วานนี้ (19 มิ.ย.) เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนางสุนีย์ ไชยรส และนายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมกันแถลงการณ์ "การใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ" แสดงจุดยืนต่อสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องของประชาชนในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะการชุมนุมคัดค้านรัฐบาล ที่มีความขัดแย้งและการเผชิญหน้าที่อาจนำไปสู่สถานการณ์ความรุนแรงบานปลาย
เนื้อหาแถลงการณ์ ยืนยันถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการชุมนุมอย่างสงบและปราศจากอาวุธ อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง ขณะที่รัฐบาลแม้จะมาจากการเลือกตั้ง แต่กลับขาดความเคารพต่อเจตนารมณ์และสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชน จนนำไปสู่การละเมิดรัฐธรรมนูญโดยรัฐขณะที่รัฐสภาเองก็ประสบกับความล้มเหลวในการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทำให้ภาคประชาชนต้องออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวเรียกร้อง สิทธิต่างๆ
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของกรรมการสิทธิ์ ระบุเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมยึดมั่นในการใช้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ และขอให้รัฐบาลปฏิบัติเจตนารมณ์และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และพันธกรณีระหว่างประเทศของไทยเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด และยับยั้งไม่ใช้กำลังใดๆ ในการหยุดยั้งหรือสลายการชุมนุม ไม่ว่าจะอยู่กับที่หรือเคลื่อนไหว อันเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพขั้นตามเจตนารมณ์และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากล
ด้าน ศ.เสน่ห์ กล่าวว่าไม่ต้องการให้ประชาชน มองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คือการทะเลาะกันของคน 2 ฝ่าย ซึ่งเท่าที่ฟังน้ำเสียงออกมาเป็นแบบนั้น ทั้งที่ไม่ควรจะเป็น ขอให้ดูที่สาเหตุว่าลึกๆ แล้วที่มาของปัญหาคืออะไร เป็นหน้าที่ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยที่จะได้เรียนรู้ และไม่ควรถอยห่าง หรือไม่เกี่ยวข้อง ส่วนการชุมนุมที่มีการปิดถนนจนทำให้คนบางส่วนได้รับผลกระทบ ตนไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นเรื่องปกติหรือไม่ เพราะ เป็นเรื่องที่สังคมจะต้องวินิจฉัยร่วมกัน
เรียบเรียงจาก: เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์
แถลงการณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เรื่อง การใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
ตามที่มีการชุมนุมเรียกร้องต่อรัฐบาลจากประชาชนหลายภาคส่วน โดยเฉพาะการชุมนุม คัดค้านรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง จนมีสถานการณ์ความขัดแย้งและการเผชิญหน้าที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใย เพื่อมิให้สถานการณ์เกิด ความรุนแรงบานปลาย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีข้อเสนอแนะดังนี้
๑.ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุมและการสมาคมโดยสงบและปราศจากอาวุธ อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ซึ่งได้รับการรับรองและคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง อันเป็นการใช้สิทธิของตนอย่างชอบธรรม เพื่อแสดงออกซึ่งความคิดเห็นภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย
๒.รัฐบาลขาดความเคารพต่อเจตนารมณ์และสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และไม่นำพาต่อเสียงทักท้วงและการคัดค้านของประชาชน โดยที่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้พิจารณาการบริหารประเทศของรัฐบาลภายใต้นายสมัคร สุนทรเวช ในช่วง ๔ เดือนที่ผ่านมาแล้วเห็นว่า แม้รัฐบาลจะมาจากการเลือกตั้ง แต่การยึดแต่เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่นำพากฎกติกาของรัฐธรรมนูญ ไม่ฟังเสียงของประชาชนกลุ่มต่างๆ ในสังคมทำให้เกิดการละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังจะเห็นได้จากการประกาศดำเนินการโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง รวมทั้ง การประกาศสร้างเขื่อนและโครงการต่างๆ โดยมิได้มีการศึกษาอย่างถ่องแท้และไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่าง แท้จริงในการตัดสินใจ ตามนัยมาตรา ๖๖ และ ๖๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี ๒๕๕๐
นอกจากนั้นการดำเนินการในเรื่องการที่ UNESCO จะประกาศให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลก อาจจะทำให้เกิดผลกระทบในด้านสิทธิอธิปไตยของไทย แต่รัฐบาลไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนรับรู้ข้อมูล ที่ถูกต้องและไม่ผ่านกระบวนการให้ความเห็นชอบของรัฐสภาตามเจตนารมณ์มาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
๓. ความล้มเหลวของรัฐสภา ในการควบคุม ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทำให้ภาคประชาชนต้องออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวเรียกร้อง สิทธิต่างๆ อันกระทบต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของราชการที่ไม่ถูกต้องตรงกันของแต่ละฝ่าย
ดังนั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอเรียกร้องดังต่อไปนี้
- ขอให้ผู้ชุมนุมยังคงยึดมั่นในการใช้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
- ขอให้รัฐบาลปฏิบัติตามเจตนารมณ์ และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ พันธกรณีระหว่างประเทศของไทยเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด และยับยั้งไม่ใช้กำลังใดๆ ในการ หยุดยั้งหรือสลายการชุมนุม ไม่ว่าจะอยู่กับที่หรือเคลื่อนไหว อันเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามเจตนารมณ์ และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากล
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๑
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)