Skip to main content
sharethis

ที่ศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ (30 มิ.ย.) นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า คณะตุลาการมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ในการพิจารณาประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 30 ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมต่ออายุคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เมื่อ 30 มิ.ย.51 นั้น ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เนื่องจากเห็นว่าเป็นการให้ คตส.ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด และสะดวกในการดำเนินงาน


 


 


ทนายพันธมิตรร้องซักค้าน ยืนยันสิทธิชุมนุมตาม รธน.


วันนี้ (30 มิ.ย.) นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มอบหมายเสมียนทนายความ เข้ายื่นคำร้องซักค้านคำขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลแพ่ง รัชดาฯ กรณีที่คณะอาจารย์ ผู้ปกครอง และนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง รัชดาฯ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้กลุ่มพันธมิตรฯ ยุติการชุมนุมบริเวณถนนพิษณุโลก หน้าทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชุมนุมดังกล่าว


 


สำหรับคำร้องซักค้านดังกล่าวอ้างถึงเหตุผลการชุมนุมโดยใช้สิทธิเสรีภาพชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อเรียกร้องการตรวจสอบหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และมิได้มีเจตนากระทำการให้กระทบต่อสิทธิของผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม


 


โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นางวรรธนันท์ พรวนต้นไทร ร่วมกับอาจารย์โรงเรียนราชวินิตมัธยมรวม 10 คน และนายเมธี ใจสมุทร ทนายความ ได้เดินทางมาเข้ายื่นเพื่อฟ้องร้องกล่าวโทษต่อแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นจำเลย 1 ถึง 6 ตามลำดับ ที่ชุมนุมกีดขวางการจราจรบริเวณทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับการเดินทางของประชาชน โดยเรียกร้องขอให้รื้อถอนเวทีปราศรัย และขนย้ายสิ่งกีดขวางทั้งหมดที่ปิดกั้นถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก


 


นอกจากนี้ ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อให้รถโดยสารสามารถผ่านเข้าออกถนนดังกล่าวได้ และงดใช้เครื่องกระจายเสียงระหว่างเวลา 07.30-16.30 น. ในวันจันทร์ถึงศุกร์ รวมทั้งห้ามปราศรัยด้วยถ้อยคำหยาบคาย และขอให้จัดการกับสิ่งปฏิกูลอย่างมีระบบระเบียบ รวมทั้งขอให้จำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 6 ชำระค่าฤชาธรรมเนียม และค่าทนายความแทนโจทก์ทุกคน


 


โดยศาลนัดฟังคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในวันที่ 30 มิ.ย. เวลา 13.30 น. โดยคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว มีสาระสำคัญเช่นเดียวกับการขอให้ศาลมีคำสั่งในการไต่สวนฉุกเฉิน


 


 




พื้นที่ชุมนุมของพันธมิตรฯ ซึ่งศาลแพ่งมีคำสั่งให้เปิด ถ.พระราม 5 และ ถ.พิษณุโลก


ที่มา: ดัดแปลงจาก map.google.com ภาพต้นฉบับคลิกที่นี่


 


 


ศาลแพ่งมีคำสั่งพันธมิตรเปิดถนน พันธมิตรยังยื้อบอกรอผลซักค้าน


และเวลา 14.00 น. ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีที่ครูและผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม รวม 10 คน ยื่นฟ้อง 5 แกนนำพันธมิตรและนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร โดยศาลแพ่งมีคำสั่งให้พันธมิตรเปิดถนนบริเวณพระราม 5-ถนนพิษณุโลก ให้ประชาชนสัญจรได้โดยสะดวกและห้ามใช้เครื่องขยายเสียงในอันที่จะก่อความเดือดร้อนแก่ครู นักเรียน โรงเรียนราชวินิตฯ ในการเรียนการสอน ตั้งแต่วันจันทร์ - ศุกร์ ช่วงเวลา 07.30 น. -16.30 น. โดยคำสั่งศาลให้มีผลโดยทันที


 


ผู้สื่อข่าวแนวหน้า รายงานเมื่อเวลา 15.00 น. ว่าทันทีที่ศาลมีคำสั่ง บนเวทีพันธมิตรได้ทำการลดระดับเสียงของเครื่องขยายเสียงลงแต่ยังไม่ได้ทำการเปิดถนนตามคำสั่ง ซึ่งผู้ดำเนินรายการบนเวทีระบุว่าทางกลุ่มพันธมิตรกำลังรอผลการซักค้านที่ยื่นต่อศาลเช่นกัน


 


โดยเช้าก่อนที่จะมีคำสั่งศาลแพ่ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า หากศาลตัดสินอย่างไรคงต้องเป็นไปตามนั้น


 


 


คนแห่สั่งลา คตส. ที่ มธ. ส่วนเวทีสนามหลวงปราศรัยสาบส่ง


ส่วนที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันนี้ มีการอภิปรายเรื่อง "เงินแผ่นดินนั้นคือเงินของประชาชนทั้งชาติ ปัจฉิมบทของพันธกิจการตรวจสอบแทนประชาชน" ในวาระที่ คตส.สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ และส่งมอบงานให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก จนเต็มหอประชุมใหญ่ และได้เปิดหอประชุมเล็ก เพื่อให้ประชาชนได้รับฟังเวทีการอภิปรายครั้งนี้ด้วย พร้อมทั้งมีการแจกหนังสือปัจฉิมบท จำนวน 12,000 เล่ม ให้กับประชาชนที่มาร่วมงาน


 


ขณะเดียวกันกลุ่มสภาสนามหลวง ที่ปักหลักชุมนุมข้างสนามหลวง ได้ตั้งเวทีปราศรัยโจมตีการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส. ว่าเป็นพวกรับใช้เผด็จการ โดยขู่ที่จะเผาหนังสือสรุปผลงานของ คตส.ทิ้ง นอกจากนี้ยังมีการเตรียมโลงศพและดอกไม้จันทน์มาให้ คตส.


 


ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์ เดลินิวส์ และคมชัดลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net