Skip to main content
sharethis

"เครือข่ายพลังบริสุทธิ์เพื่อแก้วิกฤตสังคม" 4 สถาบันเรียกร้องทุกฝ่ายเจรจา ประกาศค้าน "ความรุนแรง-รัฐบาลแห่งชาติ-รัฐประหาร-การเมืองใหม่" ขอเป็นกลางชวนผูก "ริบบิ้นเทา" ด้านนิสิต ป.โท รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ชี้การเมือง 70-30 ดูถูกประชาชน ขัดประชาธิปไตย มอ.หาดใหญ่ขึ้นป้ายเรียกร้องทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมาย เลขา สนนท.เตือน นศ.ชุมนุมมีสติ ด้านศูนย์เฝ้าระวังรัฐประหารแห่งชาติเริ่มแคมเปญแจกสติ๊กเกอร์ "เบื่อม็อบพันธมิตรแล้ว"


 


 


นักศึกษา 4 สถาบันร้องยุติขัดแย้ง


เมื่อวานนี้ (8 ก.ย.) ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ตัวแทนนิสิต นักศึกษา 4 สถาบัน ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเรียกตัวเองว่า "เครือข่ายพลังบริสุทธิ์ เพื่อแก้วิกฤติสังคม" ประมาณ 50 คน เดินทางมายื่นหนังสือเปิดผนึกถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เรื่อง "รวมพลังบริสุทธิ์ เพื่อยุติความขัดแย้งทางการเมือง" โดยมี พ.อ.เอกลักษณ์ นภาสวัสดิ์ นายทหารเวรผู้ใหญ่เป็นผู้รับมอบหนังสือ ทั้งนี้กลุ่มพลังบริสุทธิ์ได้แสดงละครล้อเลียนสถานการณ์โดยให้รัฐบาลและพันธมิตรหันหน้าเข้าหากันและจับมือกันเพื่อประเทศชาติ


 


หนังสือดังกล่าวระบุว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนทำให้สังคมเกิดวิกฤติ จึงขอให้รัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯ หยุดกระทำการต่าง ๆ ที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งของประชาชนในสังคม ด้วยการหันหน้าเจรจา เพื่อหาทางออกร่วมกัน พร้อมคัดค้านการกระทำที่ส่งเสริม และก่อให้เกิดความรุนแรงที่จะนำไปสู่รัฐประหาร และการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ รวมถึงแนวคิดจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งไม่ใช่วิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ ขอเรียกร้องประชาชน นิสิต นักศึกษา ที่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายใด และต้องการเห็นสังคมสงบสุข ปักธงสีเทา หรือผูกริบบิ้นสีเทา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงความเป็นกลาง


 


 


คัดค้านการเมืองใหม่-รบ.แห่งชาติ


นายธีระยุทธ์ ประมัยพิมพ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลังบริสุทธิ์เพื่อแก้วิกฤติทางสังคม กล่าวว่า กลุ่มพลังบริสุทธิ์เป็นการรวมตัวของนิสิตนักศึกษาที่ต้องการเห็นความขัดแย้งคลี่คลายไปในทางที่ดี จึงขอให้รัฐบาลและพันธมิตรหยุดการกระทำต่างๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งต่อประชาชนในสังคม ด้วยการหันหน้าเข้าหากัน เพื่อเจรจาร่วมกันหาทางออกของความขัดแย้ง และขอคัดค้านการกระทำที่ก่อให้เกิดความรุนแรงที่จะนำไปสู่การรัฐประหาร ซึ่งไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา


 


"ขอให้ทุกภาคส่วนของสังคมปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่ ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ และขอคัดค้านการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ที่ใช้ระบบสรรหา 70 และเลือกตั้ง 30 รวมถึงแนวคิดการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพราะไม่ใช่วิธีการตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนนิสิตนักศึกษาที่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายใด และอยากเห็นสังคมสงบสุข ปักธงหรือริบบิ้นสีเทา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ความเป็นกลาง"นายธีระยุทธ์ กล่าว


 


 


70-30 ดูถูกประชาชน-ขัดหลักประชาธิปไตย


ด้านนายเอกรินทร์ ต่วนศิริ นิสิตปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวระหว่างการเสวนาในหัวข้อ "วิกฤติการเมืองไทยในมุมมองคนรุ่นใหม่ กับสถานการณ์ 2 ขั้วต่าง" โดยระบุว่า ต้องการให้ขบวนการนิสิตและนักศึกษา เข้าไปมีบทบาทในการเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มคนไม่เลือกข้าง ได้พบปะเรียนรู้ทางการเมือง และร่วมหาทางออก ซึ่งจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งลงได้ โดยในระยะสั้นที่จะสามารถฝ่าวิกฤติได้ ทั้งสองฝ่ายต้องยอมเสียสละ นายกรัฐมนตรีต้องยุบสภา หรือไม่ก็ลาออก ส่วนแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องเข้ามอบตัว ส่วนผู้ที่จะชุมนุมต่อก็ต้องไปใช้พื้นที่ซึ่งไม่สร้างความเดือดร้อนแก่คนอื่น


 


นอกจากนี้ นายเอกรินทร์ ยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ให้ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง 30 คน และมาจากการสรรหา 70 คน เพราะถือเป็นการดูถูกประชาชน และผิดหลักการในระบอบประชาธิปไตย


 


 


มอ.หาดใหญ่ขึ้นป้ายเรียกร้องทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมาย


กลุ่มนักศึกษาของสถาบันการศึกษาต่างๆ ใน จ.สงขลา อย่างน้อย 5 สถาบัน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ออกมาประกาศจุดยืนทางการเมืองอย่างชัดเจน เป็นอิสระไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยการขึ้นป้ายภายในมหาวิทยาลัย และมีข้อเรียกร้อง ให้รัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่มปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รัฐบาลจะต้องไม่ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ชุมนุมจะต้องยกเลิกการชุมนุมที่ละเมิดต่อกฎหมาย ขอให้สหภาพแรงงานทุกองค์กร ปฏิบัติงานตามปกติ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนไปมากกว่านี้


 


ด้านนายกรวิทย์ ไชยสุ นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ยืนยันว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้จะไม่ร่วมการหยุดเรียนเพื่อกดดันรัฐบาล เนื่องจากมีนโยบายเดินสายกลาง


 


ส่วนนายมนตรี สิทธิเขต นักศึกษาภาคพิเศษ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา เห็นว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่งผลทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ คือทำให้ประชาชนมีความสนใจการเมืองมากขึ้น แต่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ไม่มีขอบเขต เช่น การปิดสนามบิน ที่สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ


 


 


สนนท.เตือนนศ.ชุมนุมอย่างมีสติ


นายเบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว สำนักงานสิทธิมนุษยชนศึกษาและการพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สิทธิชุมนุมเป็นการแสดงความเห็นทางการเมืองที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่ต้องอยู่บนฐานของการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ แต่ที่ผ่านมา การแสดงออกซึ่งความเห็นเหล่านี้ เป็นความพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง เพราะฉะนั้น ข้อเสนอต่อสถานการณ์ปัจจุบันคือ แม้ว่ารัฐบาลควรเคารพสิทธิการชุมนุม แต่ก็ต้องชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ปลดอาวุธทั้งสองฝ่าย เพราะตราบใดที่ยังมีอาวุธอยู่ในมือ ความรุนแรงก็จะมากขึ้น


 


นายอาเต็ป โซ๊โก เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) กล่าวว่า ทุกคนอาจมองว่าประเทศชาติเข้าสู่ความเลวร้าย แต่อีกแง่ก็มองว่า เป็นความสวยงามของประชาธิปไตย ที่เห็นกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตาม อยากเตือนสติเพื่อนนักศึกษาไม่ให้ใช้อารมณ์ในการเข้าร่วม ไม่ว่าจะเข้าร่วมกับกลุ่มไหน อยากให้ใช้เหตุผลในการชุมนุม เคารพในสิทธิการแสดงความเห็น แม้จะเห็นต่างกัน และอยู่ในกรอบของประชาธิปไตย


                                             


 


ชี้พันธมิตรฯต้องยอมปลดอาวุธ


นายอุเชนทร์ เชียงเสน นักศึกษาปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวแทนกลุ่มโดมแดง กล่าวว่า ข้อเสนอของกลุ่มไม่ได้ยุติความขัดแย้งทางการเมือง แต่ยุติความรุนแรงทางการเมือง ความขัดแย้ง หรือเห็นต่างเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ปัญหาทางการเมืองตอนนี้ คนในความขัดแย้งพยายามสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง


 


เวลาคนมองความรุนแรงมักมองไปที่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ยังมีความรุนแรงอีกแบบคือความรุนแรงจากประชาชน การยึดเอ็นบีทีและทำเนียบรัฐบาลของพันธมิตรฯ ต้องการให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้รัฐบาลใช้กำลังในการปราบปราม เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการโค่นล้มรัฐบาล เพราะคนเหล่านี้รู้ว่าการชุมนุมโดยปกติไม่สามารถล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ จึงต้องดำเนินการให้รัฐผิดพลาดในส่วนนี้


 


นายอุเชนทร์ กล่าวว่า ความขัดแย้งไม่จำเป็นต้องยุติ แต่ต้องการยุติความรุนแรง เพราะฉะนั้น วันนี้พันธมิตรฯ ต้องให้เจ้าหน้าที่รัฐปลดอาวุธกองกำลังของตัวเอง ตอนนี้แนวโน้มที่ดีคือเจ้าหน้าที่รัฐ ปลดอาวุธแล้วเหลือเพียงโล่และกระบอง


 


 


ย้ำอารยะขัดขืนก็ต้องพร้อมรับโทษ


ที่ผ่านมา พันธมิตรฯ อธิบายว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นอารยะขัดขืน โดยอ้าง อ.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เหมือนกัน ทั้งนี้ อารยะขัดขืน คือการกระทำที่มีลักษณะสาธารณะ เปิดเผย สันติวิธี มีมโนธรรมสำนึก ตั้งใจขัดกฎหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือนโยบายบางอย่างของรัฐ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นจากกฎหมายนั้นด้วย  เพราะอารยะขัดขืนคือการพยายามเรียกร้องมโนธรรมสำนึกของสังคม ให้สงสัยว่า ทำไมคนดีๆ จึงตั้งใจละเมิดกฎหมาย ให้สังคมสงสัยว่า มีสิ่งผิดปกติในสังคมการเมืองแน่ๆ เพราะฉะนั้นอยากเรียกร้องให้  ผู้นำพันธมิตรฯ ที่ตั้งใจละเมิดกฎหมาย เรียกร้องมโนธรรมสำนึกจากสังคมโดยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม


 


ทั้งนี้ ไม่ใช่ชอบหรือไม่ชอบนายสมัคร แต่ไม่ควรให้พันธมิตรฯ เอาเงื่อนไขความรุนแรง เอาชีวิตผู้คนเป็นตัวประกัน เพื่อบีบให้รัฐบาลลาออก


 


นายอุเชนทร์ กล่าวว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้ทางการเมือง คือการโน้มนำให้คนอื่นเห็นด้วยกับตัวเอง โดยการถกเถียงกันอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่การเข้าไปอยู่ในทำเนียบรัฐบาลแล้วใช้เงื่อนไขความรุนแรงมาบีบบังคับให้คนอื่นยอมรับ


 


 


บก.ลายจุดแจกสติ๊กเกอร์ "เบื่อม็อบพันธมิตร" ชวนสวม "เสื้อแดง" รำลึก 2 ปี 19 กันยา


และในเวลา 16.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายสมบัติ บุญงามอนงค์  หัวหน้าศูนย์เฝ้าระวังการรัฐประหารแห่งชาติ พร้อมทีมงาน ได้ร่วมกันรณรงค์แจกสติ๊กเกอร์ "เบื่อม็อบพันธมิตร" ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า เซ็นเตอร์ วัน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยนายสมบัติ กล่าวว่า ตนและกลุ่มจะร่วมเดินรณรงค์แจกสติ๊กเกอร์รอบๆบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยเตรียมไว้จำนวน 3,000 แผ่น จากนั้นวันที่ 9 ก.ย. เวลา 16.00 น. ตนและกลุ่มก็จะเดินทางไปร่วมรณรงค์แจกสติ๊กเกอร์ "เบื่อม็อบพันธมิตร" ที่บริเวณสถานีขนส่งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หมอชิต)


 


เมื่อถามว่า งบประมาณที่ใช้ในการทำสติ๊กเกอร์ นายสมบัติ กล่าวว่า งบประมาณที่นำมาใช้ในการผลิตสติ๊กเกอร์ได้มาจากมูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย จำนวน 50,000 บาท และบางส่วนก็ได้มาจากการจำหน่ายเพื่อนำมาเป็นทุนหมุนเวียนในการผลิต


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดประสงค์ในการมารณรงค์ นายสมบัติ กล่าวว่า การออกมารณรงค์แจกสติ๊กเกอร์ครั้งนี้ เพื่อต้องการหาพื้นที่ ที่ใช้แสดงความคิดเห็นเพื่อต้านการกระทำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ลุกล้ำสิทธิและเสรีภาพของการเมือง


 


นายสมบัติ กล่าวอีกว่า วันที่ 19 ก.ย. จะเป็นการครบรอบ 2 ปี การรัฐประหาร ที่ทำลายรัฐธรรมนูญ 2540 โดยกลุ่มจะร่วมรณรงค์ให้ประชาชนสวมเสื้อสีแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ แต่จะไม่เน้นให้มีการชุมนุม อย่างไรก็ตาม หากเป็นกิจกรรมทางวิชาการตนและกลุ่มก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ


 


ที่มา: ประชาทรรศน์ และสำนักข่าวไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net