Skip to main content
sharethis


เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2551 เวลา 08.00น. กลุ่มปกป้องที่ดินวะกัฟและขอทวงคืน (รวมถึงทายาทและพยาน) และประชาชนชาวมุสลิมในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา จำนวนประมาณ 200 คน เดินทางไปยังมัสยิดควนสันติ  ม.1 ซ.41 ถ.เพชรเกษม ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขอพบนายอาศีส  พิทักษ์คุมพล ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา เพื่อเจรจาแก้ไขปัญหากรณีที่ดินวะกัฟ (ที่ดินที่ชาวมุสลิมอุทิศเพื่อพระผู้เป็นเจ้า ให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน- ประชาไท) ในพื้นที่ ต.สะกอม ต.ตลิ่งชัน อ.จะนะ จ.สงขลา


 


ภายหลังจากที่ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักจุฬาราชมนตรี ออกเอกสารเพื่อชี้แจงคำวินิจฉัยการแลกเปลี่ยนทางสาธารณะ หรือทางวะกัฟ ดังที่ปรากฏในเอกสารของสำนักจุฬาราชมนตรี ที่ สฬ. 013.03.ศ/2547 วันที่ 22 มีนาคม 2547 โดยมีเนื้อหาว่า "ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงว่าทางสาธารณะดังกล่าวได้มาโดยการวะกัฟของชาวมุสลิม" เอกสารดังกล่าวจึงเป็นฐานให้รัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้ออกกฎหมายพระราชกฤษฎีกาย้อนหลัง ถอนสภาพที่ดินวะกัฟดังกล่าว เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2549 อันเป็นการสร้างความชอบธรรม และแก้ไขความผิดให้กับ บริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งก่อสร้างโครงการท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย ทับที่ดินวะกัฟดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2546


 


โดยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2551 ประชาชนกลุ่มดังกล่าว ร่วมกับกลุ่มเครือข่ายนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม (คนท.) เดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการกลางอิสลามประจำประเทศไทย ครั้งที่ 3/2551 ซึ่งมีนายอาศีส  พิทักษ์คุมพล เป็นประธานในที่ประชุม และมีมติว่าเห็นสมควรให้ "สำนักจุฬาราชมนตรี ทบทวนคำวินิจฉัย กรณีที่ดินวะกัฟ ในพื้นที่ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา" โดยทางคณะกรรมการฯ จะเป็นผู้ส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะผู้ทรงคุณวุฒิเอง และนายพิเชษฐ์ สถิรชวาล เลขาธิการคณะกรรมการกลางฯ เป็นผู้รับปากว่าจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนภายใน 60 วัน


 


อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ได้เลยเวลา 60 วันมาแล้ว ประชาชนจึงมาทวงถามความคืบหน้าต่อนายอาศีส  พิทักษ์คุมพล โดยมีการสร้างกระบวนการสอบสวนร่วมกันขึ้นด้วย โดยให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมา ที่มาของคำวินิจฉัยจากผู้ทรงคุณวุฒิ จุฬาราชมนตรีนั้นไม่เคยฟังข้อเท็จจริงจากประชาชนในพื้นที่เลย เป็นกระบวนการสอบข้อเท็จจริงที่ฟังความข้างเดียว จากบริษัท ทรานส์ ไทย - มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด 


 


วันนี้ (21 มิ.ย.) นางรอกิเยาะ  มะเด อายุ 43 ปี วาเรสหรือทายาทของผู้วะกัฟ  และ นายตะหา  สะเม๊าะ อายุ 75 ปี จึงมีโอกาสให้ปากคำต่อประธานฯ ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินวะกัฟจริง ส่งผลให้นายอาศีส  พิทักษ์คุมพล ยอมรับว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินวะกัฟจริง พร้อมทั้งยืนยันว่าตนเชื่อถือคำยืนยันของวะเระและพยาน ดังนั้นจึงยินยอมหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการทำหนังสือยืนยันต่อหน้าที่น้องประชาชนว่าจะประสานให้คณะผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักจุฬาราชมนตรี จัดการประชุมเพื่อแก้ไขคำวินิจฉัยดังกล่าว ภายใน วันที่ 10 กรกฎาคม 2551  โดยมีนายสมโชค  สุวรรณมาศ นายอำเภอหาดใหญ่ร่วมลงชื่อเป็นพยาน


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net