Skip to main content
sharethis

"สุริยะใส" ระบุ อย่ามองอภิปรายเขาพระวิหารเป็นเรื่องการเมือง เชื่อไม่กระทบสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา


นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ไม่อยากให้มองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องปราสาทเขาพระวิหารเป็นเรื่องทางการเมือง แต่อยากตั้งข้อสังเกตว่า หากปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชาจริง ทำไมต้องมาขออนุมัติจากไทย ทำไมไม่ยื่นให้กับองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเลย ทั้งนี้ เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาตามที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ชี้แจงในการอภิปรายในสภา แต่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของอดีตนากยรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ นายฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชามากกว่า


 


สำหรับในวันที่ 26 มิถุนายน ที่ศาลปกครองจะเปิดไต่สวนฉุกเฉิน กรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยื่นให้ศาลเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี ที่ลงนามสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเชาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น ถือเป็นชัยชนะเบื้องต้นของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ศาลสั่งให้นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ นำเอกสารที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาไต่สวน โดยเฉพาะกรณีพื้นที่ทับซ้อนที่เป็นข้อกังขาอยู่ในขณะนี้


 


"ผมคิดว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะซ้ำรอยกรณีการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตในปี 2549 ที่ศาลตัดสินให้ระงับการกระจายหุ้น โดยกรณีนี้ก็น่าจะตัดสินว่าเป็นมติที่ไม่ชอบตามกฎหมายเช่นเดียวกับความเห็นของพันธมิตรและหากศาลตัดสินเช่นนั้น รัฐบาลก็จะหมดความชอบธรรมในทางนิตินัยด้วย" นายสุริยะใส กล่าว


 


ที่มา: http://www.naewna.com


 


 


นายกฯเปลี่ยนใจสั่งทบทวนแผนที่เขาพระวิหาร


วันนี้(24มิ.ย.51) นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.มีมติให้ทบทวนมติครม.ครั้งที่แล้วกรณีเขาพระวิหารใน 2 ประเด็น ว่าด้วยการแถลงการณ์ร่วมและแผนที่แนบท้าย ตามที่นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศได้ลงนามไว้ โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้เปลี่ยนชื่อแผนที่เป็นแผนผังแทน โดยให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่ากรณีข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนอยากระบุให้ชัดเจน เมื่อขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกจะไม่ครอบคลุมถึงพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว เพราะคณะรัฐมนตรีห่วงว่า เมื่อประกาศเป็นพื้นที่มรดกโลกไปแล้ว พื้นที่ทับซ้อนจะถูกครอบคลุมไปด้วย โดยได้มอบหมายให้ นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการครม. นายสหัส บัณทิตกุล นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ยกร่างประเด็นหเล่านี้ให้ชัดเจนและรัดกุม เพื่อไม่ไห้เกิดปัญหาในอนาคต


 


ด้านนายสุวิทย์ เปิดเผยว่าหลังจัดทำร่างให้ชัดเจน จะนำเข้าเสนอต่อที่ประชุมครม.สัปดาห์หน้า ก่อนที่ออกหนังสือเวียนไปยังหน่วยราชการต่าง โดยการยกร่างมติครม.ใหม่ครั้งนี้ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบเรื่องดินแดนและอำนาจอธิปไตย


 


ขณะที่ ที่สำนักงานองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประจำประเทศไทย สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นำโดย ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต น.ส.รสนา โตสิตระกูล และนายประสาร มฤคพิทักษ์ รวมทั้ง นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ ยื่นหนังสือประธานคณะกรรมการมรดกโลก ผ่านยูเนสโกประจำประเทศไทย โดยร้องเรียนขอให้ชะลอการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อประเทศไทยจะมีเวลาในการเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถานร่วมสมัย ที่ตั้งอยู่ในส่วนของประเทศไทย เพราะปราสาทพระวิหารเป็นทรัพย์สินข้ามพรมแดน


 


ทั้งนี้ มีนายเชลดอล เชฟเฟอร์ ผู้อำนวยการยูเนสโกภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เป็นผู้รับหนังสือและรับปากว่าจะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการยูเนสโก สำนักงานใหญ่ ในบ่ายวันนี้ และจะส่งต่อไปยังคณะกรรมการมรดกโลกต่อไป


 


ที่มา: http://www.siamrath.co.th


 


 


 


อดีตที่ปรึกษา"ทักษิณ"ชี้แผนที่"นพดล"อ้างแค่แผนผัง


นักวิชาการ-ประชาชน ทำหนังสือค้านกัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก พร้อมเปิดประชาชนร่วมลงนามเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกก่อน 2 ก.ค.นี้ ด้าน "อดีตที่ปรึกษาทักษิณ" ชี้แผนที่เขาพระวิหารที่ "นพดล" แจงเป็นของปลอม ไม่มีพิกัดชี้ชัดเจน แฉเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อเปิดให้ ปตท.ขายน้ำมันในกัมพูชาได้


 


ที่สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  - เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 มิ.ย.นักวิชาการไทยและประชาชนชาวไทยนำโดย ม.ล.วัลย์วิภา จรุณโรจน์ นักวิจัย 9 สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมระดมสมองเพื่อร่าง "หนังสือคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา" พร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมลงนามหนังสือคัดค้านนี้ ก่อนนำยื่นต่อคณะกรรมการมรดกโลกผ่านยูเนสโก ประจำประเทศไทย เพื่อให้มีการเลื่อนการพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกตามข้อเสนอกัมพูชา ก่อนวันที่  2 กรกฎาคม นี้


 


นพ.ตุลย์  สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานสมัชชาประชาชนกรุงเทพ กล่าวว่า การประชุมวันนี้นักวิชาการและประชาชนมีข้อตกลงร่วมกันเพื่อส่งหนังสือถึงคณะกรรมการมรดกโลกผ่านยูเนสโก ประจำประเทศไทย โดยขอให้เลื่อนการพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกตามข้อเสนอกัมพูชา โดยจะนำยื่นเร็วที่สุดพร้อมกันนี้จะเปิดให้ประชาชนร่วมลงนามทั้งที่สถาบันไทยคดีศึกษา และมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เข้าร่วม แม้ว่าทางวุฒิสภาจะมีการดำเนินการรวบรวมรายชื่อประชาชนที่คัดค้านแล้ว แต่เรื่องนี้ถือเป็นอธิปไตย เป็นเรื่องของคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกัน เราคงยอมไม่ได้ และยังแสดงให้องค์กรระดับโลกรู้ว่า เขาพระวิหารยังมีปัญหาที่ขัดแย้งกันอยู่ อย่าได้นำไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพราะจะนำสู่ความขัดแย้งต่อไปได้


 


นพ.ตุลย์ กล่าวว่า การเซ็นหนังสือรับรองข้อตกลงร่วมให้กัมพูชาเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรงการต่างประเทศ จะทำให้ไทยเสียดินแดนในส่วนนี้ทันที เข้าข่ายการทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 แน่นอน แม้ว่านายนพดลจะบอกว่าไม่ใช่หนังสือสนธิสัญญาแต่เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาแล้ว ส่งผลให้ไทยเสียสิทธิ์ในการเรียกร้องอธิปไตยคืน และเรื่องนี้ทาง สว.อยู่ระหว่างการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป


 


ด้านนายชีวินทร์ ฉายาชวลิต อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยปทุมธานี อดีตอนุกรรมการกิจการพิเศษ และเป็นหนึ่งทีมคณะที่ปรึกษาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แผนที่เขาพระวิหารที่นายนพดล นำมาแสดงต่อสาธารณะ เชื่อว่าเป็นแผนที่ปลอม เพราะไม่มีระหว่างพิกัดและหลักฐานใดๆ  และเจ้ากรมแผนที่ทหารรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงการต่างประเทศเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ แต่กลับพูดคำเดียวกันหมดว่า ยอมรับแผนที่ที่กัมพูชานำมาให้เซ็นเท่านั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ทำไมต้องลงนามไปตามแผนที่ที่กัมพูชาเสนอมา ขณะที่แผนที่ของไทยกลับไม่มีการนำเสนอเลย อีกทั้งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครเห็นหนังสือเซ็นรับรองฉบับดังกล่าว ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด และที่ผ่านมามีความพยายามบอกว่า เขาพระวิหารเป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่พิพาท


 


"ขณะนี้ ปตท.ยังขายน้ำมันในกัมพูชาไม่ได้แม้แต่หยดเดียว ซึ่งผมเคยอยู่ในคณะที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ผมรู้ว่า หลังลงนามเรื่องนี้แล้ว ปตท.จะขายน้ำมันในกัมพูชาได้ ซึ่งผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ใน ปตท.เป็นคนดำเนินการให้" นายชีวินทร์ กล่าว และว่า ขณะนี้ก๊าซแอลพีจีในกัมพูชามีราคาแพงกว่าไทยถึง 3 เท่า จึงมีความพยายามในการผลักดันให้คนไทยหันมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีมากขึ้น และจะนำก๊าซแอลพีจีไปขายในกัมพูชาแทนเพราะได้กำไรมากกว่า ส่วนใครเป็นเจ้าของนั้นก็ต้องติดตามดูต่อไป


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมานายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีออกมากล่าวในรายการสนทนาภาษาสมัคร โดยระบุว่า พื้นที่เขาพระวิหารไทยแพ้คดีกัมพูชาแล้ว นายชีวินทร์ กล่าวว่า ท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่พูดรับรองสนับสนุนนายนพดลว่า ดินแดนเขาพระวิหารนี้ไทยเสียไปแล้วตั้งแต่ 45 ปี โดยย้ำไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ในการพูดออกทีวีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย. ผ่านมา เป็นการพูดไม่ตรงกับความเป็นจริงตามเอกสารโลก ดังนั้นการกระทำแบบนี้ของนายกรัฐมนตรีเท่ากับเป็นการล่วงละเมิดรัฐธรรมนูญบทแรก คือ อำนาจอธิปไตยและบูรณาเขตของรัฐไทย แบ่งแยกไม่ได้ ใครทำถือว่าเป็นกบฏต่อแผ่นดิน ซึ่งหากสมัยก่อนต้องประหาร 7 ชั่วโคตร ถ้าเป็นสมัยนี้น่าเป็น 9 หรือ 10 ชั่วโคตร


 


ขณะที่ นพ.ตุลย์ กล่าวต่อว่า หากเราไม่คัดค้านการนำเขาพระวิหารเสนอเป็นมรดกโลกของกัมพูชา เชื่อว่าผลจะเป็นเช่นเดียวกับกรณีแปรรูป ปตท. ซึ่งดูว่าปัจจุบันหุ้น ปตท.ส่วนใหญ่อยู่ในมือใคร เท่าไหร่ และกรณีเขาพระวิหารก็เช่นกัน หากเราไม่คัดค้านปราสาทเขาพระวิหารจะตกในมือกัมพูชาและให้ตามดูว่านักธุรกิจคนใดจะได้สิทธิ์ลงทุนในกัมพูชาส่วนใหญ่ไป เหมือนกับ10 คนแรกที่ถือหุ้นใหญ่ ปตท. เพราะจนถึงขณะนี้ก็ไม่เป็นที่เปิดเผย เป็นการใช้อำนาจการเมืองต่อรองให้ได้ทรัพย์สิน ถือเป็นรูปแบบใหม่ในการกอบโกยผลประโยชน์เข้าตนเองโดยอาศัยอำนาจของรัฐ


 


ส่วนท่าทีนายกรัฐมนตรีต่อเรื่องนี้เป็นการพูดอย่างไรก็ได้เพื่อให้ประเทศไทยเสียดินแดนไป ไม่ได้ศึกษาข้อเท็จจริงเหมือนที่นักวิชาการร่วมกันศึกษา อยากถามว่า นายกสมัครอายุเท่าไหร่แล้ว น่าจะรู้เหตุการณ์ในอดีตว่ามีการคัดค้านเรื่องนี้ขนาดไหน ทำไม่จึงละเลยตรงนี้ ในอดีตจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงเรื่องนี้ด้วยน้ำตา นายสมัครเคยมีน้ำตาแบบนี้หรือไม่ แต่กลับออกมาบอกว่า เราเสียดินแดนนี้ไป 40 กว่าปีแล้ว อยากถามว่า นายสมัครเป็นลูกผู้ชายไทยหรือไม่ และการที่อยากยกดินแดนให้กัมพูชานักหนา มีผลประโยชน์อะไร ดังนั้นนายกสมัครควรกลับตัวกลับใจ และหันมาช่วยกันเรียกร้องคัดค้านกันมากกว่า ไม่ใช่มายื่นเขาพระวิหารให้กัมพูชาแบบนี้


ที่มา: http://www.komchadluek.net


 


เขาพระวิหารเครียด กัมพูชาตรึงกำลัง ทหารไทย งง บัวแก้วไม่รีบชี้แจงให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น


ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองทัพไทยถึงกรณีปัญหาเขาพระวิหารว่า ขณะนี้ทางกองทัพได้ตรวจสอบอย่างละเอียดในเรืองเขาพระวิหารแล้ว ว่าข้อตกลงถือกระทรวงการต่างประเทศทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง  โดยเราไม่เสียเปรียบทางกัมพูชาเพราะที่ผ่านมาทางกัมพูชาพยายามจะขี่คอเรามาโดยตลอด มาครั้งนี้ถือว่า เราได้ปลดภาระปัญหาที่ทางกองทัพไม่สบายใจมาเป็นเวลาสิบกว่าปี  เพราะที่ผ่านมาเราไปเจรจาไม่สำเร็จ จนกัมพูชาจะนำขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และทางทหารก็ได้ใช้ความพายามกดดันกัมพูชามากว่า 1 ปี ในที่สุดใช้ไม้ตายขู่ว่าจะนำกำลังทหารขึ้นไปตรึงกำลังบริเวณเขาพระวิหาร ทำให้กัมพูชามีท่าทีอ่อนลง อย่างไรก็ตามทางกระทรวงการต่างประเทศ ก็ไม่ยอมให้กองทัพออกมาพูดอะไร ซึ่งไม่เข้าใจว่ากระทรวงการต่างประเทศทำอะไรอยู่จึงไม่ชี้แจงให้ชัดเจน เพราะถือว่าเป็นความสำเร็จของไทยแต่กลับทำให้เรื่องบานปลายจนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง


 


"เรื่องเขาพระวิหารถือว่าเราทำถูกต้องตามกฎหมาย โดยเราไม่เสียอะไร ที่ผ่านมาทางกองทัพสั่งให้กรมแผนที่ทหารตรวจสอบแผนที่ทุกตารางนิ้วอย่างละเอียด เพราะทหารคงไม่ยอมให้เสียดินแดน เนื่องจากทหารเราเป็นคนพิทักษ์แผ่นดินของเรามาตลอด เราจะไม่ยอมให้การเมืองมาใช้ผลประโยชน์จากตรงนี้ เพราะสมบัติของแผ่นดินจะยกให้ใครไม่ได้ หรือจะไปเล่นเกมการเมือกับใครก็คงไม่ได้  แต่ครั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศไม่รู้อมอะไรไว้ ถึงไม่ยอมพูด และไม่ยอมให้กองทัพออกมาพูดหรือชี้แจง  ซึ่งกองทัพหนักใจมาตลอดว่าปัญหาไม่คืบหน้า แต่ตอนนี้ถือว่าเราสบายใจแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องนี้ถูกนำไปเป็นประเด็นการเมือง  เพราะคนที่เล่นการเมืองขณะนี้ก็เป็นรัฐบาลเก่ามาก่อน แต่ไม่ออกมาพูดตั้งแต่สิบปีทีแล้ว เมื่อมาพูดตอนนี้เรื่องจึงยิ่งบานปลาย  ซึ่งขณะนี้มีกองทัพธรรมยาตราเดินทางขึ้นไปในพื้นที่   ทำให้กัมพูชาเกิดความหวาดระแวง และส่งทหารขึ้นมาตรึงบนเขาพระวิหารแล้ว ซึ่งเรื่องนี้อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และน่าอันตรายมาก"แหล่งข่าวระบุ


 


สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านหยิบยกประเด็นเรื่องปราสาทเขาพระวิหารมาอภิปรายนั้น แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าวว่า ผบ.เหล่าทัพ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ด้านการข่าวของแต่ละเหล่าทัพติดตามการอภิปรายชนิดคำต่อคำ เพื่อประเมินถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ทั้งนี้เท่าที่ได้ติดตามดูการชี้แจงของรัฐบาล โดยเฉพาะ นายสมัคร ตอบไม่ตรงประเด็น และยิ่งดูการอภิปรายของนายอภิสิทธิ์ ก็ยิ่งเห็นช่องโหว่ของรัฐบาลในการลงนามข้อตกลงเรื่องดังกล่าว



"ทหารในกองทัพเริ่มสงสัยว่าทำไมกระทรวงการต่างประเทศ ถึงได้แถลงข่าวเรื่องนี้ร่วมกับ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสนาธิการทหาร พล.ท.แดน มีชูอรรถ เจ้ากรมแผนที่ทหาร และ พล.ต.สุพจน์ ธำมรงค์รัตน์ รองเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้กองทัพออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทหารในกองทัพหลายคนถูกปิดปากไม่ให้พูดเรื่องนี้ ทำให้ทหารไม่มีใครกล้าออกมาพูดเพราะกลัวจะถูกโยกย้าย เพราะใกล้ถึงฤดูโยกย้ายทหาร" แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ระบุ


 


แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ยังตั้งข้อสังเกตว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ให้อำนาจ นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถ้าไม่มีอำนาจการลงนามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาจะต้องเป็นโมฆียะ คือการลงนามไม่มีผล นอกจากนี้แผนที่ที่พรรคประชาธิปัตย์นำมาเปิดเผยมันละอย่าง มันกลายเป็นว่าปราสาทเขาพระวิหารอยู่นอกเหนือคำพิพากษาของศาลโลก และประเด็นสุดท้ายเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางกัมพูชาจะเข้ามาปักฐานชั่วคราวได้อย่างไร ดังนั้นเชื่อว่าการพิจารณาของ ยูเนสโก ในเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้ คงไม่ยินยอมที่จะให้ปราสาทเขาพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลกแน่ เพราะขณะนี้ยังมีความขัดแย้งกันอยู่   อย่างไรก็ตามอยากให้จับตาดูการพิจารณางบประมาณประจำปี 2552 ของรัฐบาลนายสมัครให้ดี โดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงการท่องเที่ยว ที่อาจจะมีการทุ่มงบประมาณเข้าไปในพื้นที่ย่านฝั่งตะวันออก ในการสร้างถนน ตั้งแต่จว.ระยอง จันทบุรี และตราด เพื่อวิ่งเข้าไปที่เกาะกงของประเทศกัมพูชา


 


ที่มา: เว็บไซต์แนวหน้า         


 


ปชป.เปิดที่ปรึกษาก.ม.โยงผลประโยชน์ทับซ้อนกัมพูชา


"อลงกรณ์"เปิดหัวหน้าสำนักงานบริษัทที่ปรึกษากฎหมายมีเครือข่ายหลายประเทศ ตั้งข้อสังสัยเกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวกับยอมลงนามในข้อตกลงขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกหรือไม่


 


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรายบุคคล ครั้งที่ 6 สมัยวิสามัญ (เป็นพิเศษ ) ยังดำเนินต่อเนื่อง โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงอภิปรายเรื่องเขาพระวิหาร พร้อมกล่าวถึงเควิล แมคคาเรน หัวหน้าสำนักงานบริษัทที่ปรึกษากฎหมายมีเครือข่ายหลายประเทศ ซึ่งนายเควิล มีความเกี่ยวเนื่องอย่างไรกับพื้นที่ทับซ้อนของไทยกัมพูชา


 


นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า อยากให้ประชาชน และส.ส ตรวจสอบ คำพูดของรัฐมนตรีว่ากากระทรวงการต่างประเทศ ที่กล่าวยอมรับการเจรจาเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนพร้อมๆกัน ทั้งนี้คำเล่าลือที่เกาะกง พร้อมระบุว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลความจริง จึงไม่ไว้วางใจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว


 


ที่มา: http://www.komchadluek.net

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net