Skip to main content
sharethis

บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ หลังแกนนำพันธมิตรประกาศนัดชุมนุมใหญ่ วันที่ 26 สิงหาคม นั้น


 


 


พิภพปัดชุมนุมใหญ่วันเกิด "ป๋า"


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 สิงหาคม นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรกล่าวถึงประกาศเป่านกหวีดนัดชุมนุมใหญ่วันดังกล่าวว่า สิ่งที่เป็นเครื่องชี้วัดในการประกาศชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรคือ รัฐบาลต้องลาออก และต้องดูสถานการณ์เนื่องจากขณะนี้มีความชัดเจนว่า ในวันที่ 17 กันยายน รัฐบาลพยายามแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 309 แต่การชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรครั้งนี้ยืนยันจะชุมนุมอย่างสันติ ขณะนี้ทางแกนนำหารือกันแล้วว่า จะเคลื่อนขบวนไปยังจุดใด แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้


 


เมื่อถามว่าเหตุใดถึงเลือกวันที่ 26 สิงหาคมชุมนุมใหญ่ ซึ่งตรงคล้ายวันเกิดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นายพิภพกล่าวว่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น แต่สาเหตุเป็นเพราะรัฐบาลใช้จ่ายงบประมาณและมีโครงการเมกะโปรเจ็คต์ที่ไม่จำเป็น ไม่ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงให้จ่ายงบประมาณอย่างเหมาะสม ดังนั้น จึงต้องหาทางยับยั้ง นอกจากนี้นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังมีความพยายามผลักดันให้กรมสรรพากรคืนเงินที่อายัดไว้ให้กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ลูกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี


 


 


แย้มใช้ 3 แผนไล่-อารยะขัดขืนขั้นสูงสุด


นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร กล่าวว่า จากการประสานงานกลุ่มพันธมิตรทั่วประเทศ คาดว่าจะคนเข้าร่วมอย่างน้อย 5 แสนคนจากทั่วประเทศในลักษณะกองทัพมด คือ บางคนต่างมา เชื่อว่าหากไม่ถูกสกัดกั้นอาจมีคนเข้าร่วมถึง 1 ล้านคน เช็คความรู้สึกประชาชนอยากมีส่วนร่วมเพราะสถานการณ์เริ่มสุกงอม ซึ่งต้องขออภัยพี่น้องชาว กทม.ที่ต้องเดินทางใน 5 เส้นทาง และควรหลีกเลี่ยงใน 5 เส้นทาง ดังนี้ ถนนราชดำเนินทั้งเส้น ถนนอู่ทองใน ถนนราชวิถี ถนนศรีอยุธยา ถนนพิษณุโลก และถนนสามเสน แม้ไม่มีการปิดจราจรแม้มีคนมากก็ทำให้จราจรติดขัด ในส่วนแผนยุทธวิธีปฏิบัติต้องรอ 5 แกนนำพันธมิตร แถลงแนวทางต่อไป


 


นายสุริยะใสกล่าวว่า ยุทธการจะมีใน 3 ลักษณะ คือ 1.ดำรงขับไล่รัฐบาล ไม่ชนะไม่กลับ 2.ยึดมั่นอหิงสาสันติวิธีปราบจากอาวุธไม่มีความรุนแรง 3.เป็นอารยะขัดขืนขั้นสูงสุด เป็นการดำเนินการไม่เคยในสังคมไทยมาก่อน แต่จะใช้ครั้งนี้ ที่ทำครั้งนี้เพราะรัฐบาลไม่ยอมจำนน และยังใช้กลไกบีบคั้นธนาคารพาณิชย์


 


 


ใช้แผนปิดเส้นทาง 4 ภาค


เมื่อวันที่ 24 ส.ค. นายทวีศักดิ์ สุขรัตน์ แกนนำกลุ่มพันธมิตร จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ประชุมด่วนแกนนำและผู้ประสานกลุ่มพันธมิตรใน 14 จังหวัดภาคใต้ รวมทั้ง จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เพชรบุรี กำหนดรูปแบบเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล มีมติในที่ประชุมให้แกนนำทั้ง 16 จังหวัด นำกลุ่มมวลชนไปรวมตัวที่จุดนัดหมายเวลา 17.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม ที่ซุ้มป้ายต้อนรับประตูสู่ภาคใต้ ถนนทางหลวงเอเชีย 41 บริเวณเขาพาง ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ รอยต่อกับ ต.หาดพันไกร อ.เมือง จ.ชุมพร จากนั้นช่วงเช้าวันที่ 26 สิงหาคม ให้รอฟังสัญญาณเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อเข้าปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล โดยปิดเส้นทางการจราจรทั้ง 4 ช่องจราจรบนถนนเอเชียพร้อมกัน ซึ่งถือเป็นการปิดเส้นทางขึ้น-ลงสู่ภาคใต้ทั้งหมด


 


ขณะที่หนึ่งในกลุ่มแกนนำของกลุ่มพันธมิตรได้โทรศัพท์ประสานงานแจ้งกลุ่มพันธมิตร 14 จังหวัดภาคใต้ด้วยว่า แผนการเคลื่อนขบวนทั้ง 4 ภาค จะทำพร้อมกัน วันที่ 26 สิงหาคม โดยภาคเหนือปิดถนนเส้นทางสายหลักที่ จ.นครสวรรค์ ส่วนภาคอีสาน จะรวมตัวที่ จ.นครราชสีมา และภาคตะวันออกรวมตัว ที่ จ.ชลบุรี ซึ่งหากการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ผลหรือถูกสกัด หรือมีการปะทะกันขึ้น ให้พันธมิตรทั้ง 4 ภาค เคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมทั้งหมดขึ้นไปสมทบทันที



 


 


"จำลอง" อ่านประกาศ แจ้งพันธมิตรฯ ระดมพลมาชุมนุมใหญ่ที่สุด 26 ส.ค.


สำหรับสถานการณ์ก่อนการเคลื่อนขบวนนั้น ในเวลา 08.50 น. วานนี้ (26 ส.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้อ่านประกาศพันธมิตรฯ ฉบับที่ 10/2551 เรื่อง "การปฏิบัติในการชุมนุมใหญ่ที่สุดในวันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551" โดยกล่าวว่า "เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีเอกภาพและประสิทธิภาพสูงสุด จึงขอให้เครือข่ายของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกจังหวัดระดมพลไปชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เพียงแห่งเดียวให้มากที่สุด ยกเว้นบางจุดที่ได้รับแจ้งโดยตรงจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคนใดคนหนึ่งเท่านั้น และมิให้ฟังคำสั่งอื่นใด นอกจากแถลงการณ์และการประกาศที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น


 


 


"สมศักดิ์" คาดชุมนุม 7 แสนคน


ด้านนายสมศักดิ์ โกสัยสุข แกนนำพันธมิตร กล่าวแถลงข่าวว่า พันธมิตรจะไม่ทำความเดือดร้อนให้กับประชาชน ส่วนจำนวนประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมในวันที่ 26 ส.ค. นี้นั้น จากการประเมินสถานการณ์ในระยะยาว คาดว่าจะผู้เข้าร่วมการชุมนุมกว่า 7 แสนคน ทั้งนี้ เชื่อว่าพันธมิตรจะสามารถควบคุมสถานการณ์การชุมนุมได้ เพราะได้มีการชุมนุมมาเป็นเวลานานแล้ว


 


เมื่อถามว่า หากการชุมนุมครั้งนี้ไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ พันธมิตรจะทำอย่างไรต่อไป นายสมศักดิ์ กล่าวว่า "ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็จะสู้ให้ถึงที่สุด"


 


นายสมศักด์ ยังกล่าวด้วยว่า กรณีที่จะมีมาตรการตัดนํ้าตัดไฟบริเวณทำเนียบรัฐบาลนั้น โดยทางเทคนิคแล้วเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการหารือของแกนนำพันธมิตรฯอยู่ อีกทั้งยังกล่าวยํ้าว่ามาตรการต่างๆ ที่จะใช้ในวันพรุ่งนี้นั้น เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน


 


 


แกนนำขออุบแผน จะประกาศช่วงเช้าวันที่ 26 ส.ค.


นายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า ด้าน นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ระบุว่า มาตรการที่จะประกาศใช้ในวันพรุ่งนี้ จะประกาศในระหว่างการปราศัย ในช่วง 05.00-07.00 น.ซึ่งในระหว่างนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้


 


หากรัฐบาลประกาศจะสลายการชุมนุม ทางแกนนำพันธมิตรก็จะหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ การตัดสินใจจะประเมินจากจำนวนของผู้ชุมนุมว่ามีมากน้อยแค่ไหน แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกแผนการได้ เพราะต้องมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา


 


 


เผย "ปฏิบัติการไทยคู่ฟ้า" สรส.เตรียมตัดน้ำตัดไฟรัฐบาล


ทั้งนี้มีรายงานว่า สมาพันธรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้เตรียมแผนปฏิบัติการตัดน้ำตัดไฟทำเนียบรัฐบาล โดยมีการประเมินกันว่าทางเทคนิคสามารถทำได้ แต่จะมีการประเมินสถานการณ์ว่าจะดำเนินการหรือไม่ หากมีการดำเนินการจริงผู้ที่รับผิดชอบคือการไฟฟ้านครหลวง ทั้งนี้ ทางกลุ่มพันธมิตรได้เรียกแผนปฏิบัติการการเคลื่อนขบวนดังกล่าวว่า "ปฏิบัติการ ไทยคู่ฟ้า


 


ต่อมาในเวลา 21.00 น.วันที่ 25 สิงหาคม 2551 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีพร้อมกันที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ หลังจากนั้น นายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ในแกนนำ ได้อ่านประกาศ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 11/2551 เรื่อง ให้เคลื่อนกองทัพประชาชนกู้ชาติไม่ให้ล่มจม มีเนื้อหาดังนี้


      


 






ประกาศพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 11/2551


เรื่อง ให้เคลื่อนกองทัพประชาชนกู้ชาติไม่ให้ล่มจม


 


พี่น้องร่วมชาติผู้มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทุกหมู่เหล่า!


พี่น้องทหารหาญทุกเหล่าทัพ ทุกกรมกอง ทุกหน่วย


พี่น้องตำรวจทุกกองบัญชาการ และทุกสถานีตำรวจ


พี่น้องข้าราชการทุกกระทรวง ทุกกรม ทุกหน่วย


พี่น้องพนักงานรัฐวิสาหกิจ เกษตรกร และผู้ใช้แรงงานทุกหน่วยงาน


 


ขอให้ทุกคนอัญเชิญและน้อมรับกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตรัสเตือนเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2551 ว่า ชาติกำลังล่มจมแล้วใส่เกล้าใส่กระหม่อมด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แล้วส่งเสริมจิตใจวีระกล้าหาญแห่งบรรพบุรุษไทย ถวายความจงรักภักดี ปฏิบัติบูชาเป็นราชพลี ร่วมกันกอบกู้ชาติอย่าให้ล่มจมอย่างพร้อมเพรียงกันตั้งแต่บัดนี้


 


สาเหตุที่ทำให้ชาติใกล้ล่มจม เพราะรัฐบาลพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นหุ่นเชิดของพรรคไทยรักไทย และศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินไว้แล้วว่าเป็นพรรคที่เป็นอันตรายต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ได้ก่อขึ้นทั้งสิ้น


 


พรรครัฐบาลได้อำนาจมาโดยการโกงเลือกตั้ง ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งและคณะกรรมการการเลือกตั้งได้วินิจฉัยเป็นที่สุดเด็ดขาดแล้ว เป็นการได้อำนาจมาโดยไม่ใช่วิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีความชอบธรรมที่จะปกครองบ้านเมือง


 


ครั้นได้อำนาจรัฐมาแล้วก็ได้ดำเนินการทุกอย่างเพื่อล้างผลาญชาติบ้านเมืองให้ย่อยยับดับสูญ หมายจะล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แล้วสถาปนาระบอบสาธารณรัฐขึ้นในราชอาณาจักรไทย ได้ก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงขึ้นแก่บ้านเมืองและประชาชนที่เป็นอนันตริยกรรมดังต่อไปนี้


 


1.ย่ำยีรัฐธรรมนูญทุกรูปแบบ โดยตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี และละเมิดรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง ดังเช่น กรณีการมีมติคณะรัฐมนตรีให้ทำแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชาโดยไม่ผ่านรัฐสภา เป็นต้น และเหิมเกริมถึงขั้นฉีกรัฐธรรมนูญปัจจุบัน แล้วยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยล้มล้างสถาบันองคมนตรี


 


2.ซ่องสุมและอุ้มชูผู้คนเป็นขบวนการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อเหตุการณ์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างร้ายแรงและต่อเนื่อง


 


3.ฉ้อฉลปล้นชาติ สร้างโครงการล้างผลาญเงินงบประมาณเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัวและพวกพ้อง เป็นวงเงินถึง 1 ล้านล้าน 8 แสนล้านบาท จนต้องกู้หนี้ยืมสินเป็นจำนวนมากมายมหาศาล และยังเตรียมการปล้นเงินจากคลังหลวงเอามาล้างผลาญกันต่อไปอีก ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองที่ใกล้ล่มจมอยู่ในขณะนี้ ต้องมีอันล่มจมลงไปในที่สุด


 


4.สร้างรัฐตำรวจและใช้อำนาจรัฐบวกกับอำนาจเถื่อนก่อกรรมทำเข็ญ ทำร้ายสังหารประชาชนอย่างกว้างขวาง อำนาจมืดแผ่ปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน และใช้อำนาจอธรรมกลั่นแกล้งใส่ร้ายป้ายสีกล่าวหาประชาชนโดยไม่มีศีลธรรม ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาโดยไม่เป็นธรรม


 


5.ส่งเสริมคนชั่วให้มีอำนาจในแผ่นดิน กำจัดคนดีออกจากอำนาจหน้าที่ปกครองบ้านเมือง จนทำให้คนชั่วขยายตัวเข้าไปในอำนาจรัฐอย่างทั่วด้าน แล้วก่อกรรมย่ำยีกฎหมายบ้านเมือง ผลประโยชน์ของชาติและประชาชนอย่างหน้าด้าน ล่าสุด ได้ส่งกลุ่มคนชั่วเข้ายึดตลาดเงินตลาดทุนอย่างเต็มรูปแบบ


 


6.ขายชาติขายอธิปไตยของราชอาณาจักรให้กับต่างชาติ แลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ทำให้สูญเสียดินแดนบนบกและในอ่าวไทย ทำลายล้างผลประโยชน์แห่งชาติครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์


 


7.มุ่งร้ายและทำลายองค์กรอิสระและสถาบันตุลาการ เพื่อให้ตัวเองและพวกพ้องอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง ฟอกความผิดให้เป็นถูก ฟอกดำให้เป็นขาว ทำลายจิตใจของประชาชนและทำลายความยุติธรรมในบ้านเมือง ทำให้เกิดสภาพอนาธิปไตยขึ้นอย่างกว้างขวาง


 


8.ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ ฉ้อราษฎร์บังหลวง ใช้หน่วยงานและเครื่องมือของรัฐแทรกแซงสื่อ ปิดหูปิดตาประชาชนและข้าราชการ บิดเบือนความจริง ให้ข้อมูลเท็จ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในบ้านเมือง


 


ราชอาณาจักรไทยในบัดนี้จึงมีสภาพเหมือนกับโจรกำลังปล้นบ้านปล้นเมือง เป็นอันตรายร้ายแรงยิ่งกว่าการเสียกรุงศรีอยุธยา จึงเป็นเหตุให้ชาติใกล้ล่มจม


 


ดังนั้น จึงจำเป็นต้องกู้ชาติบ้านเมืองให้ทันท่วงที บัดนี้กองทัพของประชาชนทุกหมู่เหล่าได้รับกระแสพระราชดำรัสใส่เกล้าและพร้อมแล้วที่จะปฏิบัติภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง เพื่อกู้ชาติบ้านเมือง เอาประเทศไทยของเราคืนมา โค่นระบอบทักษิณ ขับไล่โจรปล้นชาติอย่างพร้อมเพรียงกัน


 


สถานการณ์สู้รบแบบอหิงสามาถึงแล้ว ขอผองเราจงพร้อมใจกันเสียสละ กล้าหาญ รุกไปข้างหน้า ทำภารกิจให้สำเร็จ ถวายเป็นราชพลี แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอให้กองทัพประชาชนเคลื่อนไป เอาประเทศไทยของเราคืนมา


 


ขอให้ผู้รักและจงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จงมีความฮึกห้าวเหิมหาญ มีระเบียบวินัย ฟังและปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ยืนหยัดเอาชัยชนะที่มีเกียรติให้จงได้


 


กองทัพของประชาชนทั้งปวงจงรุกไปข้างหน้า กำจัดโจรปล้นชาติปล้นแผ่นดิน เอาประเทศไทยของเราคืนมา ณ บัดนี้ ไชโย ไชโย ไชโย


      


                                  ประกาศ ณ คืนวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2551


                                      พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


 


 


 


สนธิจะเผยยุทธการก่อนเคลื่อนจริง 1 ชั่วโมง ลั่นคนมากกว่าศึก 9 ทัพ 3 เท่า


นายสนธิ กล่าวถึงรายละเอียดการจัดกระบวนทัพเคลื่อนขบวนในวันพรุ่งนี้ (26 ส.ค.) ว่า จะประกาศในตอนเช้าว่าจะมีกี่ทัพ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าจะต้องตะลึง ซึ่งฝากบอกไปถึงสายลับของฝ่ายรัฐบาลด้วยที่หวังว่า ตนเองจะบอกอะไรในตอนนี้ เพราะจะบอกให้ทราบก่อนเคลื่อนขบวน 1 ชั่วโมง แล้วจะรู้กันตอนนั้นว่าจะจัดทัพอย่างไร บอกได้เพียงว่าจะมีทัพหน้า ทัพหลวง ทัพน้อย และทัพพิสดาร


 


นายสนธิ ย้ำว่า พวกเราในที่นี้ไม่ต้องการอะไรนอกจากเอาประเทศไทยของเราคืนมา เวลานี้อย่าไปสนใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่าไปสนใจ นายสมัคร สุนทรเวช เพราะเป็นขยะสังคม และถ้าเอาประเทศไทยของเราคืนมาได้แล้ว ต่อไปจะไม่มีคนชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ สมัคร และ เนวิน ชิดชอบ ชั่วกาลนาน


 


แกนนำพันธมิตรฯผู้นี้ กล่าวว่า มีเสียงเยาะเย้ยจากลูกน้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ บางคนว่าจะมาร่วมไม่เกิน 2 หมื่นคน แต่ในความเป็นจริงมีพี่น้องประชาชนจากทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ ใต้ ออก ตก จากการสอบถามแกนนำ มั่นใจว่า มีจำนวนมากกว่า 3 เท่า มากกว่าตอนศึก 9 ทัพ ยึดทำเนียบฯ ในครั้งก่อนอย่างแน่นอน


 


จากนั้น นายสนธิ ได้กล่าวถึงลูกจีนในเมืองไทย ว่า ขออนุญาตพี่น้องเชื้อสายอื่นขอพูดถึงลูกจีนที่บรรพบุรุษเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร และบอกต่อกันมาถึงลูกหลาน ว่า ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่กว่า พระเจ้าอยู่หัว แต่ขณะเดียวกัน ก็มีลูกจีนชั่วก็มีที่นั่งเป็นรัฐมนตรี และ ส.ส.ก็มี ดังนั้นลูกจีนที่ดีต้องพิสูจน์ให้คนเหล่านี้ และคนอื่นในประเทศนี้ได้เห็น


 


"วันนี้เราต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเราที่เป็นคนธรรมดา รักชาติยิ่งกว่าพวกนายพลเอก นายพลตำรวจเอก หลายเท่า และแม้ว่าพวกเราในที่นี้จะมีหลายเชื้อชาติ หลายเผ่าพันธุ์ หลายศาสนา แต่วันนี้พวกเราจะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา เป็นคนไทยภายใต้พ่อหลวงองค์เดียวกัน" นายสนธิ ระบุ และว่า สงครามศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้น นาทีนี้จะไม่ถามว่าสู้หรือไม่ แต่พวกเราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเราโคตรจะรักชาติแค่ไหน


 


หลังจากนายสนธิ กล่าวปราศรัยจบ "ตั้ว" ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ได้ขึ้นมาบนเวทีเพื่อมอบเงินที่ได้รับบริจาคมาจากนักธุรกิจคนหนึ่ง จำนวน 500,000 บาท ให้กับนายสนธิ เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ โดยนายศรัณยูกล่าวว่า นักธุรกิจคนดังกล่าวไม่รู้จักใครที่มาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ นอกจากตนคนเดียว และนักธุรกิจคนนี้ไม่ต้องการจะเปิดเผยชื่อ แต่ถ้าเปิดเผยเชื่อว่าทุกคนคงรู้จักแน่นอน


 


ด้านนายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า "พรุ่งนี้ จะเป็นสงครามที่ธรรมมะสู้กับอธรรม ในหลักอหิงสา สันติวิธี ความสื่อสัตย์ ความรักษาซึ่งประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ โดยเรามีความชอบธรรมที่จะประกาศสงครามสันติวิธีพรุ่งนี้ เราเป็นฝ่ายธรรมมะ ต้องชนะอธรรม กอบกู้ศักดิ์ศรี และจริยธรรมของประเทศกลับมา"นายพิภพกล่าว


 


ที่มา: เรียงเรียงจากผู้จัดการออนไลน์ คมชัดลึก และมติชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net