Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เปลวไต้


 


 


การทำร้ายกันด้วยความเกลียดชังภายในเผ่าพันธุ์คนไทยด้วยกันได้ลามขยายออกต่างจังหวัด ถึงปางตายแล้วที่อุดรธานี ซึ่งคนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถูกตีโดยกลุ่มคนรักอุดร นำโดย นายธีระพันธ์ เสนแก้ว น้อง ส.ส.พรรคพลังประชาชน


 


แม่ทัพใหญ่ซึ่งปลุกเร้าผู้ชุมนุมที่สะพานมัฆวาน จนผู้ชุมนุมตะโกนรับ ให้ "ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน" ที่หลายคนคงได้ยิน หลายครั้ง นับเป็นความสำเร็จในการเรียกร้องการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ขั้นแตกหักของแม่ทัพที่กรุงเทพฯ


 


ขุนพลใหญ่คงยิ้มออก ว่า "เราชนะแล้ว" ศัตรูกำลังฆ่าตัวเองเหมือนตอนเคลื่อนมวลชนเมื่อเดือนพฤษภา ท่ามกลางความไม่รับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลไกรัฐทั้งหมด


 


ภายใต้ความต้องการหลากหลายและสิ่งสนองตอบมีจำกัด การใช้อำนาจจัดสรรแบ่งปันเป็นสิ่งจำเป็นด้วยความดีงาม ไม่ใช่เพื่อตอบสนองผู้นำที่กระหายอำนาจใช้แนวทางรุนแรงไปสู่ความสำเร็จ เลือดเนื้อของมวลชนเป็นเม็ดทรายถมเป็นทางเดินสู่อำนาจของผู้นำ


 


ชีวิตเดียวของมวลชนที่สูญเสียมีคุณค่ามากกว่าตัวผู้นำทั้งหลาย และผู้เหนือมนุษย์ ผู้ที่ดีกว่าเหล่านี้ตลอดชีวิตไม่เคย "เป็นเม็ดทรายถมกายเพื่อมวลชน" ฤาชีวิตของมวลชนต้องเป็นเม็ดทรายถมกายเป็นทางเดินให้ท่านผู้นำเท่านั้น


 


ล่าสุดแม่ทัพใหญ่ของขุนพลนอกจากเป็นความถูกต้องแล้วยังเป็น "ความยุติธรรม" อีกด้วย และเป็นความจำเป็นของภาคประชาชน(สถาบันหลัก) ที่ต้องมีแม่ทัพใหญ่ (ที่ถูกถีบตกจากขบวนทุนนิยมโลกาภิวัตน์) เป็นผู้นำในการกู้ชาติ


 


การใช้ฐานะ(อำนาจ) เป็นความจำเป็นต่อการจัดสรรสิ่งที่มีจำกัดเพื่อสนองตอบต่อความจำเป็นในการดำรงชีวิต (ปัจจัยสี่) และสิ่งที่คิดว่าเพิ่มความสุขให้แก่ชีวิต เงิน อำนาจ ฐานะ ชื่อเสียง เกียรติยศ ต่างไปตามลำดับชั้นทางสังคม


 


จากการจัดสรรโดยผู้นำที่มีกำลังเหนือกว่าคู่ต่อสู้ การอ้างอำนาจจากภูตผีปีศาจ เป็นตัวแทนเทพเจ้า และรื้อคืนอำนาจที่มาจากประชาชนตั้งแต่ 2475 มาเป็นอำนาจสัมบูรณ์เหนือเทพราช


 


ความเข้มแข็งจำเป็นต้องพิทักษ์ผู้ที่อ่อนแอกว่า และทำให้ผู้ที่ได้เปรียบยอมรับในคุณค่าและความเท่าเทียมของสมาชิกในสังคม ซึ่งต้องปฏิบัติตาม (อยู่ใต้) กฎหมายไม่ว่าฐานะและชาติกำเนิดใด



คุณค่าของแต่ละสมาชิกในสังคม อยู่ที่คุณงามความดี และการไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน อำนาจหลักในปัจจุบันล้วนยังไม่ลงตัวทั้งสิ้น


 


อำนาจในการบัญญัติกฎหมายของผู้แทนประชาชนกำลังถูกเบียดขับรื้อคืน จากพลังอนุรักษ์ บารมี อำนาจ และความด้อยพัฒนาของผู้ที่ประชาชนเลือก


 


ผู้ใช้อำนาจบริหาร กำลังถูกบ่วงกรรมจากการจัดซื้อ สัญญาโครงการ นโยบายที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน ถูกจัดเป็นพวกไม่รักชาติ ไม่ยึดจารีต พวกกร่าง เกเรทั้งครอบครัว และการจัดแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัว


 


เมื่อฝ่ายนิติบัญญัติ และบริหาร สร้างความลงตัวสมประโยชนไม่ได้ ความตึงเครียดขัดแย้งของสังคมผลักให้ตุลาการเข้าไปแก้ไข แทนการใช้กำลังตัดสินบนท้องถนน แต่การยึดโยงกับประชาชนเรื่องที่มาของอำนาจ ก่อให้เกิดความไม่แน่ใจมาตั้งแต่ปี 2497 และบทบาทปัจจุบันที่ก้าวเพิ่มไปใช้อำนาจนิติบัญญัติและบริหารด้วยตัวเอง สั่นคลอนต่อการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจเป็นอย่างมาก


 


หลังจากขบวนการต่อสู้ที่ผู้คนอุทิศชีวิตให้ล้มทั้งทางสากล และท้องถิ่น การยอมร่วมอยู่ในแผ่นดินเดียวกันที่ทุกคนเป็นเจ้าของ ยอมรับฐานะนำเหนือกว่าของผู้ที่ตนต่อสู้ และเวทีประชาธิปไตยจากการเลือกตั้ง ซึ่งทุนนิยมใหม่ที่มี "ทักษิณ" เป็นศูนย์กลางเข้าร่วมขบวนทุนโลกาภิวัตน์ได้ แกร่ง และได้รับความนิยมสามานย์พอที่จะท้าทายต่อพลังอนุรักษ์ได้อย่างมาก มีอำนาจต่อรอง แต่ฐานะยังไม่เหนือกว่า


 


การคืนกลับสู่อำนาจผ่านตัวแทนต้องเผชิญการต่อต้านจากพลังอนุรักษ์และผู้เลือกข้างกลับหัว ชนิดกดหัวไม่ยอมให้เหนือกว่า การขับเคลื่อนมวลชนกดดันบนท้องถนน เป็นสงครามแห่งความเกลียดชังที่ผู้คิดต่างคือศัตรู เพราะการปะทะแตกหักมีมากว่าสองฝ่ายไม่ได้


 


การเมืองภาคประชาชนที่เน้นการมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจของประชาชนโดยตรง ไม่มีการจัดตั้ง กดดันต่อรองโดยไม่ยึดอำนาจรัฐ คู่ขนานกับการเมืองที่มีผู้แทนจากการเลือกตั้งตามฉันทานุมัติของประชาชนในภาครัฐนั้น กลับถูกจัดตั้งและระดมคนเข้าร่วมเพื่อรื้อคืนอำนาจ ในมายาภาพของการกู้ชาติ อำนาจสัมบูรณ์ ก่อนเจ็ดสิบหกปีศักดิ์สิทธิเหนือความผิด ทำให้ชาติอยู่รอดได้ ไม่ใช่คุณค่าของตัวประชาชนเอง


 


มวลชน "ตายเป็นตาย" ผู้เข้าร่วมการต่อสู้ "เจ๊งเป็นเจ๊ง" (ไม่มีเวลาทำมาหากิน) ทุกคน "เป็นเม็ดทรายต้องถมกายเพื่อการเมืองใหม่ 30:70" โดยการนำของผู้ถูกถีบตกจากทุนโลกาภิวัตน์ มีผ้าพันคอเป็นสัญลักษณ์ การปะทะทุบตีของนักรบอาสา ผู้พิทักษ์ด้วยความเกลียดชัง เริ่มในหลายพื้นที่


 


ขณะที่ผู้เป็นศูนย์กลางรอผลจากสงครามมวลชนกดดันต่อรอง ผู้นำด้านความคิดภักดีศรัทธาจะได้รับชัยชนะ โดยต้องใช้ต้นทุนสูงมาก แต่อีกฝ่ายคำนวณว่ารอการเปลี่ยนแปลงตามกฎธรรมชาติน่าลงทุนและทำกำไรมากกว่า รอผลสงครามตัวแทนกดดันยอมรับฐานะอยู่ร่วมกันได้ ด้วยต้นทุนจากชีวิตเลือดเนื้อของนักรบอาสาที่ปลุกขึ้นมารบแทนนักรบจริงเพื่อวัดศักยภาพและความภักดีของมวลชน


 


แม่ทัพใหญ่ที่รบไปโดยการกู้หนี้ยืมสินใช้ต้นทุนผู้อื่น รู้ดีว่าถ้าไม่ขึ้นเอง ล้มละลายแน่นอน การจัดทัพพลังประชาชนภาครัฐให้ข้าราชการและพนักงานภาครัฐเข้าร่วมจึงถูกประกาศออกมาประกอบด้วยแม่ทัพนายกองที่ไขไปสู่ผู้เกี่ยวโยงได้ไม่ยาก


 


เลือดเนื้อชีวิตของมวลชนนักรบอาสามีคุณค่าเกินกว่าจะเหนื่อยยากทรมาน และตายแทนนักรบตัวจริง รวมถึงแม่ทัพนายกองทั้งหลาย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net