เมื่อวันที่ 30 ก.ย. มูลนิธิกองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมไทย ออกแถลงการแสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายเปิดอุทยานแห่งชาติเพื่อให้เอกชนเช่า โดยระบุว่าตามที่นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีนโยบายเปิดอุทยานแห่งชาติให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่จัดบริการมีพื้นที่นำร่อง 10 พื้นที่ในระยะเวลา 30 ปี โดยอ้างเหตุผลว่าจะหารายได้มาช่วยเศรษฐกิจของประเทศดีกว่าปล่อยเอาไว้ให้เสื่อมโทรมและบางพื้นที่ก็ถูกบุกรุกเสียหาย

ทางมูลนิธิกองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมไทย มีความเห็นว่า นโยบายดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆ ดังนี้

1.การเปิดพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้เอกชนเช่า ก่อให้เกิดการทำลายธรรมชาติ ความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่สามารถประเมินค่าได้ และไม่มีใครสามารถรับผิดชอบในความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้

2.การดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวก่อให้เกิดการ ทุจริตคอร์รัปชั่น การใช้อิทธิพลในหมู่นักการเมือง ข้าราชการ และกลุ่มทุนท้องถิ่น 

3.ก่อให้เกิดการนำทรัพยากรธรรมชาติมาขายโดยชอบธรรมและจะลุกลามไปสู่พื้นที่อื่นๆ ทำให้ต้องสูญเสียแหล่งธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศอย่างไม่จำกัด

4.นโยบายนี้เป็นการกีดกันการเข้าถึงทรัพยากรของประชาชน ด้วยการใช้เงินเป็นปัจจัยหลัก แทนที่จะให้ความเป็นธรรมในการเข้าถึงทรัพยากรอย่างเหมาะสมตามหลักวิชาการ     

5.นโยบายนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนงบประมาณในการจัดการอุทยานแห่งชาติได้จริง และไม่สามารถแก้ปัญหาความเสื่อมโทรม และถูกบุกรุกป่าไม้ได้อย่างแท้จริง

และสุดท้ายนโยบายนี้เป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มนายทุน นักธุรกิจ และนักการเมืองบางกลุ่มเท่านั้น

ทั้งนี้ จากเหตุผลทั้ง 6 ข้อมูลนิธิกองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมไทยขอคัดค้านนโยบายเปิดป่าอุทยานแห่งชาติให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่บริการและขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯทบทวนการใช้นโยบายดังกล่าว