Skip to main content
sharethis

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมชาวมองโกเลียจำนวนกว่า 8,000 คน พากันรวมตัวประท้วงที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานใหญ่ของพรรคการปฏิวัติของประชาชนชาวมองโกเลียหรือเอ็มพีอาร์พี ในกรุงอูลาน บาตอร์ เมืองหลวงของมองโกเลีย ก่อนจุดไฟเผาสำนักงานใหญ่ของพรรคเอ็มพีอาร์พี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และก่อเหตุจลาจล รวมทั้งปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อช่วงดึกของวันอังคารที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน บาดเจ็บ 329 คน ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 108


นาย และประชาชจำนวน 221 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้ถูกตำรวจจับกุมไปอีกกว่า 700 คน  รายงานยังระบุว่า ในจำนวนผู้บาดเจ็บมีผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น รวมอยู่ 1 คน



กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าว เป็นกลุ่มที่สนับสนุนพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของมองโกเลีย ได้เคลื่อนขบวนมาจากบริเวณหน้าสำนักใหญ่ของพรรคเดโมแครต  ก่อนที่จะมารวมตัวประท้วงที่หน้าที่ทำการพรรคเอ็มพีอาร์พี โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประท้วงว่า พรรคเอ็มพีอาร์พีทุจริตเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์นี้ ด้วยการซื้อเสียง จนได้รับชัยชนะกวาดส.ส.มาได้ 41 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งสิ้น 76 ที่นั่ง


 


ด้านประธานาธิบดีมองโกเลีย นามบาริอิน เอนคบาบาร์ ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 4 วัน ขณะที่นักลงทุนคาดว่า การจลาจลที่เกิดขึ้นคราวนี้ น่าจะทำให้การเจรจาลงทุนในแหล่งถ่านหิน แร่ยูเรเนียม และทรัพยากรธรรมชาติ ในบริเวณที่ราบและทะเลทรายของมองโกเลียคงล่าช้าออกไปอีก


 


สถานีโทรทัศน์ของมองโกเลียรายงานว่า "ประธานาธิบดีได้ประกาศภาวะฉุกเฉินตามรัฐธรรมนูญ ... โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 23.30 น. ของวันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป เป็นเวลาทั้งสิ้นสี่วัน"


 


ตามประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าว ห้ามไม่ให้มีการประท้วงใด ๆ ทั้งสิ้น และให้อำนาจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าระงับการประท้วงโดยใช้กำลังได้ นอกจากนั้น ยังมีการประกาศเคอร์ฟิวในบริเวณพื้นที่ใจกลางเมืองหลวง ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึง 20.00 น. รวมทั้งห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย


 


ทั้งนี้ ตำรวจปราบจลาจลได้ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่พวกผู้ประท้วงในคืนวันอังคาร(1) แต่ต้องประสบความยากลำบากในการควบคุมฝูงชนซึ่งพากันขว้างปาก้อนหินเข้าใส่ และเผารถยนต์ โดยผู้ประท้วงจำนวนเรือนพันชุมนุมกันอยู่ที่จตุรัสกลางกรุงอูลานบาตอร์ และต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันพุธ


 


ผู้เห็นเหตุการณ์รายงานว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ต่อมาในเวลาราวตีสามสถานการณ์ก็เข้าสู่ความสงบ หลังจากที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถหุ้มเกราะเข้าไปขับไล่กลุ่มผู้ชุมนุมจนแตกกระจายกันไป


 


ส่วนที่ทำการพรรคปฏิวัติของประชาชนมองโกเลีย (เอ็มพีอาร์พี) อันเป็นพรรครัฐบาล ซึ่งได้ถูกเผานั้น เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้ โดยสถานีโทรทัศน์ได้รายงานข่าวนายกรัฐมนตรีซันจากีอิน บายาร์ขณะกำลังตรวจอาคารที่ทำการพรรคซึ่งยังคงมีควันไฟคุกรุ่นและพนมมือสวดมนต์ ขณะเดียวกันบริเวณที่ทำการของรัฐบาลก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยเฝ้าระวังอย่างแน่นหนา


 


ด้านคณะกรรมการการเลือกตั้งมองโกเลียจะต้องส่งรายงานผลการลงคะแนนเลือกตั้งที่มีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ หลังจากที่ได้แจ้งผลการเลือกตั้งเบื้องต้นไปแล้วว่า พรรคเอ็มพีอาร์พีนั้นครองเสียงข้างมากอย่างชัดเจนในรัฐสภาซึ่งมีทั้งสิ้น 76 ที่นั่ง


 


บายาร์ไซคาน รองประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งทั่วไปของมองโกเลียให้คำมั่นว่าจะดำเนินการนับคะแนนเลือกตั้งต่อไป และกล่าวว่า "ภาวะฉุกเฉินไม่มีผลกระทบต่อการทำงาน (ของคณะกรรมการฯ) นับคะแนนการเลือกตั้ง เราหวังว่าจะรู้ผลทั้งหมดภายในวันนี้"


 


แต่ ทซัคฮิอากีอิน เอลเบกดอร์จ ผู้นำพรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ได้ปฏิเสธผลการนับคะแนนดังกล่าว อีกทั้งยังได้เรียกตัวผู้สมัครเลือกตั้งของพรรคจากทั่วประเทศให้เข้าไปยังกรุงอูลานบาตอร์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้ง ทว่าผู้สังเกตการณ์ต่างชาติกล่าวว่า โดยรวมแล้วการเลือกตั้งเป็นไปอย่างอิสระและยุติธรรม


 


สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงอูลานบาตอร์แสดง "ความห่วงใยอย่างยิ่ง" ต่อเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นและเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน


 


ส่วนนักวิเคราะห์และพวกผู้บริหารธุรกิจต่างชาติในมองโกเลียไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด โดยระบุว่าการประท้วงไม่ได้รับการสนับสนุนจากชาวมองโกเลียส่วนใหญ่ และยังเปรียบเทียบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตยในช่วงเริ่มต้น ซึ่งก็เหมือนอาการเจ็บปวดของเด็กในเวลาที่มีฟันงอกนั่นเอง


 


ด้านนักลงทุนต่างคาดหวังว่ารัฐบาลเสียงข้างมากจะเข้ามาแก้กฎหมายเหมืองแร่ที่ล่าช้ามานาน และผ่านร่างข้อตกลงการลงทุนเพื่อเปิดทางให้เดินหน้าโครงการเหมืองทองแดงและเหมืองทองโอยู โทลโกอิ ในทะเลทรายโกบีได้ ขณะที่ไอแวนโฮ ไมนส์ และริโอ ตินโต ซึ่งเป็นบริษัทผู้ดูแลโครงการ ระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวจะเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของมองโกเลียราว 34 เปอร์เซ็นต์ และจะปูทางไปสู่ข้อตกลงในการนำเอาทรัพยากรอื่นๆ ขึ้นมาใช้ประโยชน์ต่อไปด้วย


 


นายเซนด์ มังห์ ออร์กิล รัฐมนตรียุติธรรมของมองโกเลีย เปิดเผยว่า ทางการยังได้สั่งการให้ทหารและกองกำลังติดอาวุธต่างๆ  เตรียมพร้อม รวมทั้งให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในประเทศอย่างเข้มงวด  ตลอดจนให้เพิ่มเจ้าหน้าที่จัดชุดลาดตระเวนตามแนวพรมแดนด้วย เพื่อป้องกันเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net