Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ประวิตร โรจนพฤกษ์


 


 


ใครช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่าทำไมนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน จึงยังมีคะแนนนำลิ่วในโพลล์ระดับแนวหน้าว่าด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้


 


เป็นเพราะนายอภิรักษ์ รูปหล่อ หรือเป็นเพราะฐานเสียงผ่าน สก. สข. ของพรรคประชาธิปัตย์แน่นปึ้ก


 


หรือเป็นเพราะว่าบรรดาประชาชนชาว กทม. ไม่รู้จักประเมินผลงาน (หรือความไร้ผลงาน) ของนายอภิรักษ์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา


 


ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร นายอภิรักษ์ก็ได้เลือกใช้สโลแกนว่า เลือกเขาแล้วเราจะได้ "กรุงเทพฯ แห่งอนาคต" ปัญหาก็คือ อดีต 4 ปีที่ผ่านมานั้น นายอภิรักษ์ มิได้มีผลงานอะไรให้คนจำนวนมากภูมิใจได้ กรุงเทพฯ ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมลภาวะเป็นพิษ สภาพจราจรติดขัดก็เหมือนเดิม ความพยายามหรือข้ออ้างระหว่างหาเสียงครั้งที่แล้วว่าจะทำกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองเขียว ก็เขียวแต่ในป้ายโฆษณาของ กทม. ที่ใช้เงินภาษีประชาชนและประกาศว่า กรุงเทพฯ จะเป็นอุทยานแล้ว ในขณะเดียวกัน การเอาพืชกระถางเล็กๆ ไปติดตามป้ายรถเมล์และตอหม้อรถไฟฟ้า บีทีเอส ก็คงช่วยไม่ได้เท่าไหร่ นอกจากจะเป็นการช่วยใช้งบอย่างยั่งยืน (ยั่งยืนในที่นี้หมายถึงว่า ใช้งบได้บ่อยๆ เพราะต้นไม้ในกระถางคงอยู่ได้ไม่นาน)


 


รถเมล์เก่าๆ จำนวนมากยังคงพ่นควันดำออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน คลองแสนแสบยังเน่าและมีสีเหมือนน้ำมันดิบ และทางเดินฟุตบาธจำนวนมากก็ยังเป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนพื้นผิวดวงจันทร์ และทำให้การเดินทางประจำวันกลายเป็นการผจญภัยที่อาจอันตรายถึงแก่ชีวิต หากไม่ระวัง ส่วนผู้พิการนั้นมิต้องพูดถึงว่าจะปลอดภัยได้อย่างไร


 


ในอีกด้านหนึ่ง มลภาวะทางเสียงก็กำลังขยายตัวเป็นปัญหาใหญ่มากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเสียงดังในห้างสรรพสินค้า ศูนย์อาหาร รถเฮลโลบางกอก หรือบนชานชลารถลอยฟ้าและในตัวรถลอยฟ้า เพื่อโฆษณาสารพัด โดยที่ได้เกิดกลุ่มประชาชนรวมตัวกันเป็นกลุ่มรักความเงียบ แต่ กทม. ก็ไม่ได้ใส่ใจกับปัญหานี้แต่อย่างใด


 


เพราะฉะนั้น ณ วันนี้สิ่งที่นายอภิรักษ์จะทำเพื่อเป็นประโยชน์แก่ กทม.ได้มากที่สุด ก็คือการประกาศถอนตัวออกจากการสมัครรับเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม โปสเตอร์ล่าสุดของนายอภิรักษ์กลับมีข้อความว่า "ผมพร้อมทำงานเพื่อคนกรุงเทพฯ อีกครั้ง"


 


ลองมาดูผู้สมัครระดับแนวหน้าอีกสามคนที่โพลล์ให้โอกาสกันบ้าง เบอร์ 10 นายประภัสร์ จงสงวน ซึ่งเป็นผู้สมัครของพรรคพลังประชาชนนั้น ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าจะมีใครอยากเลือกนายประภัสร์บ้าง นอกจากเลือกเพราะอยากจะสนับสนุนพรรคพลังประชาชน ทั้งนี้ เพราะนายประภัสร์ถูกเสนอเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชาชนในนาทีสุดท้าย และที่ผ่านก็มิค่อยได้มีนโยบายอะไรที่ชัดเจนนอกจากนโยบายหลักที่ว่าจะทำให้ "กรุงเทพฯ อยู่สบาย"


 


ในขณะเดียวกันพรรคพลังประชาชนก็ชัดเจนในเรื่องนี้จึงมีโปสเตอร์ของนายประภัสร์ที่บอกว่า "รักพลังประชาชน เลือกเบอร์ 10"


 


ถึงแม้นายประภัสร์อาจจะเคยเป็นผู้บริหารของรถไฟฟ้าใต้ดิน (รฟม.) ซึ่งก็สะอาดและมีการดำเนินการที่เชื่อถือได้ แต่นั่นก็เป็นรถไฟฟ้าที่มีเส้นทางเดินรถเพียงแค่สองสาย ในแง่ความสลับซับซ้อนแล้ว ต่างจากการบริหารเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ อย่างมาก


 


นอกจากนี้แล้วประชาชนยังอยากจะให้พรรคพลังประชาชนมีอำนาจคุม กทม.ด้วยหรือในเมื่อพรรคนี้เป็นแกนนำในพรรคร่วมรัฐบาล


 


ลองมาดูผู้สมัครรายที่สาม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครอิสระที่มีสีสันมาก ระดับที่ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในหมู่ประชาชนทั่วไป นายชูวิทย์ดังมาก จึงไม่จำเป็นต้องไปใส่เสื้อแจ็คเกตมอเตอร์ไซค์แข่ง สีดำอย่างนายประภัสร์ เพื่อทำให้ดูเป็นคนทันสมัย


 


แต่เราควรเชื่อถือคนอย่างนายชูวิทย์เพียงไร นายชูวิทย์ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะผู้บริหารอาณาจักรอาบอบนวดยักษ์ใหญ่ในอดีต และชอบปฎิบัติการแผลงทางการเมือง นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีมุมมองต่อธุรกิจอาบอบนวดและการกระทำแผลงๆ อย่างไร


 


ส่วนผู้สมัครแถวหน้าคนสุดท้ายได้แก่ เบอร์ 2 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้สมัครอิสระ ผู้เคยเป็น ส.ส.เก่าพรรคประชาธิปัตย์ นายเกรียงศักดิ์โฆษณาว่า ตนมีนโยบายมากกว่า 300 นโยบาย เพื่อกรุงเทพฯ ซึ่งรวมถึงการประกาศสงครามกับแมลงสาบและหนู อย่างไรก็ตาม ไอเดียบางอย่างเช่นการทำให้โรงเรียน กทม. ทั้งหมดเป็นโรงเรียนสอนสองภาษา หรือเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ได้เท่าตัวภายใน 4 ปี อาจจะเป็นอุดมคติเกินไป แต่อย่างน้อยก็คงต้องยอมรับว่านายเกรียงศักดิ์ได้ทำการบ้านมาดีพอสมควร


 


วันอาทิตย์นี้ อาจกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคใหญ่สองพรรค และผู้สมัครอิสระอีกสองคนอาจกลายเป็นเพียงตัวประกอบก็ได้


 


คนกรุงเทพฯ อาจจะบ่นว่ามีทางเลือกไม่หลากหลายเพียงพอ แต่ในวันที่พวกเขาไปลงคะแนนออกเสียง พวกเขาควรระลึกไว้อย่างหนึ่งว่า ทางเลือกน้อยดีชั่วอย่างไรก็ยังดีกว่าสภาพประชาชนในจังหวัดอื่นที่ต้องทนกับผู้ว่าฯ แต่งตั้งจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งแน่นอน เป็นสภาพที่เลวร้ายกว่าคนกรุงเทพฯ มากนัก


 


การมีผู้ว่าฯ แต่งตั้งในต่างจังหว้ด โดยที่สื่อกระแสหลักและประชาชนกรุงเทพฯ ดูไม่มีปัญหา ในขณะที่รายงานข่าวการเลือกตั้ง กทม. กันอย่างหลากหลาย ทำให้อดคิดมิได้ว่า เลือกตั้งผู้ว่า กทม.อาทิตย์นี้ แล้วเลือกตั้งผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ เมื่อไหร่?


 


และการที่ไม่มีการพูดถึงเลือกตั้งต่างจังหวัดเลย บอกอะไรเกี่ยวกับคนกรุงเทพฯ สภาพการเมือง และประชาธิปไตยไทย


 


 


....................................


แปลและเรียบเรียงจาก  Will gubernatorial elections turn into a PPP-Democrat, the Nation, 2 ต.ค. 51


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net