ฤากระบองตำรวจไทย มีไว้หวดแค่คนจน

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

มุกดาวรรณ ศักดิ์บุญ

 

 

ข้าพเจ้าไม่นิยมตำรวจ ทหาร ออกจะมีอคติเสียด้วยซ้ำ

 

ตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน เห็นตำรวจตามด่านตรวจ มักพูดจาดูถูกดูหมิ่นผู้โดยสารร่วมรถประจำทางที่เป็นชนเผ่า เรียกตรวจบัตรประชาชน (ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มี เพราะยื่นขอสัญชาติไปเป็นชาติก็ยังไม่ได้) พอไม่เจอก็บอกให้ลงจากรถ ไม่ยอมให้เดินทางต่อ ถ้าไม่ยอมต้องเสียค่าปรับ

 

ตอนเป็นนักข่าวช่วงพฤษภาทมิฬ เห็นตำรวจไล่ตีผู้ชุมนุม นึกโกรธ เกลียด แต่ทำอะไรไม่ได้

 

ยิ่งได้รับฟังประสบการณ์คนอื่นที่ถูกกระทำความรุนแรง กลั่นแกล้ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิ่งทำให้ฝังใจ

 

ดังนั้น เมื่อเห็นการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจ ในการรับมือการชุมนุมของฝ่ายต่อต้าน และสนับสนุนรัฐบาลในช่วงหนึ่งร้อยกว่าวันที่ผ่านมา จึงค่อนข้างประหลาดใจว่า ตำรวจตอบโต้โดยใช้กำลังความรุนแรงน้อยมาก เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ประท้วงของกลุ่มอื่นๆที่ผ่านมาในอดีต

 

จนอดนึกไม่ได้ว่า เออหนอ ผู้ชุมนุมฝ่ายพันธมิตรนี้ช่างได้รับความเกรงอกเกรงใจนักหนา ผิดกันกับผู้ชุมนุมสมัชชาคนจน คนเล็กคนน้อยราวฟ้ากับดิน

 

เพราะหากเป็นการชุมนุมของพวกคนยากคนจน แรงงาน คนไร้สัญชาติ ที่มาเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ได้รับผลกระทบจากเขื่อน โรงไฟฟ้า เหมืองถ่านหิน เหมืองแร่โปแตช เราไม่เคยเห็นเลยว่า รัฐบาลจะเห็นอกเห็นใจ โอนอ่อนผ่อนปรน มีแต่จะสั่งให้ใช้กำลังเข้าปราบปรามสลายการชุมนุมโดยเด็ดขาด ไม่มีแม้สักครั้งที่จะห้ามตำรวจพกพาอาวุธ ห้ามทำร้ายผู้ชุมนุมเหล่านี้

 

ต่างกับครั้งนี้ ที่ตำรวจได้รับคำสั่งห้ามพกพาอาวุธ ห้ามทำร้ายประชาชน ในขณะที่ประชาชนบางคนมีอาวุธพร้อม และบางคนดูไม่ลังเลใจที่จะทำร้ายตำรวจ

 

แน่นอนที่ว่า ในการเผชิญหน้าและปะทะกันระหว่างตำรวจ และผู้ชุมนุมฝ่ายพันธมิตร เมื่อครั้งที่ตำรวจนำหมายศาลไปปิดที่ที่ชุมนุมในวันที่ 29 ส.ค ที่ผ่านมา มีการใช้กำลังทำร้ายกันอยู่ แต่ก็เห็นได้ว่า มาจากทั้งตำรวจและผู้ชุมนุม

 

ถ้ามองอย่างเป็นธรรม การที่ตำรวจตอบโต้ หรือแม้แต่จะเป็นการลงมือใช้กำลังก่อน อย่างที่ฝ่ายพันธมิตรกล่าวอ้าง - นอกเสียจากในบางรายแล้ว โดยทั่วไปมิได้เกินกว่าเหตุ อยู่ในระดับความจำเป็นของสถานการณ์

 

ข้าพเจ้าจึงค่อนข้างประหลาดใจ ที่ภายหลังเหตุการณ์นั้น ผู้ชุมนุมฝ่ายพันธมิตรส่วนใหญ่ กล่าวหา โจมตีประณามตำรวจที่ไปปฎิบัติหน้าที่จนไม่มีชิ้นดี คำบริภาษล้วนเต็มไปด้วยการด่าทอ ว่าเลว ว่าชั่ว ว่าทำร้ายประชาชน ว่าใช้ความรุนแรง ว่าป่าเถื่อน สารพัด

 

แล้วตำรวจที่ถูกทำร้ายเล่า เขาไม่ใช่ประชาชนหรอกหรือ

 

แล้วที่พวกเขาต้องทนยืนฟังผู้ชุมนุมและแกนนำก่นด่า ต่อว่า ท้าทาย ด้วยวาจาและท่าทาง อยู่ทุกวัน ทั้งที่อยากตอบโต้แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะผู้บังคับบัญชาสั่งมานั้น มันรุนแรงน้อยกว่าหรืออย่างไร

 

พวกตำรวจเองก็คงไม่อยากมายืนเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งหลายคนเป็นชายฉกรรจ์ มีอาวุธ และพร้อมที่จะใช้กำลังหากได้รับคำสั่งจากผู้นำของเขา

 

ในขณะที่ตำรวจได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มีใครอยู่เบื้องหลังก็ตาม ว่าไม่ให้พกอาวุธเด็ดขาด ไม่ให้ทำร้ายผู้ชุมนุมเด็ดขาด

 

ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ในสถานการณ์ที่ผู้ชุมนุมมีเพียงมือเปล่า

 

แต่ผู้ชุมนุมฝ่ายพันธมิตรไม่ได้มีเพียงแค่ เด็กนักเรียน นักศึกษา ผู้หญิง คนสูงอายุ ลูกจีนรักชาติ ลูกไทยรักชาติ แต่ยังมีชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธไม้ ท่อนเหล็ก และอื่นๆ อีกจำนวนไม่น้อย

 

ห้ามตำรวจไม่ให้ทำร้ายประชาชน แล้วเราห้ามประชาชนทำร้ายตำรวจหรือเปล่า

 

ทำราวกับว่า ประชาชนพันธมิตรทำอะไรก็ได้ ภายใต้ท้องฟ้านี้ โดยไม่ผิดกฎหมาย

 

ตำรวจก็กลัวเจ็บ กลัวตายเหมือนเราๆท่านๆที่แหละ พวกเขาก็มีลูกมีเมียมีสามี มีครอบครัว พ่อแม่ มีคนที่เป็นห่วงเป็นใยเขาเหมือนกัน

 

ได้รับหน้าที่ให้มาคุมเชิงกับม็อบจำนวนหลายพัน เป็นหมื่น ใครบ้างไม่กลัว ไม่เครียด ไม่เหนื่อย

 

เท่าที่ผ่านมา ตำรวจได้แสดงให้เห็นถึงความอดทนอดกลั้น และการไม่ตอบโต้ ถ้าไม่ถึงที่สุด ซึ่งถ้าเทียบกับที่ผ่านมาในอดีตแล้ว แทบไม่น่าเชื่อเสียด้วยซ้ำไปว่า ตำรวจไทยจะใจเย็นและอดกลั้นได้ถึงขนาดนี้

 

ใช่ข้าพเจ้าเพียงคนเดียวที่คิดอย่างนี้ Nick Nostitz นักข่าวที่ไปทำข่าวการชุมนุมในวันที่ 29 ส.ค 2551 ก็เขียนไว้ในเว็บไซท์ newmandala[1] เช่นเดียวกันว่า แม้วันที่ตำรวจได้รับคำสั่งให้เคลียร์พื้นที่บริเวณสะพานมัฆวาน และถนนรอบทำเนียบรัฐบาล และให้เข้าไปล้อมทำเนียบไว้นั้น พวกเขาได้รับคำสั่งห้ามใช้กำลัง หรือใช้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ซึ่งพวกเขาก็ทำตามคำสั่งได้เป็นอย่างดี ตำรวจใช้กระบองน้อยมาก และเท่าที่เขาเห็น ไม่ได้มีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ซึ่งถ้าเป็นประเทศทางตะวันตกแล้ว จะมีการใช้กำลังมากกว่านี้ในสถานการณ์เช่นนี้[2] 

 

Nick ยังบอกด้วยว่า ตอนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปเยี่ยมผู้ชุมนุม ซึ่งมีพวกสส.บางคนร่วมไปด้วยนั้น พวก ส.ส.เหล่านี้ตะโกนบอกช่างภาพนักข่าวว่า "นี่ นี่ ถ่ายพวกผมนี่ พวกผมเป็น ส.ส.ประชาธิปัตย์ พวกคุณดูสิว่า ตำรวจไทยทำอะไรเลวร้ายกับประชาชนผู้ไม่มีอาวุธ" ซึ่ง Nick เขียนเล่าว่า ตอนนั้นเขานึกในใจว่า (ไม่มีอาวุธ?) แล้วอาวุธต่างๆ ที่ยึดได้จากพวกพันธมิตรล่ะ มีดเอย ดาบเอย ท่อนเหล็ก ไม้กอล์ฟ (มาจากไหน)

 

Nick เล่าว่า หลังจากตำรวจเข้าเคลียร์ที่ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานได้ไม่นานเท่าไหร่ ผู้ชุมนุมพันธมิตรกลับมากันใหม่ ตรงเข้าปะทะกับตำรวจ และขว้างสิ่งของใส่อุตลุด ตำรวจถูกกดดันจนต้องล่าถอยไป แม้แต่จะป้องกันตัวก็ยังทำได้จำกัดเพราะติดอยู่ที่โดนคำสั่งห้าม ต่างพากันวิ่งหนี รวมทั้ง Nick และนักข่าวคนอื่นๆ ไม่กี่นาทีตำรวจก็เสียพื้นที่ให้ผู้ชุมกลับมายึดคืนไปได้

 

Nick ยังเล่าด้วยว่า ตำรวจส่วนหนึ่งถูกต้อนไปจนมุมตรงข้ามลานพระบรมรูปทรงม้า โดยผู้ชุมนุมพันธมิตรกลุ่มหนึ่งล้อมอยู่เตรียมเล่นงาน Nick เองตกอยู่กลางวงล้อมด้วย เขาเล่าว่ามันน่ากลัวมาก ยังดีที่การ์ดพันธมิตรคนอื่นๆ ดึงตัวกลับไป

 

ช่วงที่มีการปะทะกันหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล Nick ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะกลับไปที่บ้าน พอกลับมาอีกครั้งหนึ่งหลังเหตุการณ์ผ่านไปสักสองสามชั่วโมง เขามาถ่ายภาพรถตำรวจที่ถูกเผา ขณะนั้นมีตำรวจสูงอายุนอกเครื่องแบบคนหนึ่งเดินเข้ามาจับมือเขาไว้ พร้อมกับพูดเหมือนคนใกล้จะร้องไห้เต็มทีว่า "ขอร้องเถอะ ถ่ายรูปพวกนี้ไว้ ให้คนได้รู้ความจริง" พูดอยู่อย่างนี้ซ้ำๆ  

 

ในความรู้สึกของ Nick ที่บรรยายออกมา เขาคิดว่า เขาได้เห็นตำรวจปฎิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพที่สุด ซึ่งไม่ค่อยเห็นบ่อยนักในเมืองไทย แต่ตำรวจกลับถูกหาว่ารุนแรงป่าเถื่อน เมื่อมีการปะทะกันและมีคนหัวร้างข้างแตกบ้าง เป็นลมบ้าง เขาก็อยากจะถามเหมือนวันว่า ป่าเถื่อนหรือ? แล้วทีผู้ชุมนุมพันธมิตรทำไมได้รับอนุญาตให้พกอาวุธอย่างเปิดเผย และใช้อาวุธเหล่านี้ทำร้ายตำรวจ ในขณะที่ตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้เลย

 

Nick เล่าว่า จากการพูดคุยกับตำรวจ หลายคนเหมือนหมดอาลัยตายอยาก แม้แต่กระบองยังถูกสั่งห้ามพก ในขณะที่พันธมิตรพกอาวุธได้เต็มที่ Nick เล่าด้วยว่า ไม่เห็นนักข่าวไทยจะแสดงท่าทีเห็นอกเห็นใจตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ในที่ชุมนุมเลยแม้แต่คนเดียว

 

Nick ตั้งคำถาม ซึ่งเป็นคำถามที่ข้าพเจ้าอยากถามเช่นกันว่า ในบ้านเมืองนี้มันมีกฎหมายสองฉบับไว้สำหรับผู้ชุมนุมต่างประเภทกันหรืออย่างไร

 

ใครหรืออะไร ที่ให้ท้ายม็อบพันธมิตรกระทำความรุนแรงต่อผู้อื่น ในนามของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ช่วยออกมาอธิบายให้กระจ่างสักที

 

 

เชิงอรรถ

[1] 29▪8▪2008 The destruction of lawful society

http://rspas.anu.edu.au/rmap/newmandala/ September 8, 2008.

[2] แต่ Nick ก็บอกว่าหากเป็นประเทศเสรีนิยมตะวันตกแล้วละก้อ การตั้งเวทีประท้วงอย่างที่สะพานมัฆวาน คงเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว และผู้ชุมนุมก็คงถูกไล่ตะเพิดไปตั้งแต่วันแรกๆ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท