- สถานการณ์ในประเทศพม่า
1.1 นางซูจีหลบหน้าแพทย์ประจำตัวและเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่รับอาหารเข้าบ้านกว่า 2 สัปดาห์
โฆษกของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของพม่าเปิดเผยว่า อองซานซูจี ผู้นำการต่อต้านรัฐบาลพม่าที่ขณะนี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมตัวในบ้านพัก ได้ปฏิเสธที่จะพบแพทย์ประจำตัวเพื่อรับการตรวจร่างกาย และรัฐมนตรีกระทรวงความสัมพันธ์คาดว่า เพื่อแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลดำเนินการปฏิรูปอย่างล่าช้า
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อองซานซูจี ซึ่งขณะนี้อยู่ในวัย 63 ปี และถูกควบคุมตัวนานถึง 13 ปี ปฏิเสธอาหารที่นำมาส่งให้ยังบ้านพักที่ถูกควบคุมตัวบ่อยครั้ง ทั้งยังปฏิเสธที่จะพบกับอิบราฮิม กัมบารี ผู้แทนพิเศษจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่เดินทางมาเยือนพม่า เมื่อเดือนที่แล้ว
จีวิน ทนายประจำตัวของอองซานซูจี ที่เพิ่งเดินทางไปเยี่ยมนางเมื่อวันที่ 1 ก.ย. เปิดเผยว่า อองซานซูจีไม่ยอมรับประทานอาหารจริง และมีน้ำหนักตัวลดลง แต่ไม่แน่ชัดว่าการไม่ยอมรับอาหารของอองซานซูจีเป็นการอดอาหารประท้วงหรือไม่
ทางด้าน ทินเมียววิน แพทย์ประจำตัวเปิดเผยว่า อองซานซูจียังมีสุขภาพที่ดีหลังการตรวจครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ส.ค.
ทั้งนี้รัฐบาลพม่าได้แต่งตั้งให้ อองจี รัฐมนตรีกระทรวงความสัมพันธ์เป็นผู้แทนของรัฐบาล ในกระบวนการเจรจากับฝ่ายต่างๆในประเทศ รวมถึงอองซานซูจี เพื่อผลักดันกระบวนการปฏิรูปสู่ระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้กระบวนการดังกล่าวแทบจะไม่มีความคืบหน้าเลย (โพสต์ทูเดย์ วันที่ 04/09/2551)
1.2 ฝ่ายค้านพม่าโจมตีกัมบารีล้มเหลวในภารกิจเยือนพม่าครั้งล่าสุด
แถลงการณ์ของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของนาง
นอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จในการดำเนินภารกิจต่างๆ แล้ว นายกัมบารี ยังไม่ได้พบกับนาง
2.1 อนาคต "แม่สอด" สู่เขตปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ
เขตปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ กำลังเป็นที่น่าสนใจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีพื้นที่จรดชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนที่มีเศรษฐกิจ สังคม ประเพณี วัฒนธรรม ที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
ล่าสุดเทศบาลเมืองแม่สอด เทศบาลตำบลท่าสายลวด และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ปะ ได้จับมือกันเตรียมบูรณาการพื้นที่รับผิดชอบของแต่ละแห่งรวมมาเป็นพื้นที่เดียวกัน เพื่อการพัฒนา ที่เรียกว่า" การปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ" ทั้งนี้เป้าหมายสูงสุดการพัฒนา คือ การไปสู่ความเป็นท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษ เพื่อหวังที่จะได้รับงบประมาณ ทั้งในการมีส่วนร่วมแบ่งด้านเก็บภาษี และค่าธรรมเนียมจากศุลกากร ที่ได้เงินภาษีและค่าธรรมเนียมจากพื้นที่แทนการส่งให้กับส่วนกลาง
ขณะที่ทางจังหวัดตาก โดยนาย
ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดได้ประชุมคณะกรรมการเขตปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ " เมืองแม่สอด" เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบถึงผลการศึกษา-วิจัย และสำรวจ ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักงานปฏิรูประบบราชการ ได้เข้ามาศึกษาการตั้งเขต "ท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ" เมืองแม่สอด" โดยให้ผู้นำท้องถิ่นแต่ละแห่งทั้งเมืองแม่สอด-อบต.ท่าสายลวด และอบต.แม่ปะ-กำนัน ผญบ.ในพื้นที่เกี่ยวข้องไปทำประชาคมชาวบ้าน ว่าเห็นด้วยกับการรวมพื้นที่ไปสู่ท้องถิ่นรูปแบบพิเศษเมืองแม่สอดหรือไม่
นายชุมพร กล่าวว่า ได้วางแผนดำเนินการการยกฐานะเขตปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษเมืองแม่สอด ไว้ 2 ขั้นตอน คือ 1.รวบรวม 3 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เทศบาลเมืองแม่สอด-เทศบาลตำบลท่าสายลวด และ อบต.แม่ปะ) ยกฐานะขึ้นเป็น "เทศบาลนครแม่สอด" ซึ่งสามารถยกฐานะจากเทศบาลเมืองแม่สอดเป็นเทศบาลนครแม่สอดได้เลย และ 2.เมื่อเป็นเทศบาลนครแม่สอดแล้ว ก็นำเข้าสู่กระบวนการยกฐานะเป็น เขตปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษเมืองแม่สอด ต่อไป
ขณะที่นาย
ด้านนาย
นาย
อำเภอแม่สอด เป็นเมืองที่มีโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจสังคมที่ใหญ่ มีรายได้จากการค้าชายแดนไทย-พม่า ปีละกว่าหมื่นล้านบาท มีแรงงานต่างด้าวนับแสนคน และมีสถานประกอบการด้านอุตสาหกรรมกว่า 100 แห่ง อีกทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น แต่การจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ ท้องถิ่นไม่ได้อะไร ถูกส่งเข้าไปส่วนกลางทั้งหมด ท้องถิ่นได้รับแต่ปัญหาขยะและจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่นาย
นอกจากนี้เพื่อเป็นการรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น จำเป็นต้องเพิ่มจุดการค้าชายแดน ซึ่งจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือ ด่านชายแดนแม่สอด-เมียวดี, แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก, และทางชายแดนไทย-กัมพูชาและลาว ทั้งนี้เพื่อเพิ่มช่องทางการขนส่งสินค้า และเชื่อมโยงตามกรอบของ GMS-ECF
2.2 รัฐและเอกชนชายแดนไทย เสนอเปิดด่านเพิ่ม เพิ่มช่องทางการขนส่ง East-West Economic Corridor
การประชุม GMS-ECF รัฐ-เอกชน จังหวัดชายแดนที่ติดต่อและทำการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน AEC หรือกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่ห้องประชุมโรงแรมเซ็นทาราแม่สอดฮิลล์ อ.แม่สอด จ.ตาก ระหว่าง 21-23 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยมีนาย
1.การเปิดจุดการค้าชายแดนเพิ่มขึ้น ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ทางด่านชายแดนแม่สอด-เมียวดี, แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก และทางชายแดนไทย-กัมพูชาและลาว เพื่อเพิ่มช่องทางการขนส่งสินค้า เชื่อมโยงในกลุ่มอีสต์เวสต์ อีโคโนมิก คอริดอร์และกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำอิรวดี-เจ้าพระยาและแม่น้ำโขง
2.การฟื้นฟูยกระดับโครงการคอนแทร็กฟาร์มิ่ง (Contract Farming) ให้มาตรฐานเป็นรูปธรรม
3.การจัดหาแรงงานที่มีทักษะมาทำงาน
4.ส่งเสริมอุตสาหกรรมและการเกษตร เต็มรูปแบบและเป็นระบบ
5.ผลักดันเขตเสรีการค้า และสิทธิพิเศษภาษีต่างๆ
รายงานข่าวแจ้งว่า GMS-ECF- AEC เป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทั้ง CLM (กัมพูชา-ลาว-พม่า) และ CLMV (กัมพูชา-ลาว-พม่า-เวียดนาม) และกลุ่มเศรษฐกิจไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์-อินโดนีเซีย เพื่อให้กลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้ร่วมมือกันพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อเชื่อมโยงกับกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจยุโรปต่อไป
นางสาว
ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมประชุม GMS-ECF รัฐ-เอกชน จังหวัดชายแดนที่ติดต่อและทำการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน AEC ได้เดินทางไปทัศนศึกษาและดูงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่จังหวัดเมียวดีของพม่าด้วย (กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 01/09/2551)
- แรงงานข้ามชาติ
3.1 ร้านค้าทองคำชายแดนไทย-พม่าคึกคัก แรงงานจากพม่าซื้อทองกลับประเทศ
นาย
มองไปในส่วนของแรงงานพม่าขณะนี้เข้ามาซื้อทองคำเพื่อเก็บไว้เป็นจำนวนมาก รวมถึงบางส่วนยังมีการข้ามฟากจากฝั่งประเทศพม่าจาก จ.เกาะสอง, ทวาย, มะริด เพื่อเข้ามาซื้อทองคำใน จ.ระนอง หลังจากทราบข่าวการลดลงของราคาทองคำ ประกอบกับในช่วงดังกล่าวนี้ค่าเงินจ๊าตของพม่าได้แข็งค่าขึ้นจากเดิมที่อัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ในระดับ 37-38 จ๊าตต่อ 1 บาท ปัจจุบันแข็งค่าเป็น 35-36 จ๊าตต่อ 1 บาท ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลทำให้ชาวพม่าหันมาซื้อทองคำเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดการซื้อขายทองคำในช่วงเดือน ส.ค.เพิ่มสูงขึ้นกว่า 30%
โดยทองรูปพรรณที่ชาวพม่านิยมซื้อคิดเป็นสัดส่วน 60-70% เป็นในส่วนของสร้อยคอทองคำตั้งแต่ระดับ 2 สลึง ถึง 1 บาท
เหตุที่ชาวพม่านิยมซื้อทองคำมากกว่าคนไทยเป็นเพราะค่าเงินจ๊าตของพม่า ที่มักผันแปรมีค่าไม่แน่นอน ทั้งยังมีค่าน้อยกว่าเงินบาท ดังนั้นแรงงานชาวพม่าที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยเมื่อได้รับเงินเดือนจึงนิยมนำมาซื้อทองคำเก็บไว้แทน เพราะเมื่อนำกลับไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินพม่าก็จะไม่ผันแปรมาก ดีกว่าการนำเงินบาทไปแลก หรือเก็บเงินจ๊าตไว้ซึ่งจะมีความเสี่ยงมากกว่า อันเป็นผลมาจากความผันผวนของค่าเงิน
ต่อข้อซักถามกรณีการรับโอนเงินข้ามประเทศไปยังประเทศพม่าส่งผลกระทบต่อการซื้อทองคำหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ในส่วนนี้ยังไม่กระทบต่อร้านค้าทองมากนักเนื่องจากเป็นการโอนผ่านคนกลาง หรือเรียกว่าระบบใต้ดิน ยังไม่สะดวกมากนักจึงทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากแรงงานพม่าที่ได้รับเงินเดือน จะนิยมในกลุ่มแรงงานที่เป็นลูกจ้างรายวันมากกว่า แต่ในอนาคตหากธนาคารของไทยเปิดให้บริการด้านการโอนเงินข้ามประเทศคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อแรงงานพม่า
แรงงานพม่าพอทำงานได้เงินบาทส่วนหนึ่งก็ใช้วิธีโอนเงินเข้าประเทศเพื่อส่งเงินกลับบ้าน หรือ นำเงินบาทมาซื้อเป็นทองคำแล้วนำกลับประเทศหลักๆก็จะมีสองอย่าง ฉะนั้นถ้าระบบโอนเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่แน่ว่าการซื้อทองคำเข้าประเทศก็อาจจะลดน้อยลงไป
นอกจากนี้นายสมชายกล่าวถึงความผันผวนของราคาทำให้ร้านทองมีโอกาสขาดทุนว่าร้านทองแต่ละแห่งจะบริหารจัดการเหมือนเก่าไม่ได้แล้ว เรียกว่าต้องมีระบบการบริหารสต๊อกสินค้าให้สอดรับกับปริมาณความต้องการ ทั้งยังต้องคำนึงถึงความผันผวนของราคาด้วยไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดปัญหาการขาดทุนได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีบ้างที่ร้านมี
สต๊อกทองราคาบาทละ 14,000 บาท แต่เมื่อราคาทองลดลงอาจจะต้องยอมขาดทุน แต่ไม่ถึงกับเกิดปัญหาเช่นร้านค้าทองในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งขณะตนก็ระวังในการตัดสต๊อกทองมาก ด้านนาย
สำหรับยอดขายทองคำยอมรับว่าช่วงนี้ดีขึ้น หลังจากที่ราคาทองลด ทำให้แรงงานพม่ากลับมาซื้ออีกครั้ง แต่หากราคาทองคำผันผวนมากก็อาจจะไม่ส่งผลดี เพราะผู้ที่ต้องการซื้อจะชะลอการซื้อเพื่อติดตามระดับราคา แต่หากราคาทรงตัวซึ่งคาดว่าในปีนี้น่าจะอยู่ในระดับบาทละ 13,000-13,500 บาท จะมีผลดีต่อการซื้อขายอย่างแน่นอน แต่หากราคาลดลง หรือเพิ่มขึ้นในลักษณะผันผวนก็อาจจะส่งผลให้เกิดการภาวะชะลอการซื้ออีกครั้ง (ฐานเศรษฐกิจ 28 ส.ค. - 30 ส.ค. 2551)
- ต่างประเทศ
4.1 นักวิชาการแนะไทยใช้อิทธิพลที่มีต่อพม่าเป็นจุดทำให้สหรัฐสนใจ
ในการเสวนาและอภิปรายทั่วไปเรื่อง "โอบามา-แมคเคน : ผู้นำสหรัฐคนใหม่กับไทยและอาเซียน" ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผศ.ดร.
ดังนั้น ไม่ว่านาย
ผศ.ดร.
ส่วนนาย
ด้านนาย
..............................................................................
Newsline เป็นกิจกรรมหนึ่งของโครงการวิจัยไทย (Thai Research) มูลนิธิส่งเสริมสันติวิถี (Peaceway Foundation) เป็นการรวบรวมข่าวภาษาไทย พร้อมทั้งการนำเสนอบทความภาษาไทยเกี่ยวกับประเทศพม่า และผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย เพื่อให้ผู้คนในสังคมไทยได้รับรู้ ตระหนักถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับประชาชนในพม่า และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและรณรงค์ให้เกิดสันติภาพที่แท้จริงในประเทศพม่าต่อไป
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการวิจัยไทย และโครงการอื่นๆติดตามได้ที่ www.burmaissues.org
สามารถอ่านข่าวย้อนหลังได้ที่
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)