ชูวัส  ฤกษ์ศิริสุข

เราไม่เห็นด้วยกับการสลายการชุมนุม รัฐบาลไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่คิดต่างไม่ว่าจะมาจากกลุ่มไหน

และเราไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด

น่าแปลกที่สถานการณ์ทางการเมืองซึ่งกำลังคลี่คลายตัวมันเองหลังรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ตัดสินใจให้ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภาตกไปอันเนื่องมาจากมีผู้ถอนรายชื่อ กลับถูกทำให้ร้อนแรงขึ้น เมื่อพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขยับข้อเรียกร้องของตัวเองให้กลายเป็นการไล่รัฐบาล ทั้งๆ ที่รัฐบาลทำงานมายังไม่ครบ 4 เดือน

น่าแปลกที่ความไม่ชอบธรรมในข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ ซึ่งทำให้การชุมนุมของพันธมิตรฯหมดความชอบธรรม กลายเป็นฝ่าย "ไม่รู้จักจบ" กลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง กลับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศแตกหักกับพันธมิตรฯ ในวันเดียว ผ่านทีวีกระจายไปทั่วประเทศ ด้วยข้ออ้างเรื่องการจราจร หรือเพียงเพราะพันธมิตรแสดงสิทธิของตนเองขับไล่รัฐบาล

อะไร หรือใคร ที่ให้คำปรึกษาหรืออยู่เบื้องหลังความคิดจนทำให้นายกรัฐมนตรีพลิกสถานการณ์ของพันธมิตรฯ จากความเพลี่ยงพล้ำมากลายเป็นฝ่ายได้เปรียบทางการเมือง เปลี่ยนรัฐบาลประชาธิปไตยที่รู้จักถอยทางการเมืองกลายเป็นผู้ร้ายทางการเมือง

เพราะขณะที่พันธมิตรฯไร้เหตุผลขึ้นเรื่อยๆ ในการชุมนุม รัฐบาลกลับจะสลายการชุมนุมด้วยการไร้เหตุผลยิ่งกว่า

การชุมนุมเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ขั้นพื้นฐานซึ่งหมายความว่า การชุมนุมเป็นทางหนึ่งในการสร้างนโยบาย การเกิดกฎหมาย และเป็นที่มาของกฎระเบียบต่างๆ มากมาย การชุมนุมยังเป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของประเทศของพลเมือง แม้ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ได้สร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร 19 กันยา 2549 กระนั้น การชุมนุมอย่างสันติก็ยังคงกระทำได้และต้องได้รับปกป้องจากรัฐ

เราขอเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯและรัฐบาล หยุดสร้างเงื่อนไขความรุนแรงและการรัฐประหาร

อย่าแข่งกันไร้เหตุผล ความรุนแรงไม่ใช่ทางเลือกทุกกรณี การรัฐประหารก็ไม่ใช่ทางออกในทุกกรณี

มีแต่ประชาธิปไตยเท่านั้นที่เป็นทางเดียว ซึ่งต้องอดทนและรอคอย