Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. คณะกรรมการประสานงาน องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคอีสาน (กป.อพช. ภาคอีสาน) ออกแถลงการณ์คัดค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ หยุดวิกฤตความรุนแรง โดยมีเนื้อความว่า


ตามที่ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดจำนวนมากได้รวมตัวกันออกมา ใช้สิทธิและเสรีภาพในการจัดชุมนุมภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ อย่างสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธ เพื่อ วิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานรัฐบาลที่ผิดพลาด หลายกรณี อาทิ การ ทุจริต คอรับชั่น การโกงการเลือกตั้ง การกระทำที่ผิดกฎหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่เป็นเรื่องเฉพาะตน และเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารงานของแผ่นดิน จนอาจสูญเสียอธิปไตยของชาติ โดยมิได้สำนึกถึงความรับผิดชอบใดๆ


แต่ขณะเดียวกัน กลับพยายามกระทำการ ปกปิด บิดเบือน ซ่อนเร้นช่วยเหลือกันเอง  ด้วยการพยายามที่จะแก้ไขกฎหมาย รัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่น เพื่อให้พรรคพวกตนเองพ้นผิด รวมทั้งการพยายามที่จะใช้กฎหมู่พวกมากลากไป ด้วยการใช้ สส.และ สว.ในอาณัติของตนเข้าชื่อกัน เสนอถอดถอน องค์กรอิสระ เช่น คตส. ปปช และศาล ที่จะมีผลต่อคดีความของตน ก่อนที่จะมีการตัดสิน อันถือเป็นความย่ามใจที่จะใช้อำนาจเชิงระบบที่ตนเองถือครองอยู่มาทำลายกระบวนการยุติธรรมอย่างโจ่งแจ้ง


แต่การใช้สิทธิดังกล่าวของประชาชน กลับถูกรัฐบาลที่อ้างว่าได้รับการเลือกตั้งมาด้วยคะแนนเสียงจากภาคประชาชนในชนบทอย่างท่วมท้นและเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ได้ใช้วิธีการให้ ส.ส.พรรครัฐบาล และนักการเมืองท้องถิ่น ตลอดจนแนวร่วมประชาชน ที่สนับสนุนพรรคพลังประชาชนกระทำการจัดตั้งกลุ่มอันธพาลการเมืองมาขับไล่ ทำร้ายร่างกายด้วยการรุม ทุบตีและถึงขั้นพยายามฆ่าประชาชนที่มาร่วมชุมนุม ตลอดจนได้ทำลายทรัพย์สินที่ใช้จัดเวทีด้วยอาวุธหลากหลายชนิด อาทิเช่น มีด ขวาน ค้อน ไม้หน้าสามตอกตะปูโผล่ปลายแหลม ท่อนเหล็ก ก้อนหิน และลูกหิน โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและข้าราชการฝ่ายปกครองได้วางเฉยเสมือนสมรู้ร่วมคิด หรือรู้เห็นเป็นใจปล่อยให้อันธพาลของรัฐบาลทำร้ายร่างกายประชาชนอย่างโหดเหี้ยมซึ่งหน้า ที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดด้วยรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน ทั้งในกรุงเทพมหานครและ ต่างจังหวัด ภาคเหนือและอีสานที่เป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรค.ตนฯลฯ


การทำร้ายข่มขู่ ข่มเหง รังแก กลั่นแกล้ง จากแก๊งค์อันธพาลอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดเช่นนี้ จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่า เป็นการก่อกรรมทำชั่วของแก๊งอันธพาลของรัฐบาลดังกล่าวที่ได้รับการสนับสนุน ส่งเสริม คุ้มครองป้องกันจากรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ จากนักการเมืองพรรคพลังประชาชนทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น


การทำร้ายรังแกข่มเหงประชาชนโดยผิดกฎหมาย เพื่อสร้างสถานการณ์สงครามการเมือง ที่เป็นอันตรายร้ายแรงอย่างยิ่ง ต่อประเทศชาติ ทั้งนี้เพียงเพื่อการปูทางให้เกิดสถานการณ์รุนแรงอันจะนำไปสู่เหตุผลในการรัฐประหารตัวเองเพื่อตนเองและคณะบริวารจะได้กลับมามีอำนาจใหม่แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นหนทางเดียวที่พวกตนจะได้พ้นผิดตามไปด้วยในที่สุด


ดังนั้นคณะกรรมการประสานงาน องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคอีสานจึงเห็นควรแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังนี้


1. เราขอประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบรวมทั้งการทำร้ายร่างกายดังที่เกิดขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม2551 ที่อุดรธานี และก่อนหน้านั้นว่าเป็นพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนอำมหิตเยี่ยงมนุษย์ผู้กระหายเลือด ไม่ต่างจากที่เคยเกิดขึ้นในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 อันเป็นพฤติกรรมที่วิญญูชนผู้มีความเป็นมนุษย์ที่แท้ไม่พึงกระทำหรือสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำ


2 เราขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกส่วนราชการตลอดจนองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง มีความกล้าหาญทางจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยเราเห็นว่าการใช้ความรุนแรงในสังคมไทยจะลดน้อยลงหรือหมดไปได้ก็ต่อเมื่อมีการใช้อำนาจรัฐในการจัดการกับผู้มีส่วนในความรุนแรงตามกระบวนการยุติธรรมอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมาทั้งผู้มีบทบาทอยู่เบื้องหลัง ผู้เข้าร่วมกระทำการรุนแรงตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐที่เพิกเฉยละเลยการปฏิบัติหน้าที่


3.เราขอคัดค้าน ความพยายามใดๆที่นำไปสู่การแก้ไขกฎหมาย รัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่น เพื่อให้พรรคพวกตนเองพ้นผิด รวมทั้งการพยายามที่จะใช้กฎหมู่พวกมากลากไป ด้วยการใช้ สส.และ สว.ในอาณัติของตนที่จะเข้าชื่อกันเสนอถอดถอนองค์กรอิสระ เช่น คตส. ปปช. และศาล ที่จะมีผลต่อคดีความของตน ก่อนที่จะมีการตัดสินตามกระบวนการยุติธรรม อย่างถึงที่สุด


4..ขณะเดียวกันประชาชนผู้รักชาติ มีอำนาจตามกฎหมายและมีความชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ตามระดับความรุนแรง ที่เกิดขึ้นได้อย่างสมควรแก่เหตุ


5.ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ยอมทำหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน ประชาชนมีอำนาจที่จะป้องกันตนเองให้พ้นจากอันตรายได้ตามกฎหมาย ตามระดับของความรุนแรงที่เกิดขึ้น และในกรณีที่เป็นภัยใกล้เป็นอันตรายต่อชีวิต ก็มีอำนาจป้องกันตัวเองได้ทุกรูปแบบตามสมควรแก่เหตุ เพื่อป้องกันเหตุร้ายดังกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net