20 มิ.ย. 51 - ที่แยกสวนมิสกวัน นายสุริยะใส กะตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะของพันธมิตรและประชาชน จากการใช้ยุทธการสงคราม 9 ทัพ โดยสามารถนำแนวทางสันติวิธีมาใช้ภายใต้ประชาชนนับแสน โดยไม่มีเหตุการณ์นองเลือดซ้ำรอยเหตุการณ์พฤษภาทมิฬเหมือนที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าการที่บุกทำเนียบรัฐบาลในครั้งนี้จะเป็นชนวนในการนองเลือด ส่วนความกังวลต่อการกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลนั้นตนคิดว่าไม่น่าสงผลกระทบเนื่องจากเราไม่ได้ปิดประตูทำเนียบทุกประตู ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังสามารถเข้าออกได้ตามปกติ

"การออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ก็ไม่มีวาระซ่อนเร้นไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่มีเหตุการณ์ทุบตี เพราะเรายึดหลักในการเจรจา เดินเท้าเท่าที่เดินได้ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมเปิดทางให้ ต้องขอขอบคุณที่ให้พวกเราผ่าน ตรงนี้สื่อเป็นประจักษ์พยานได้ว่าเป็นความสำเร็จของการต่อสู้แบบอหิงสา"นายสุริยะใส กล่าว

 นายสุริยะใส กล่าวอีกว่านอกจากนี้ชัยชนะที่เรายึดทำเนียบรัฐบาลซึ่งนั้นเป็นเป้าหมายที่ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลลาอออก โดยมีสาเหตุมาจากความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และพยายามเปิดทางให้ระบอบทักษิณกลับมา อีกทั้งยังมีเจตนาล้มล้างรัฐธรรมนูญ และมีพฤติกรรมเปิดทางให้คนในเครือข่ายคุกคาม จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง และล่าสุดที่ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียปราสาทเขาพระวิหารให้กับกัมพูชา ซึ่งเรื่องดังกล่าวล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากออกมาร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวกับพันธมิตร

ส่วนเรื่องของการรวมเวทีที่ที่สะพานมัฆวานกับเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะใส กล่าวว่า จะมีการพูดคุยกับแกนนำทั้ง 5 รวมทั้งต้องหารืออีกครั้งรวมทั้งเรื่องของการจะชุมนุมยืดเยื้อหรือไม่ อย่างไรก็ตามหากมีประชาชนจำนวนมากมาร่วมชุมนุมด้านหน้าทำเนียบจนล้นถนนพิษณุโลกก็อาจจะปิดถนนพิษณุโลก และอาจจะยังต้องปิดถนนราชดำเนินนอกต่อไป

สำหรับกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นายจากการปะทะเมื่อช่วงบ่าย นายสุริยะใส กล่าวว่า ตรงนี้ก็ ถ้าหากพันธมิตรฯ ทำร้ายตำรวจจริงและมีหลักฐานว่าทำร้ายจริงก็พร้อมที่จะเตรียมทนายสู้คดี อย่างไรยืนยันว่าคงจะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นถ้าหากตำรวจยอมเปิดทางให้กับพันธมิตร ตั้งแต่แรกก็คงจะไม่เกิดเหตุดังกล่าว

….

ที่มา:

http://www.naewna.com