ดับบลิน, ไอร์แลนด์30พฤษภาคม2551: ผู้รอดชีวิตจากระเบิดดาวกระจาย หรือ cluster bombและนักรณรงค์จากทั่วโลกต่างยินดีกับอนุสัญญาฉบับใหม่ ว่าด้วยการห้ามใช้ ห้ามผลิต ห้ามสะสม ห้ามเคลื่อนย้ายระเบิดดาวกระจาย ซึ่งผู้แทนจากกว่า100ประเทศทั่วโลก ร่วมตกลงกันที่ดับบลิน
หลังจากที่ประเทศผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งสิ้น110ประเทศได้ดำเนินการเจรจา ต่อรอง เนื้อหาในอนุสัญญาอย่างเข้มข้นมาตั้งแต่วันที่19พฤษภาคม นักรณรงค์ รวมทั้งผู้รอดชีวิตจากระเบิดดาวกระจายจากทั่วโลก ต่างพากันยินดีกับอนุสัญญาฉบับใหม่ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อตกลงประวัติศาสตร์ และถือว่าเป็นชัยชนะของการทำงานเพื่อมนุษยธรรมร่วมกันของภาครัฐและประชาสังคม
อนุสัญญานี้จะมีผลทำให้ประเทศที่มีคลังสะสมระเบิดดาวกระจาย ประเทศผู้ผลิต และประเทศผู้ใช้ ต้องยุติการใช้ รวมทั้งจะเป็นการแบนระเบิดดาวกระจายอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าประเทศที่มีคลังสะสมจะได้พยายามป้องกันคลังของตนตลอดการประชุมต่อรองในครั้งนี้
นอกจากนั้นแล้วอนุสัญญาไม่อนุญาตให้มีระยะเวลาอนุโลมให้ใช้ เคลื่อนย้าย สะสม ฯลฯ ระเบิดดาวกระจายได้หลังจากให้สัตยาบัน
ในวินาทีสุดท้าย อังกฤษเปลี่ยนท่าทีเป็นให้การสนับสนุน นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ประกาศจะช่วยแบนอาวุธนี้ และจะพยายามมิให้ประเทศที่ไม่ลงนามใช้อาวุธประเภทนี้ด้วยในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้ระเบิด และมีคลังขนาดใหญ่ในโลก ไม่ได้เข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด
ในมาตราที่5ของอนุสัญญานี้ที่กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งถือได้ว่าเป็นมาตรฐานใหม่ ที่ดีที่สุดของอนุสัญญานานาชาติเกี่ยวกับเรื่องการห้ามอาวุธต่าง ๆ และพัฒนาไปจากอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังอิงกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิผู้พิการอย่างเต็มที่
เมื่อเริ่มการประชุมต่อรอง หัวข้อที่เป็นประเด็นหลักได้แก่ การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย การปฏิบัติการร่วมกันของทหาร(joint military operation)ระยะเวลาอนุโลมก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ การสะสมอาวุธในคลัง การเก็บกู้ และคำจำกัดความของระเบิดดาวกระจาย
มาตราที่2เรื่องคำจำกัดความ ว่าระเบิดดาวกระจายที่ถูกแบนนี้ หมายถึงประเภทไหนบ้าง แม้ว่ามีหลายประเทศที่พยายามจะต่อรองไม่ให้รวมระเบิดดาวกระจายหลายประเภท แต่ในที่สุดก็สามารถครอบคลุมระเบิดดาวกระจายทุกประเภทที่มีอยู่ขณะนี้
ขณะเดียวกัน ในมาตราที่21ว่าด้วยความสัมพันธ์ของประเทศภาคีอนุสัญญา และประเทศที่ไม่เป็นภาคีนั้น ก็ยังมีช่องโหว่ กล่าวคือ หากมีการปฏิบัติการร่วมกันของกองทัพระหว่างประเทศที่ลงนามกับไม่ลงนาม ประเทศที่ไม่ลงนามอาจจะใช้ได้โดยการช่วยเหลือสนับสนุนของประเทศที่ลงนามไปแล้ว และมีพันธกรณีห้ามใช้ผูกพันอยู่ กล่าวอย่างง่าย ๆ อนุสัญญาไม่มีข้อผูกพันใด ๆ ที่จะห้ามไม่ให้ประเทศภาคีจงใจปล่อยให้ประเทศไม่เป็นภาคีใช้ได้รวมทั้งอาจจะตีความได้ว่าประเทศไม่เป็นภาคีอาจจะสามารถมีคลังอาวุธในประเทศภาคีได้
เนื้อหาอื่น ๆ ที่สำคัญได้แก่ ระเบิดในคลังจะต้องถูกทำลายให้หมดภายใน8ปี ต้องมีการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย มีการเก็บกู้ การให้ความรู้เรื่องภัยจากระเบิด
หลังจากการรับร่างอนุสัญญาอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้(30พฤษภาคม10.00นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นดับลิน) ประเทศต่าง ๆ จะร่วมกันลงนามในพิธีลงนามที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ในช่วงต้นเดือนธันวาคมปีนี้ และหลังจากที่ประเทศที่ลงนามให้สัตยาบันอนุสัญญาก็จะมีผลห้ามใช้ระเบิดดาวกระจายตลอดไป
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะลาวเนื่องจากการทิ้งระเบิดของกองทัพอเมริกันในช่วง1970'sทุกวันนี้ยังมีลูกปรายที่ยังไม่ระเบิด (หรือลาวเรียกว่าบอมบี้) ตกค้างอยู่บนพื้นดินจำนวนมหาศาล นับไม่ถ้วน มีเหยื่อจากระเบิดดาวกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก และ44%เป็นเด็ก
เวียดนามและกัมพูชาก็เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบและมีผู้ประสบภัยเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน สิงคโปร์นั้นเป็นประเทศผู้ผลิต มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ไม่ใช้ และไม่ได้มีผลกระทบใด ๆ จึงเสมือนว่าน่าจะเป็นประเทศแรก ๆ ร่วมกันลาวและกัมพูชาในการลงนามในอนุสัญญานี้
ประเทศไทยไม่เคยใช้ระเบิดดาวกระจาย และไม่ได้เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบ ไม่มีผู้ประสบภัย แต่มีระเบิดจำนวนหนึ่งอยู่ในคลังของกองทัพอากาศ ไทยยังไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะร่วมลงนามหรือไม่ แม้ว่าไทยจะร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์ แต่ผู้แทนรัฐบาลไทยได้กล่าวสนับสนุนเรื่องการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่