ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ นำเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งเล็งปืน จากภาพที่ปรากฎในภาพข่าวสื่อมวลชน ในที่เกิดเหตุปะทะระหว่างพันธมิตรฯและตำรวจเมื่อวันที่ 7ต.ค.

โดยตำรวจคนดังกล่าวมาในชุดลำลองสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ระบุว่าตนคือตำรวจในภาพ ชื่อ ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ จันทร อายุ 22 ปี สังกัด กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ รับราชการมา 2 ปีและปีนี้ปฏิบัติหน้าที่เข้าปีที่ 3 ทั้งนี้ ตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้รับการฝึกอรินทราชมาแล้ว 1 ปี

จากนั้น ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ แนะนำชายที่นั่งอยู่ข้างๆซึ่งเดินทางมาพร้อมกับตนเองว่าเป็นบัดดี้ที่ป้องกันพลขับในวันเกิดเหตุ ชื่อ ส.ต.อ.ประคอง พันธุ์ระกา อายุ 33 ปี 

จากนั้นส.ต.ต.ณัฐวุฒิ แถลงต่อสื่อมวลชน พร้อมนำรูปภาพรถกระบะสีฟ้า ที่ขับพุ่งเข้าชนเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุวันที่ 7 ต.ค. ขึ้นมาชู พร้อมอธิบายภาพระบุว่า ตนเป็นพลขับรถบัสคันที่เห็นในภาพเดียวกัน นี้ แต่ในภาพไม่ได้เห็นรถบัสอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ตนได้ขับรถบัสไล่กวดรถกระบะคันนี้ออกนอกพื้นที่ที่ไล่ชนตำรวจ ในขณะที่ตนกำลังจะขับรถบัสเข้าไปรับเจ้าหน้าที่รัฐสภาที่ตกค้าง รถกระบะสีน้ำเงินคันดังกล่าว วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วไล่ชนเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อหน้าตน ประมาณ 4-5 นาย

"ผมขับรถบัสกำลังจะเข้าไปรับ แต่ได้รับแจ้ง ว.(วิทยุ) มาแล้วว่า มีการยิงจากกลุ่มผู้ชุมนุมใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บไปบางส่วน ดังนั้นให้เข้าไปด้วยความระมัดระวัง พร้อมกับแจ้งว่าเจ้าหน้าที่รัฐสภาออกมาหมดแล้ว ผมจึงต้องการที่จะกลับลำเพื่อที่จะนำรถออกจากพื้นที่ แต่รถคันนี้เข้ามาพอดี ผมจึงนำรถบัสวิ่งเข้าขวาง ซึ่งเห็นภาพอยู่นิดเดียวมุมนี้ รถคันนั้นถอยหนีเพื่อจะเข้ามาชนซ้ำ ผมเห็นดังนั้นผมจึงวิ่งลงมาจากรถบัส แล้วหลบขึ้นฟุตบาท เพื่อที่จะยิงสะกัดยางรถยนต์ แต่ผมยังไม่ทันได้ยิง เนื่องจากว่ารถคันนี้ถอยหนีไปก่อน จึงกระโดดขึ้นรถบัสอีกครั้งหนึ่ง แล้วขับไล่ออกไป นี่คือข้อเท็จจริง ที่ผมปฏิบัติ" ส.ต.ต.ณัฐวุฒิกล่าวและว่าวันนั้นได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ขับรถอุปกรณ์พิเศษของกองร้อยที่ 5 กองกำกับการ2 หรืออรินทราช 26 เป็นอุปกรณ์พิเศษที่ใช้ในการควบคุมฝูงชน ไปปฏิบัติหน้าที่ในจุดที่ได้รับคำสั่ง

"ผมขอชี้แจงนะครับ ที่ว่าผมยิงเนี่ย ผมยังไม่ได้ยิงแต่อย่างใดเลยนะครับ ไม่ได้ยิงนะครับ ไม่ได้ยิงครับ" ส.ต.ต.ณัฐวุฒิกล่าวยืนยันว่ายังไม่ได้ลั่นไก พร้อมให้ตรวจสอบอาวุธปืนว่าไม่มีการลั่นไก และขณะนี้ปืนอยู่ที่หน่วย ที่หมวดที่ตั้งยานพาหนะ เป็นปืนของตนเองเป็นปืน รีวอนโว .357

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรหลังจากที่ภาพตนเองตกเป็นข่าว ส.ต.ต.ณัฐวุฒิกล่าวว่า "ผมรู้สึกภูมิใจนะครับ เพราะว่าสิ่งที่ผมทำไปในวันนั้น ผมช่วยเหลือชีวิตเพื่อนตำรวจอีกหลายนาย ที่อยู่แนวหลังผม เหตุการณ์วันนั้น ที่เป็นข่าวออกมาแบบนี้ ผมรับผิดชอบคนเดียว ในขณะที่เพื่อนผมอีกหลายร้อยชีวิตที่อยู่แนวหลังรถบัสคันนี้รอดชีวิตได้ ผมภูมิใจครับ"

ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้บังคับบัญชาว่าอย่างไร ส.ต.ต.ณัฐวุฒิกล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาสอบถามว่า "ใช่ มึงหรือเปล่าในรูปนี้" แล้วให้ตนทำรายงานชี้แจง ซึ่งตนได้ทำรายงานชี้แจงแล้ว

ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่รถถอยออกไปนั้นไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเห็นตนหรือไม่ ส่วนที่เกิดเหตุเป็นบริเวณเลยทางเข้าพระที่นั่งวิมานเมฆ ในช่วงเป็นถนนเว้า

"ในขณะที่รถกลับเข้ามาเพื่อที่จะชนซ้ำ ไม่ใช่แค่ลักษณะจะวิ่งมาชน แต่รถคันนั้นวิ่งชนมาแล้วด้วย นี่คือเที่ยวที่ 2 ที่กลับมาซ้ำอีก ผมมีเป้าหมายเพียงเพื่อที่จะยิงสะกัดยาง แล้วผมจะเข้าทำการจับกุม แต่เนื่องจากว่ารถถอยหนีออกไปแล้ว และผมเล็งเห็นว่ามีกลุ่มชนก็กำลังจะเข้ามาด้วย ผมก็เลยเก็บอาวุธ แล้วค่อยๆ ล่าถอยออกไปครับ เพราะผมเอารถบัสเข้าสะกัดไปครั้งหนึ่งแล้ว ยังมีการถอยมาชนซ้ำอีก ผมต้องการยับยั้งการกระทำของรถคันนั้น และหน้าแนวรถบัส ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บนอนอยู่บนถนน ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือออกมา ณ ตอนนั้น ภาพที่เห็นในสายตาผม ไม่มีคนอื่นใด นอกจากตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บอยู่แนวหน้าและรถคันนั้นที่วิ่งเข้ามา" กล่าวเพื่อปฏิเสธว่าไม่ได้เล็งปืนไปที่ประชาชน

เมื่อถามว่า ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ จะเข้าร่วมกับ พล.ต.อ.สล้าง ในการยึดทำเนียบรัฐบาลคืนด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.สล้าง กล่าวว่า ไม่เอา

ด้าน ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนยังต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ ยังไม่ได้ลากิจลาอะไร ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ "ผมไม่เกี่ยวกับส่วนที่เข้าไปคุมผู้ชุมนุมนะครับ ผมเป็นแค่พลขับรับผิดชอบรถของกองกับกับเฉยๆ  ครับ ตอนนี้ก็ยังทำหน้าที่อยู่" ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ กล่าวและว่าหน่วยของตนพกปืนระหว่างการปฏิบัติงานได้ เพื่อรักษาอาวุธในรถ