินรับรอง อคส. และมอบหมายให้ อคส. เป็นผู้จัดซื้อข้าวและส่งออก โดย อคส.ได้รายได้จากค่าบริหารจัดการและสัดส่วนกำไรจากมูลค่าการส่งออก หรือทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับกลุ่มโรงสีที่จะขยายธุรกิจเป็นผู้ส่งออก


 


นอกจากนี้ กำลังศึกษาให้ อคส.จัดทำข้าวเหนียวบรรจุถุงจำหน่ายเหมือนข้าวขาวธงฟ้าและให้จำหน่ายคู่กับข้าวถุงธงฟ้าเพื่อเป็นการกระจายข้าวเหนียวในทุกจังหวัด ซึ่งข้าวถุงธงฟ้าล็อต 3 อีก 1 แสนถุง (ชนิดข้าว 5%) กำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 30 พ.ค.นี้ ในราคา 120-130 บาท โดยกรุงเทพฯ วางขายที่กระทรวงพาณิชย์ และคลัง อคส.ราษฎร์บูรณะ แห่งละหมื่นถุง และเพิ่มจำนวนจังหวัดจาก 28 จังหวัดให้เกิน 40 จังหวัดเพื่อให้กระจายถึงประชาชนทั่วประเทศ


 


โรงกลั่นยอมเฉือนกำไรค่ากลั่นดีเซล


เว็บไซต์ไทยรัฐ - วานนี้ (26 พ.ค.) พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ กระทรวงจะได้ข้อสรุปกรณีที่ได้ขอความร่วมมือให้โรงกลั่นในเครือบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) 4 แห่ง ได้แก่ โรงกลั่นของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) "TOP" บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) "BCP" บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) "IRPC" และบริษัท ปตท. อะโรเมติกส์ และการกลั่น จำกัด (มหาชน) "PTTAR" ให้ส่งรายได้ในส่วนที่เป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลเข้าสมทบในกองทุนน้ำมัน โดยแต่ละโรงกลั่นจะจัดสรรเงินสมทบไม่เท่ากัน แต่จะไม่เกินแห่งละ 1 บาทต่อลิตร เพื่อเป็นเงินสะสมให้กองทุนน้ำมันนำไปบริหารจัดการในการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ใช้น้ำมันดีเซลต่อไป


 


รมว.พลังงาน กล่าวว่า ต่อจากนี้ตนยังจะขอความร่วมมือไปยังโรงกลั่นของบริษัทเอกชน ได้แก่ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัท เอสโซ่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) และโรงกลั่นของบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (SPRC) ของบริษัท คาลเท็กซ์ ประเทศไทย จำกัด เข้าร่วมโครงการดังกล่าวด้วย ซึ่งในส่วนตัวแล้วอยากจะนำไปช่วยเหลือประชาชนทั่วทุกภาคส่วน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ หรือจะช่วยเป็นรายสาขา เช่นเรือประมง และรถยนต์โดยสารสาธารณะ "ก็เข้าใจดีว่าโรงกลั่นน้ำมันในเครือ ปตท.เป็นบริษัทมหาชน ซึ่งไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่ภาวะราคาน้ำมันแพงก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องยื่นมือเข้ามาดูแล"


 


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวันเดียวกัน ปตท. ได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอีก 1 บาทต่อลิตร และบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ก็ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลอีก 70 สตางค์ (สต.) ต่อลิตร ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลของ ปตท. อยู่ที่ 37.64 บาทต่อลิตร ขณะที่เชลล์และบางจากอยู่ที่ 38.34 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลทะลุ 38 บาทต่อลิตรไปแล้ว และคาดว่าสัปดาห์นี้ ผู้ค้าน้ำมันก็ยังจะปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลอีกไม่ต่ำกว่า 50 สต.ต่อลิตร เพราะแม้จะปรับราคาขึ้นไปในรอบนี้แล้ว ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลก็ยังคงติดลบอยู่อีกประมาณ 1 บาทต่อลิตร


 


ด้านนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ทั้ง 4 โรงกลั่น มีกำลังการกลั่นน้ำมันดีเซลรวมกัน 32 ล้านลิตรต่อวัน เงินที่ช่วยเหลือไม่เกิน 1 บาทต่อลิตร จะรวมไปเป็นกองกลางได้ ราว 30 ล้านบาทต่อวัน หรือ 900 ล้านบาทต่อเดือน โดยอาจจะให้กองทุนน้ำมัน หรือกองทุนส่งเสริมและอนุรักษ์ พลังงานเป็นผู้บริหาร ส่วนเรื่องนี้เป็นการขอความร่วมมือชั่วคราวเท่านั้น อาจจะ 3-6 เดือน พอให้มีเงินพร้อมช่วยเหลือประชาชนผู้ใช้น้ำมันดีเซล 5,000 ล้านบาท ก็จะยกเลิก


 


ขณะที่นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ยอมรับว่าในภาวการณ์เช่นนี้ โรงกลั่นทุกแห่งต่างก็เข้าใจว่าประชาชนเดือดร้อน และก็พร้อมจะดำเนินการตามที่ภาครัฐร้องขอมา แต่ยืนยันว่าค่าการกลั่นน้ำมันของโรงกลั่นไม่ได้สูงมากนัก และมีอัตราขึ้นลงเป็นรายวัน บ้างขาดทุน บ้างกำไร แต่เฉลี่ยมีค่าการกลั่นอยู่ประมาณ 5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล


 


นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังมีแผนดำเนินการเร่งด่วนเพื่อเร่งรัดการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ หรือเอ็นจีวี โดยมีแนวทางดำเนินการที่สำคัญด้วยการศึกษาวางท่อก๊าซธรรมชาติตามแนวระบบคมนาคมสายหลักทั่วประเทศใหม่ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่โดยจะมีการลงทุนเบื้องต้น 34,850 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (2552-2554) ด้วย


 


"เจ๊เกียว" โอดรัฐบาลอนุมัติปรับค่าโดยสารแค่ 3 ส.ต.


เว็บไซต์คมชัดลึก - วานนี้ (26พ.ค.) ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ สำนักงานเทศบาลนคร นครราชสีมา มีการเปิดประชุมสภาเทศบาลฯ ครั้งแรก โดยนางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว เจ้าของกิจการอู่ต่อรถทัวร์และบริษัทเดินรถ เชิดชัย และนายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประเทศไทย ได้เดินทางมาให้กำลังใจนายสุรวุฒิ เชิดชัย ลูกชาย ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มประสานมิตรก้าวหน้า ที่เข้ามารับตำแหน่งวันแรก หลังพาลูกทีม เป็นสท. 24 คน พลิกชนะยกทีมในการเลือกตั้งเทศบาลฯ ที่ผ่านมา ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารในภาวะน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นต้นทุนหลัก รวมทั้งค่าอะไหล่รถได้มีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง


 


นางสุจินดา กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางสมาคมฯ ขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร 9 สตางค์ต่อระยะทาง 1 กม. แต่กรมการขนส่งทางบก อนุมัติให้ขึ้นเพียง 3 สตางค์และค่าธรรมเนียมก็ยังไม่ได้รับการพิจารณาในการจะปรับขึ้นอีก ซึ่งส่วนต่างที่เหลืออีก 6 สตางค์ ผู้ประกอบการต้องเป็นผู้รับภาระแทน อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เราก็จะดำเนินการร้องขอให้มีการปรับอัตราค่าโดยสารขึ้นให้ได้ มิเช่นนั้นผู้ประกอบการรถโดยสารก็อยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน ผลที่ตามมาก็ต้องมีผู้ประกอบการบางรายทนการขาดทุนไม่ไหวก็ต้องหยุดวิ่ง หรือขอลดเที่ยววิ่งลง ซึ่งถ้าหากรัฐบาลไม่ช่วยเหลือก็ต้องว่ากันต่อไปว่าจะให้ทำอย่างไร


 


"การขึ้นค่าโดยสาร 9 สตางค์/กม.ประชาชนไม่เดือดร้อนหรอก ที่ผ่านมาเราต้องรับการขาดทุนมาโดยตลอด ทำให้เราก็ไม่มีทุนที่จะต่อรถใหม่ ต้องทนใช้รถที่มีอยู่เดิมไปก่อน แต่เราก็รับรองความปลอดภัย ไม่ต้องเป็นห่วง ที่ผ่านมารถที่ใช้งานก็ต้องคอยปรับปรุงให้มีสภาพต่างๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะความปลอดภัยของตัวรถเป็นที่สิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด"


 


นางสุจินดา ยังได้กล่าวถึงการหันมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีแทนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า ต้องเข้าใจว่าการเปลี่ยนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาเป็นก๊าซเอ็นจีวี รถโดยสารที่วิ่งสายยาวหรือมีระยะทางเกิน 300 กม. จะมีปัญหาตามมาโดยเฉพาะหาปั๊มเติมก๊าซที่ตามเขตภูมิภาคแทบไม่มีเลย บางครั้งมีก็มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ


 


"อยากจะฝากไปถึงรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาให้ถูกต้อง ให้ถูกแนวทาง อีกทั้งการปรับขึ้นสมาคมฯ ได้ทำตามขั้นตอน มีที่ไปที่มาชัดเจน ไม่ได้เอาเปรียบผู้โดยสาร เพราะเรามีคติประจำใจว่า " ค้าขายอยู่ได้แต่ต้องไม่เอากำไรมาก ที่สำคัญต้องอย่าขาดทุน "ทุกฝ่ายก็จะอยู่ร่วมกันได้ด้วยดี"


 


 







คุณภาพชีวิต


 


บีทีเอสสวนกระแสหั่นค่าโดยสาร 20%


สยามรัฐ - นายอาณัติ อาภาภิรมย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่น้ำมันมีราคาสูงขึ้นอย่างมากทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะได้ปรับขึ้นราคาตามไปด้วย ซึ่งรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้รับผลกระทบน้อยเนื่องจากใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระความเดือดร้อนของประชาชน ในช่วงปิดเทอมบริษัทจึงได้ลดราคาค่าโดยสาร 20%กับบัตรประเภท SKY SmartPass ซึ่งเป็นบัตรเติมเงิน จากราคาปกติ 15-40 บาทเหลือ 12-32 บาทเท่านั้น เท่ากับลดลงจากเดิม 3 ถึง 8 บาทต่อเที่ยวเป็นระยะเวลา 3เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ถึง 31 ส.ค.นี้


 


ขณะเดียวกันบริษัทก็จะยังคงตรึงราคาบัตรโดยสารประเภออื่น ๆ เช่น บัตรประเภท30 วัน สำหรับบุคคลทั่วไปและนักเรียนนักศึกษา ซึ่งมีส่วนลดสูงสุดมากกว่า 60% ซึ่งบริษัทคาดว่าส่วนลดค่าโดยสารนี้จะสามารถจูงใจให้ประชาชนที่ยังไม่เคยใช้ระบบขนส่งมวลขนหรือนานๆใช้ครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวหันมาเลือการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนคือ รถไฟฟ้าที่ประหยัดทั้งเวลา ให้ความสะดวก รวดเร็ว และถึงที่หมายอย่างปลอดภัย


 


นายอาณัติกล่าวอีกว่า การลดราคาค่าโดยสารครั้งนี้อาจจะทำให้รายได้ส่วนหนึ่งลดลงแต่หากมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นก็สามารถที่จะชดเชยรายได้ที่หายไป นอกจากนี้ยังเป็นการสนองนโยบายของรัฐที่ต้องการส่งเสริมให้ประชนเดินทางด้วยขนส่งมวลชน เพื่อช่วยลดการใช้น้ำมันในประเทศลง และหากส่วนต่อขยายสร้างเสร็จเรียบร้อย ก็จะทไห้ประชาชนมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าเดิมของบริษัทที่ใช้บัตรประเภทนี้อยู่แล้วด้วย และหากส่วนลด 20% ได้รับการตอบรับด้วยดีจากประชาชน บริษัทอาจจะพิจารณาขยายระยะเวลาการลดราคาออกไปอีก เพื่อไปสู่การลดการใช้น้ำมันอย่างแท้จริง


 


ชาวนาฝันสลายซาอุฯ ถอดใจ


โลกวันนี้ - นายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี พี่ชายนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย ชี้แจงแทนนายประภัตรตอบโต้นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ออกมาคัดค้านการชักชวนนักธุรกิจต่างชาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาลงทุนทำนาในประเทศไทยว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเกมการเมืองที่นายสมศักดิ์ได้เตรียมการมาแล้วเพื่อต้องการทำลายและใส่ร้ายป้ายสี รวมถึงเกรงว่านายประภัตรจะแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าการออกมาพูดของนายสมศักดิ์ไม่ใช่เป็นการเข้าใจผิด


 


อย่างไรก็ตาม หากไม่หยุดใส่ร้ายป้ายสีจะเปิดเผยข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ไม่โปร่งใส ทั้งนี้ ยืนยันว่าการชักชวนนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาดูการทำนาของชาวนาไทยจะทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์มากกว่า โดยเฉพาะด้านการส่งออกข้าวและสถานที่เก็บรักษาข้าวที่อาจไม่เพียงพอ แม้จะได้ราคาน้อยกว่าเดิมเล็กน้อย แต่โครงการดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น หากรัฐบาลไม่เห็นด้วยก็จะไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด


 


"ตอนนี้กลุ่มนักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบียที่เดินทางเข้ามาดูการทำนาก่อนตัดสินใจทำธุรกิจซื้อข้าวจากเราส่งออกไปทั่วโลกได้สั่งชะลอแผนไปแล้ว เนื่องจากไม่มั่นใจกับการเล่นการเมืองของนักการเมืองไทย ซึ่งผมมองว่าแทนที่จะช่วยกันส่งเสริมให้ข้าวไทยขายได้มากขึ้น มีราคาดี มีคนมาซื้อ มาลงทุนซื้อเพื่อส่งออก กลับมาพูดกล่าวหาว่าผมขายชาติ ผมยอมรับไม่ได้ที่กล่าวหากันในลักษณะนี้ เพราะตั้งแต่เกิดมาผมก็อยู่กับชาวนามาโดยตลอด รู้และเข้าใจชาวนาดีว่าเขาอยู่กันอย่างไร พอมีคนจะเข้ามาช่วยกลับไปกล่าวหาเขา สุดท้ายเราก็จะไม่ได้" นายประสิทธิ์กล่าว และเผยถึงวัตถุประสงค์หลักจริงๆของการต้อนรับนักธุรกิจซาอุฯว่า


 


"จริงๆครอบครัวผมมีไซโลข้าวสารกว่า 200,000 ตันที่รับซื้อจากชาวนาเพื่อจำหน่ายและส่งออก ซึ่งทำให้นักธุรกิจซาอุฯเกิดความสนใจอยากเป็นคู่ค้าด้วย จึงมีแนวคิดร่วมกันว่าจะพัฒนาการทำนาของไทยให้มีคุณภาพ มีผลผลิตสูงขึ้น โดยเขาจะประกันราคาซื้อข้าวตันละ 15,000 บาท และจะสนับสนุนปุ๋ยให้ โดยไม่ต้องซื้อปุ๋ยในราคาแพงอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ผมจึงไม่เข้าใจว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แทนที่จะช่วยส่งเสริมกลับมาใส่ร้ายกัน ตอนนี้ชาวนารู้สึกเสียโอกาส แทนที่จะได้ตลาดส่งออกข้าวโดยตรง แต่กลับถูกใส่ร้ายจนนักธุรกิจที่จะลงทุนต้องยุติแผนไป"


 


ส่วนกรณีที่เป็น 1 ในผู้ร่วมลงชื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายประสิทธิ์ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นห่วงสถานภาพของการเป็น ส.ว. และไม่รู้สึกกังวลต่อการถูกยื่นถอดถอน เนื่องจากเป็นการทำหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แต่การดำเนินการทุกอย่างจะต้องมีเหตุผลที่สมควร ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อเพื่อให้ถอนชื่อออกจากการเสนอญัตติ พร้อมย้ำว่ายังคงเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องรอดูผลการทำประชามติของประชาชนก่อน


 


 






ต่างประเทศ


 


โสมท้วงเดือดแค้นผู้นำเปิดตลาดวัวมะกัน


เว็บไซต์ไทยรัฐ - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานชาวเกาหลีใต้ราว 700 คน ยังชุมนุมต่อเนื่องจนถึงวันที่ 26 พ.ค. ในกรุงโซล เพื่อคัดค้านข้อตกลงการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ การชุมนุมดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน กระทั่งล่าสุดมีผู้ประท้วงถูกจับกุมเพิ่มเป็น 68 คน ขณะเดียวกัน ก็เกิดการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจ ทำให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง


 


รายงานระบุมูลเหตุมาจากการที่รัฐบาลเกาหลีใต้ลงนามในข้อตกลงการค้าเมื่อ 18 เม.ย. ที่จะเปิดตลาดเนื้อวัวแก่อเมริกา หลังเคยยกเลิกการนำเข้าไปเมื่อปี 2546 เนื่องจากการระบาดของโรควัวบ้าในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หลังประธานาธิบดี ลี เมียง บัค ขึ้นเป็นผู้นำ ก็ได้มีการทบทวนเกี่ยวกับข้อตกลงนี้ใหม่ ทั้งยังผ่อนคลายกฎเหล็กเกี่ยวกับการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนที่ยังหวาดกลัวโรควัวบ้า และมองว่านายลีดำเนินการโดยเห็นแก่เรื่องทางการเมืองมากกว่าความปลอดภัยของประชาชน


 


การชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นนับเป็นการต่อต้านครั้งใหญ่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่นายลีนั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศ โดยประชาชนบางกลุ่มเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม แม้นายลีจะได้ออกมาขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถสร้างความอุ่นใจให้ แต่รัฐบาลของเขาจะเดินหน้าผลักดันให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีใต้โดยเร็วที่สุด คาดว่าไม่เกินสัปดาห์นี้ก็น่าจะเรียบร้อย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net