ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข
ไม่ใช่เรื่องยากเกินคาดเดา ในผลคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งที่ให้ใบแดงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของยงยุทธ ติยะไพรัช และก็ไม่ได้ทำให้แปลกใจไปนักกับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาสนับสนุนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ถือเป็นสนธิสัญญาที่ต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภา
ไม่มีความแปลกใจ มีแต่การเมืองที่ไม่ชัดเจนและคลุมเครืออีกนานต่อจากนี้
คดี "ใบแดงยงยุทธ" นั้น อย่างที่รู้กันดีว่า จะปูทางไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชน คล้ายๆ ชะตากรรมของพรรคการเมืองอื่นๆ ที่โดนและกำลังจะโดนต่อจากนี้
คดี "แถลงการณ์ร่วม" อาจจะส่งผลทางการเมืองอยู่บ้างเมื่อมีใครยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรี ทว่าผลกระทบเรื่องอื่นๆ อาจจะกว้างใหญ่ไพศาลกว่า เพราะมันเกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยในสายตาโลก รวมถึงส่งผลต่อประสิทธิภาพและการบริหารงานรัฐในยุคโลกาภิวัตน์
ทั้งสองคดี ผมไม่มีข้อสงสัยเรื่องคำตัดสินของศาล ผมเองก็เห็นตามเกือบทุกประเด็น แต่เราก็อาจจะเชื่อได้ไม่ยากว่า ในทางส่วนตัวแล้ว ผู้พิพากษาในฐานะประชาชนคนหนึ่งเองก็อาจจะไม่ได้เต็มใจให้คำพิพากษาออกมาส่งผลกระทบกว้างขวางออกไปก็ได้ เพียงแต่เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะชะตากรรมเหล่านี้ถูกกำหนดมาด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญแล้ว ศาลท่านจะอย่างไรก็ต้องทำตามกฎหมาย
อำนาจอธิปไตยนั้นเป็นของประชาชนทุกคน กระนั้นไม่น่าเชื่อว่า การซื้อเสียงและการทุจริตของเสียงไม่กี่ราย มีผลบดบังเจตจำนงเสรีของคนหย่อนบัตรที่เหลือในเขตนั้น กล่าวอีกอย่างก็คือ เสียงที่ถูกซื้อไม่กี่เสียง มีผลให้เสียงและการใช้อำนาจของเจ้าของประเทศที่เลือกด้วยความบริสุทธิ์ใจอีกมากกว่ามากต้องไร้ความหมายไปด้วย
ยังไม่นับว่า พรรคการเมืองซึ่งเป็นที่รวมของความคิด อุดมการณ์ทั้งปวง กระทั่งในทางหลักการนั้น อาจเป็นแหล่งของสัจจะ เป็นทางออกของโลก เป็นที่ริเริ่มของยุคพระศรีอารยิ์ (คงจะมีสักวันแหละน่า) ก็อาจจะต้องถูกบั่นและไม่มีโอกาสได้เกิด เพียงเพราะคนบางคนในพรรคทุจริต
กฎหมายที่ดีบางข้ออย่างมาตรา 190 อาจจะส่งผลเหมารวมในทุกกรณีให้กับการทำงานที่เหลือของรัฐในการเจรจาและตกลงระหว่างประเทศ กระทั่งในหลายกรณี อาจจะลดทอนรัฐบาลให้เหลือคุณค่าเพียงบุรุษไปรษณีย์ของฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ
ไม่รู้จะมีรัฐบาลไว้ทำไม
นี่ไม่ใช่เรื่องของพรรคพลังประชาชนและรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำ พูดตามจริง ผมห่วงพรรคประชาธิปัตย์ที่อาจจะมาเป็นรัฐบาลต่อจากนี้มากกว่า เพราะต่อให้เป็นรัฐบาลเพราะไม่เหลือใครจะเป็นแล้ว ก็เป็นได้อย่างมากแค่ลูกไล่ระบอบอำมาตย์ฯ และต้องเชื่อตามข้าราชการทั้งหลาย ทั้งยังต้องทำงานตามลำดับขั้นแบบราชการ แล้วเอานโยบายที่ได้สัญญาหรือเป็นประโยชน์กับประชาชนแต่ไม่สบอารมณ์ของข้าราชการทั้งหลายเก็บเข้าลิ้นชัก ไม่เช่นนั้นก็ย่อมมีชะตากรรมแบบพลังประชาชน
ไม่ว่าจะอย่างไร คงต้องยอมรับว่า การเมืองยุคนี้เป็นยุคที่มีการตรวจสอบนักการเมืองเข้มแข็งที่สุด ละเอียดถี่ยิบที่สุด
เข้มแข็งชนิดที่ต้องเอาเงินภาษีของประชาชน เอาโอกาสและความเจริญ (ไม่ว่าจะชนิดไหน) เอาความเป็นธรรม เอาความอยู่ดีกินดี และทรัพยากรทั้งหมด มาลงทุนออกแบบระบบตรวจสอบด้วยเงินหมื่นแสนล้าน เพียงเพื่อป้องกันคนทุจริตบางคนขโมยกระดาษ A4 แค่รีมเดียว
ถูกกฎหมาย ถูกรัฐธรรมนูญ สุจริต เชิดชูคุณธรรม แต่อาจจะไม่ได้หมายถึง "ความเป็นธรรม" ก็ได้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)