Skip to main content
sharethis

เหตุการณ์รุนแรงจากการชุมนุม กระทบท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง


จากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ยืดเยื้อมาหลายเดือนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นในวันที่ 26 สิงหาคม 2551 และขยายวงกว้างไปในกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ จนถึงขั้นการหยุดเดินรถไฟในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ นอกจากนี้ ยังมีการบุกปิดท่าอากาศยานภูเก็ต กระบี่ และหาดใหญ่ ในช่วงระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคม 2551 ซึ่งแม้จะเพียงในช่วงไม่กี่วันก็ตาม แต่ก็กระทบต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่การชุมนุมของพันธมิตรตามพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศและในกรุงเทพฯยังคงดำเนินต่อไป โดยมีการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯกระจายไปในพื้นที่ต่างๆที่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และได้เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่ม ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต รัฐบาลจึงได้ประกาศพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯในวันที่ 2 กันยายน 2551 แต่กลุ่มพันธมิตรฯก็ยังยืนหยัดชุมนุมต่อไปและมีแนวโน้มขยายวงกว้างขวางกระจายไปในพื้นที่ตามต่างจังหวัด รวมทั้งภูเก็ต กระบี่ และหาดใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญในภาคใต้


 


ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลของหลายประเทศได้ออกประกาศเตือนประชาชนของตนที่พำนักอยู่ในประเทศไทย และที่จะเดินทางมายังประเทศไทยให้ระมัดระวังด้านความปลอดภัย โดยหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการชุมนุมของทั้ง 2 กลุ่ม จึงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยเลื่อนการเดินทางมายังประเทศไทยในช่วงนี้ออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ให้มีความมั่นใจด้านความปลอดภัย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางมาเที่ยวกันเอง และมีนักท่องเที่ยวบางส่วน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย และนิยมซื้อรายการนำเที่ยวเดินทางมากับบริษัทนำเที่ยวในลักษณะกรุ๊ปทัวร์ รวมทั้งการประชุมนานาชาติที่เข้ามาจัดในประเทศไทย ต่างยกเลิกการเดินทางหรือเปลี่ยนแผนการเดินทางไปยังประเทศอื่นแทน


 


ผลกระทบในช่วงไตรมาสที่ 3: คาดสูญเสียรายได้ท่องเที่ยว 15,000 ล้านบาท


จากเหตุการณ์ความรุนแรงของการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2551 เป็นต้นมา คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลงจากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์ โดยในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่เหตุการณ์ชุมนุมเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลงประมาณ 6 หมื่นคน (หรือลดลงร้อยละ 30 จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 2 แสนคนที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาในช่วงปลายเดือนสิงหาคม) ส่งผลให้โดยรวมตลอดเดือนสิงหาคมมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลงร้อยละ 5 จากนักท่องเที่ยวจำนวน 1.28 ล้านคนที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์


 


สำหรับในเดือนกันยายน ซึ่งสถานการณ์การชุมนุมยังมีแนวโน้มขยายวงและทวีความรุนแรงขึ้นหลังประกาศพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ มีแนวโน้มส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยมีแนวโน้มเลื่อนการเดินทางออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ให้เกิดความมั่นใจในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเสียก่อน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลงประมาณกว่าร้อยละ 30 หรือคิดเป็นจำนวนประมาณ 3.6 แสนคนจากจำนวน 1.1 ล้านคนที่คาดการณ์ไว้ก่อนเกิดเหตุการณ์


 


จากแนวโน้มดังกล่าวจึงคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2551จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยลดลงประมาณกว่าร้อยละ 10 (หรือประมาณ 4.2 แสนคน) จากจำนวนนักท่องเที่ยว 3.6 ล้านคนที่คาดการณ์ไว้ก่อนเกิดเหตุการณ์ ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท


 


ผลกระทบในช่วงไตรมาสสุดท้าย : คาดการณ์ใน 2 กรณี


 


1. กรณีเหตุการณ์คลี่คลายลงก่อนไตรมาสสุดท้าย: คาดสูญเสียรายได้ท่องเที่ยว 20,000 ล้านบาท


สำหรับแนวโน้มในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 นั้นคาดว่า หากสถานการณ์ความไม่สงบของผู้ชุมนุมในหลายพื้นที่คลี่คลายสู่ภาวะปกติได้ภายในเดือนกันยายน จะมีผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ไม่รุนแรงเท่าใดนัก โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลความสงบภายในประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจด้านการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยให้กับบรรดาเอเยนต์ทัวร์และนักท่องเที่ยวต่างชาติ กรณีนี้คาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 จะมีแนวโน้มที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าลดลงราวร้อยละ 10 (หรือคิดเป็นจำนวนประมาณ 5 แสนคน) จากจำนวน 4.4 ล้านคนที่คาดการณ์ไว้ก่อนเกิดเหตุการณ์ ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท


 


2. กรณีเหตุการณ์ยืดเยื้อมาในช่วงไตรมาสสุดท้าย: คาดสูญเสียรายได้ท่องเที่ยว 55,000 ล้านบาทอย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมยังยืดเยื้อมาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบค่อนข้างรุนแรงต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลงประมาณร้อยละ 30 (หรือคิดเป็นจำนวนประมาณ 1.35 ล้านคน) จากจำนวน 4.4 ล้านคนที่คาดการณ์ไว้ก่อนเกิดเหตุการณ์ ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นมูลค่าประมาณ 55,000 ล้านบาท


 


ในกรณีที่เหตุการณ์ยืดเยื้อมาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 นั้น นอกจากจะส่งผลกระทบทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 แล้ว ยังมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปในปี 2552 เพราะคาดว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะเรียกความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยให้กลับคืนมาในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ


 


ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ไว้ว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ในกรุงเทพฯและขยายวงกว้างไปตามต่างจังหวัด โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวสำคัญในภาคใต้ ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลงประมาณกว่าร้อยละ 10-20 จากที่คาดการณ์ไว้เดิมที่จำนวน 8.0 ล้านคน ทำให้สูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นมูลค่าประมาณ 35,000-70,000 ล้านบาท


 


สรุป


 


การท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ โดยเฉพาะเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และมีแนวโน้มที่ประเทศไทยจะสูญเสียรายได้ด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นมูลค่าประมาณ 35,000 ล้านบาทในกรณีที่เหตุการณ์ความไม่สงบจากกลุ่มผู้ชุมนุมคลี่คลายลงได้ในช่วงเดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เหตุการณ์ความไม่สงบยืดเยื้อมาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 คาดว่ารายได้ด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ประเทศไทยมีแนวโน้มจะสูญเสียไปมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท


 


เม็ดเงินเหล่านี้ คือ รายได้ที่คาดว่าบรรดาธุรกิจด้านการท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่กระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย มีแนวโน้มจะสูญเสียไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 เม็ดเงินส่วนใหญ่ คือ ประมาณร้อยละ 28 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาทเป็นรายได้ที่คาดว่าธุรกิจด้านที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรม และรีสอร์ตจะสูญเสียไป รองลงมา คือ ร้อยละ 26 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 9,000-18,000 ล้านบาทเป็นรายได้ที่คาดว่าธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกนักท่องเที่ยว ซึ่งรวมทั้งอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าหัตถกรรมไทย และสินค้าพื้นเมืองต่างๆจะสูญเสียไป ที่เหลืออีกประมาณ 16,000-32,000 ล้านบาทเป็นรายได้ที่คาดว่าธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารประเภทต่างๆ ธุรกิจประเภทสถานบันเทิง กีฬา และสปา ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ตลอดจนธุรกิจบริการด้านการขนส่ง จะสูญสียไป อันเป็นผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆในประเทศไทยที่มีต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเป็นแหล่งที่นำรายได้เข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณปีละ 600,000 ล้านบาท


 


 


ที่มา:


ท่องเที่ยวครึ่งหลังปี"51: ผลกระทบจากความรุนแรงของเหตุการณ์ชุมนุม (ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, 5 กันยายน 2551)



 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net