ภาคประชาสังคมไทยจี้กรมทรัพย์สินทางปัญญาอย่าขวางซีแอล เชื่อกฤษฎีกาจะตีความยุติธรรม

9 ก.ย.51   วันพรุ่งนี้ (10 ก.ย.) เวลา 10.00 น.คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6)  จะพิจารณาเรื่องปัญหาข้อหารือเกี่ยวกับกระบวนการบังคับใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐ ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ..2522  หลังจากบริษัทยาทำหนังสือไปยังกระทรวงพาณิชย์ ให้ทบทวนซีแอล และกระทรวงสาธารณสุขเจ้าของเรื่องได้ส่งเรื่องการดำเนินการประกาศซีแอลให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเพื่อความชัดเจนโปร่งใส

 

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เปิดเผยว่า ทางภาคประชาสังคมไทยที่ทำเรื่องการเข้าถึงยา เห็นว่า เรื่องซีแอลน่าจะจบแล้ว เพื่อได้ดำเนินการนำยาที่ประกาศใช้ซีแอลไปแล้ว มาให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการเข้าถึงยา แต่กลับพบว่ามีความไม่ชอบมาพากลในกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่พยายามขัดขวางเรื่องนี้ ทำให้เจ้าหน้าทีบางฝ่าย ไม่กล้าทำอะไรต่อ

 

"เราเสียใจที่ภายในกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะในกรมทรัพย์สินทางปัญญาเอง มีเกลือที่เป็นหนอน โดยข้าราชการระดับสูงบางคนฝักใฝ่บริษัทยา หรือแม้แต่อดีตผู้บริหารของกรมที่ย้าย ไปอยู่กรมอื่นแล้วก็ยังมีจิตใจรับใช้บริษัทยา จะเห็นได้จากการที่ส่งซิกแนล (Signal) ให้บริษัทยาทำจดหมายถึงกระทรวงพาณิชย์ ให้กระทรวงฯยับยั้งการประกาศซีแอล  แต่ถือว่าเป็นโชคดีของประเทศไทยที่ยังมีข้าราชการที่ยืนอยู่ข้างประชาชน โดยส่วนตัวเท่าที่รู้จัก ข้าราชการเหล่านั้น ได้พิจารณาข้อเท็จจริงที่มีแล้ว ต่างยืนยันว่า กระบวนการทำซีแอลของไทย ของ กระทรวงสธ. ทำอย่างถูกต้อง โดยพยายามเลี่ยงไม่ทำตามคำชี้แนะของ "พวกหนอนบ่อนไส้" ฉะนั้นสิ่งที่ข้าราชการที่มีคุณธรรมพอทำได้ คือ จำต้องส่งเรื่องไปตามขั้นตอน ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความทั้งที่ไม่เห็นความจำเป็น แต่ทำเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดเจนไป เพื่อที่นับจากนี้ บริษัทยาต่างๆจะได้เลิกตอแย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สมควร" นิมิตร์กล่าว

 

ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ มองว่า การตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาในวันพรุ่งนี้มีความสำคัญเท่ากับการตีความคุณสมบัติของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ (9 ก.ย.)

 

"จะเป็นการให้บทเรียนแก่กรมทรัพย์สินทางปัญญาและกระทรวงพาณิชย์ว่า คุณมีกฎหมายคุ้มครองประชาชน คุ้มครองผู้ป่วยได้ แต่คุณไม่เคยใช้ การที่จะใช้กฎหมายเหล่านี้ได้ต้องมาจากสำนึกที่รับใช้ประชาชนจริงๆ" นิมิตร์กล่าว

 

ทั้งนี้ จากการทำซีแอลของไทยที่ผ่านมาในกรณีของยาต้านไวรัสเอชไอวี/เอดส์ที่ได้กระจายไปโรงพยาบาลต่างๆแล้วนั้น พบว่า สามารถเพิ่มการเข้าถึงยาของผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อฯถึง 3 เท่า และสามารถประหยัดงบประมาณได้หลายพันล้าน

 

"แม้กระทั่งผลการศึกษาของธนาคารโลกก็ชี้ว่า การที่รัฐบาลลงทุนจ่ายยาต้านไวรัสรักษาผู้ป่วยเอดส์/ผู้ติดเชื้อฯ ถือเป็นนโยบายที่มีประสิทธิผลมากที่สุด แต่ถ้ารัฐไม่ทำซีแอลโครงการจะถูกลดทอน ราคายาจะแพงมหาศาลมากกว่า 400% ซึ่งรัฐจำเป้นต้องใช้ซีแอลซึ่งจะทำให้ประหยัดงบประมาณได้มากถึง 90% และเพิ่มการเข้าถึงยาของประชาชน ช่วยชีวิตผู้คน ลดอัตราการตาย เพิ่มคุณภาพชีวิต ดังนั้น จึงเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาล ข้าราชการทุกหน่วยที่ต้องปกป้องผลประโยชน์นี้อย่างมีสำนึก"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท