นางสาวสารี อ๋องสมหวัง กล่าวว่า นับตั้งแต่กลางปี 2550 เป็นต้นมา มูลนิธิฯ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเสียหายจาการที่บริษัทสัมพันธ์ประกันภัย จำกัด ไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้จำนวนกว่า 100 รายและมูลนิธิฯ ได้พยายามประสานไปที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) หรือคณะกรรมการประกันภัยเดิม ให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหานี้โดยเร่งด่วน ซึ่งต่อมา นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ คปภ. ได้เลือกใช้วิธีส่งให้บริษัท สัมพันธ์ฯ หยุดรับประกันชั่วคราวและให้เร่งหาผู้ร่วมลงทุนรายใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาขาดสภาพคล่องด้านการเงิน

แต่จนบัดนี้เป็นเวลาร่วมปีเศษแล้วที่บริษัทสัมพันธ์ประกันภัยยังไม่สามารถหาผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ได้ มีแต่การปล่อยข่าวออกมาเป็นระยะๆ เพื่อให้ผู้บริโภคตายใจและรอต่อไปอย่างไม่มีกำหนด จนบางรายคดีได้ขาดอายุความที่จะฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายได้ ดังนั้นเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการชดใช้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น  เมื่อกฎหมายพิจารณาคดีผู้บริโภคได้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคสามารถฟ้องผู้ประกอบการที่เอารัดเอาเปรียบทำผิดสัญญาได้โดยไม่ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมและไม่ต้องใช้ทนายความ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและทนายความอาสาของมูลนิธิฯจึงได้ช่วยกันเขียนคำฟ้องให้ผู้เดือดร้อนและรวมตัวกันมายื่นฟ้องต่อศาล

ซึ่งผู้บริโภคที่มีทุนทรัพย์ความเสียหายไม่ถึง 300,000 บาท จะไปยื่นฟ้องที่ศาลแขวงมีทั้งหมด 35 ราย จำนวนทุนทรัพย์ต่ำสุดอยู่ที่ 6,000บาทและสูงสุดอยู่ที่ 272,000บาท ความเสียหายในกลุ่มนี้ 3,040,974 บาท  ส่วนผู้เสียหายตั้งแต่ 300,000- 980,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายของผู้ฟ้องศาลแพ่ง 2,924,080 บาท และรวมค่าเสียหายที่บริษัทสัมพันธ์ประกันภัยต้องชดใช้ค่าเสียหายในครั้งนี้อยู่ที่ 6,157,854 บาท นางสาวสารีกล่าว

นางบุญยืน ศิริธรรม หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า ตนต้องการทำประกันภัยแต่ในช่วงนั้นมีข่าวว่าบริษัทประกันภัยมีปัญหาเรื่องการเงิน ตนจึงได้ไปปรึกษากับอธิบดีกรมการประกันภัยเพื่อสอบถามรายละเอียด และได้รับคำตอบจากอธิบดีกรมการประกันภัยว่า เป็นเรื่องไม่จริงและกำลังออกแก้ข่าวกับประชาชน นางบุญยืนจึงตัดสินใจทำประกันภัยกับบริษัทสัมพันธ์ประกันภัย แต่หลังจากที่ทำสัญญากับทางบริษัทแล้ว ตนไม่ได้รับการดูแลจากบริษัทเลย เงินที่จ่ายไปกับการซ่อมรถก็ไม่ได้คืน ตนจึงได้มาขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

นายณรงค์ รินทา ผู้เสียหายอีกราย ซึ่งบ้านอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่าตนได้เดินทางมากรุงเทพฯเป็นจำนวนมากกว่า 10 ครั้งเพื่อมาติดต่อขอเงินประกันจากบริษัทสัมพันธ์ฯ แต่ก็ไม่ได้รับเงิน และในขณะนี้ รถของตนก็ถูกศูนย์ซ่อมของโตโยยึดเอาไว้ เพราะทางบริษัทสัมพันธ์ฯไม่ยอมจ่ายเงินให้กับศูนย์ซ่อมของโตโยต้า

เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผู้เสียหายจำนวน 40 รายนี้เป็นเพียงกลุ่มแรกที่เริ่มต้นฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัทสัมพันธ์ประกันภัยภายใต้คดีผู้บริโภค ในขณะที่ข้อมูลของนางจันทรา เลขา คปภ. แจ้งว่า ณ วันที่ 28 ก.พ. 2551 มีจำนวนผู้ร้องเรียนเข้าไปที่ คปภ. ทั้งสิ้น 9,153 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 444.25 ล้านบาท แต่ คปภ. สามารถเร่งรัดให้บริษัทสัมพันธ์ฯจ่ายค่าสินไหมทดแทนแค่ 695 ราย ตนจึงคิดว่าเมื่อประชาชนทราบข่าวการยื่นฟ้องครั้งนี้ คงจะมีผู้เสียหายใช้ช่องทางการฟ้องร้องเป็นคดีผู้บริโภคอีกเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม การฟ้องร้องของผู้เสียหายในครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในการฟ้องร้องผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยโดยที่ผู้บริโภคสามารถฟ้องร้องได้ด้วยตนเองไม่ต้องมีทนายความเพราะฟ้องร้องในคดีผู้บริโภคของการพิจารณาคดีตามมาตรา 44 และมาตรา 42 เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้บริโภคในการเรียกร้องสิทธิของตนเองได้อย่างเต็มที่