Skip to main content
sharethis

10 .. 51 - พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก  กล่าวในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ทางช่อง 3 ถึงจุดยืนของกองทัพบกในการให้รัฐบาลรับผิดชอบในการสลายการชุมนุมว่า ปัญหาขณะนี้หลายองค์กรและภาคส่วนในประเทศ มีแต่ความคิดว่าทหารควรจะออกมาทำอะไรสักอย่าง การพูดดังกล่าวมีหลายนัยยะ  ตั้งแต่การให้ปฏิวัติ หรือให้ออกไปปฏิบัติการกับตำรวจ ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พันธมิตรประชาชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถึงแม้เขาจะชุมนุมแต่การปฏิบัติการของเจ้าหน้ารัฐที่ผ่านมา ทำให้เกิดความสูญเสีย บาดเจ็บ และมีการปฏิบัติการค่อนข้างจะรุนแรง ไม่ว่าจะฝ่ายใครก็แล้วแต่  ดังนั้นประเด็นแรก คือ ใครเป็นผู้สั่งการในเรื่องนี้ ประเด็นที่ 2 เมื่อสั่งการไปแล้ว เจ้าหน้าที่ปฏิบัติได้ตามกรอบกฎหมายได้ถูกต้องหรือไม่


 


"ถ้าในกรณีที่ผู้สั่งการ สั่งการอย่างไรที่สุ่มเสี่ยง กับการที่จะบาดเจ็บ  ล้มตาย   และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะรู้หรือไม่ว่าอาวุธนั้น จะรุนแรงระยะใกล้ หรือระยะไกล  ก็เป็นความรับผิดชอบ ของการสั่งการ แต่ถ้าไม่พูดถึงอย่างนี้สังคมไม่มีทางที่จะยอมรับ ผมไม่ได้กดดันว่ารัฐบาลผิดหรือไม่ผิด แต่รัฐบาลต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไป ต้องไปหาว่ารัฐบาลสั่งแล้วเป็นอย่างไร  แล้วก็พิจารณากันเองว่าจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร lส่วนการออกมากดดันให้ปฏิวัติก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะดีต่อประเทศชาติโดยรวม"พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว


 


เมื่อถามว่า รัฐบาลควรแสดงความรับผิดชอบ อย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า  มีหลายหนทางที่จะทำให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ แต่ไม่ขอกล่าว ทุกคนทราบดีว่าจะทำอย่างไร  บ้านเมืองจึงจะเดินต่อไปได้อย่างเรียบร้อย   เมื่อถามว่า  หากรัฐบาลไม่กระทำการใดๆ ทางกองทัพจะทำอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ต้องดูว่ากองทัพจะทำอย่างไรได้


 


เมื่อถามถึงกระแสกดดันให้กองทัพออกมาดำเนินการ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นอันที่รู้กัน ในความหมายคือให้ทหารออกมาปฏิวัติ เวลานี้เราประเมินไม่ใช่ไม่ประเมิน อดีตที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่นำมาคิดและคำนึงถึงว่าทำแล้วจะเป็นอย่างไร  ขณะนี้ผู้ที่อยู่ในแวดวงผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ที่เคารพนับถือ ไม่ว่าจะเป็นนักคิด นักวิชาการ จากหลายภาคส่วน เช่น  นพ. ประเวศ วะสี  ท่าพูดชัดว่า ปฏิวัติรัฐประหารไม่ได้  ตนไม่แน่ใจว่า ผู้ที่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ ที่ออกมาทางสื่อมีท่านใดบ้าง เห็นแต่มีท่านที่พูดเป็นนัยเท่านั้น และเห็นมีการพูดแสดงความคิดเห็นในที่ชุมนุมเท่านั้น ส่วนของทั่วไปยังไม่เห็นใคร เห็นว่าการปฏิวัติเหมาะสม


 


"สรุปได้ว่าทุกคนไม่เห็นความสำเร็จของการปฏิวัติ พอที่จะแก้ปัญหาได้ ถ้าทำได้ กองทัพบกทำสำเร็จ และเหตุการณ์จะเรียบร้อยไม่มีปัญหา น่าที่จะศึกษาพิจารณา เพราะมันได้ประโยชน์ต่อประเทศชาติ  แต่ส่วนใหญ่ขณะนี้บอกว่าทำ แล้วแก้ไขปัญหาไม่ได้  เช่น การชุมนุมจะมีอีกหรือไม่ เพราะ คมช.เคยประสบมาแล้วในช่วงระยะเวลา 1 ปี  6 เดือน และประเทศจะมีม็อบเดินมาราชดำเนิน มาสุดที่บ้านท่านองคมนตรีอย่างที่ทราบ ประเทศชาติก็เสียหาย  และ มีระเบิดเป็นระยะ  และไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรก็แล้วแต่"พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว


 


พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า มีผู้ประเมินว่ากลุ่มนักการเมืองเก่าจะกลับมาอีก รวมความแล้วทำไปแล้ว ระหว่างที่ทำไปจะมีเหตุการณ์วุ่นวาย เป็นทุกข์  ทำเสร็จแล้วก็เป็นอย่างเดิม ส่วนจะเปลี่ยนกฎกติกานั้น หากทำได้อย่างที่นักวิชาการต้องการ ก็มีแนวทางจะแก้ได้ แต่คงจะแก้ยาก ขณะนี้หลายคนไม่เห็นด้วยว่าน่าจะได้ ประกอบกับผลกระทบเรื่องนี้ ผู้นำภาคเอกชน ผู้ประกอบการระดับผู้นำภาคประชาชนก็ไม่เห็นด้วย ไม่ใช่ผมคิดเอาเอง นี่คือเรื่องการปฏิวัติเวลานี้ไม่น่าจะแก้ปัญหาได้ ไม่น่าจะคุ้ม เว้นแต่จะทำแล้ว เอาให้บรรลุขั้นแรกเท่านั้น  คือ การหยุดการใช้อำนาจ ผ่อนคลาย แต่ผมสำนึกจะให้แก้ปัญหาทั้งหมดไม่น่ากระทำได้ ทั้งนี้ จุดยืนทหารทุกคนหนักแน่นไม่ปฏิวัติ


 



ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าประเมินแล้วว่าหากปฏิวัติไปการชุมนุมก็ไม่ยุติ ประเทศเสียหาย นักการเมืองกลับมา เปลี่ยนกลุ่มบริหารส่งผลกระทบเศรษฐกิจ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถูก หากจะทำอย่างนั้นมีวิธีอื่นจะทำได้ อย่างการเรียกร้องให้เห็นว่าเป็นของคนส่วนใหญ่ของชาติ ออกมาแสดงพลัง และให้ผู้ใช้อำนาจรัฐไปพิจารณา ให้มีการกระทำได้โดยไม่ต้องปฏิวัติ


 



เมื่อถามว่า พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการยึดอำนาจคือทางออกของปัญหาแล้วตั้งรัฐบาลชั่วคราว พร้อมบอกท่านว่าอย่ากลัว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่มีความกลัว ท่านเข้าใจอะไรผิด ท่านกรุณาไปแก้ปัญหาวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมาให้เรียบร้อยก่อน ไม่ต้องห่วง ตนทำอะไรได้ไม่ต้องกังวล  ท่านพูดไม่น่ามีหลักการ


 



เมื่อถามว่า วันสลายการชุมนุม พล.อ.ชวลิต เป็นคนสั่งการหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ท่านรับและพูดเองก็ว่ากันเอง ท่านรับไปแล้วก็เป็นคนสั่งการไปกี่ข้อไปเคลียร์มาให้ได้ อย่าให้บ้านเมืองมากดดันสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะแก้ได้หรือไม่ คนไม่พอใจในเรื่องนั้นก็ทำให้รัฐบาลรับรู้ และวิเคราะห์ว่าควรทำอย่างไร



เมื่อถามว่า ประเมินสถานการณ์ 1-2 วันนี้อย่างไร โดยเฉพาะ พล.ต.อ. สล้าง บุญนาค อดีต ผบ.ตร. บอกว่าจะนำตำรวจเก่าไปยึดทำเนียบรัฐบาลคืน สุ่มเสี่ยงต่อการเผชิญหน้า พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตามกฎหมายไม่น่าจะทำได้ ผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมายทำแล้วมีปัญหา หากทำอย่างนั้นไม่น่าเป็นไปได้ และยิ่งไม่มีกฎหมายรองรับ ส่วนกรณีที่ว่าทหารไม่ออกไปตอนสบายการชุมนุมนั้น กฎหมายของประเทศไม่ได้ให้อำนาจส่วนนี้ การจัดกำลังทหารทำไม่ได้เลย ผิดกฎหมาย


 



"สมมุติทหารออกไปวันนั้นแล้วมีการปะทะกับตำรวจ แน่นอนต้องมีลูกหลงถึงประชาชน หากสอบสวนต้องถามว่าทหารออกไปได้อย่างไร มีอำนาจหน้าที่ เอาอาวุธไปได้อย่างไร อีกประเด็นที่น่าคำนึงถึง คือ ประเทศเราจะแบ่งเป็นฝ่ายและรบกัน เจ้าหน้าที่รัฐก็มีตำรวจพวกหนึ่ง ทหารพวกหนึ่ง คงไม่เกิดผลดี ทั้งนี้ ตำรวจสั่งการในระดับผู้บริหารประเทศต้องดูใครสั่งผิดถูกอย่างไร และผู้ปฏิบัติทำอย่างไรและคุมได้หรือไม่ ไม่ใช่ให้ทหารออกไปว่าเขาทำแล้วต้องออกมาจัดการ"พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว


 



เมื่อถามว่า พันธมิตรตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดทหารไม่ออกมาปกป้องประชาชน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาทำมาตลอด ตามที่พอรู้ตัวและประเมินได้ก่อน สมัยนาย สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีที่พูดไว้แรง เมื่อตนมีโอกาสก็พูดกับท่าน อย่าได้ทำ และมีครั้งหนึ่งที่เขาไปปิดหมายศาล ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งส่วนนั้น เพราะเขาไม่ได้ให้ทหารไปยุ่งเกี่ยว และมีการปะทะกัน เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ไม่ได้อยากเอาตัวพ้นไป แต่แน่นอนว่าตนไม่ได้อยู่ในเรื่องที่มีการคิดกันคืนนั้น กองทัพบกไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวและมีเหตุเกิดขึ้น พอเกิดเหตุก็ว่าทำไมทหารไม่ออกไป วันนั้นทุกคนไม่เห็นชัดว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ช่วงบ่ายผู้ใหญ่หารือกัน ผบ.ทหารสูงสุดประชุม ผบ.เหล่าทัพ และประสานไปยัง ผบ.ตร. เพราะกังวลถึงการใช้กำลัง ขอให้หยุดการใช้กำลัง แต่ต้องถาม ผบ.ตร. อีกครั้ง


 



เมื่อถามว่า คืนวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมารัฐบาลสั่งการให้ตำรวจใช้กำลังกองทัพไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ทราบสั่งการอย่างไร ทหารจะออกไปลักษณะใดต้องคิดให้ดี เพราะไม่มีกฎหมายให้ทำ การนำกำลังทหารออกไปและมีอาวุธเท่ากับเป็นการปฏิวัติ ซึ่งจะเกิดหรือไม่เกิด ไม่ต้องพูดเป็นเรื่องอนาคต แต่ขณะนี้ตำรวจถูกสั่งการมาเช่นนี้ จึงดำเนินการ สถานการณ์หน้า บชน. ตำรวจปฏิบัติการเพื่อป้องกันไม่ให้คนมาทำอะไร


 


"แต่ช่วงกลางคืนไม่น่าจะรักษาสถานการณ์ความเรียบร้อยได้ จึงประสานร้องขอทั้ง 3 เหล่าทัพ เราจึงจัดกำลังไปรักษาความสงบเรียบร้อยให้ คนก็ไปตีว่าไม่ปฏิวัติคือพวกรัฐบาล ซึ่งเป็นนอมินีของอดีตนายกฯ เป็นพวกของตำรวจ เป็นคนละฝ่าย ซึ่งไม่ใช่ ทหารเป็นทหารของประชาชน ยืนยันว่าเราไม่ทำอะไรให้ประเทศเสียหาย แต่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการปฏิบัติที่ทำให้ประชาชนบาดเจ็บและสูญเสีย"พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว


 


เมื่อถามว่า พูดคุยกับนาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ท่านไม่ได้พูดคุยกับตน ท่านคงบอกให้คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) ช่วยดูแลเรื่องนี้ เมื่อถามว่า สถานการณ์จะยุติได้อย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลค่อยๆคิด เพราะไม่มีทางอื่น รัฐบาลทำอะไร ทำให้เหตุการณ์เป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับรัฐบาลเองว่าจะทำอย่างไรให้สถานการณ์สงบลงได้ เหตุการณ์เกิดขึ้นมา เพราะความไม่พอใจจากการปฏิบัติที่ผ่านมา ต้องเคลียร์ส่วนนี้ให้ได้ ทั้งหมดอยู่ที่รัฐบาล หลังจากนี้ต้องว่ากันต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ


 


เมื่อถามว่า สถานการณ์กดดันท่านหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เหมือนกับประชาชนทุกคนที่ได้รับความกดดัน ซึ่งอาจท้อแท้ เหนื่อยหน่าย หรือหดหู่ ทุกคนเป็นตนก็เป็น สิ่งที่พูดวันนี้ค่อนข้างเกินเลยในส่วนกองทัพไปพอสมควร แต่หากไม่พูดก็จะนำไปเป็นประเด็น ทำให้คนไม่เข้าใจ เมื่อไม่ออกมาก็ต้องคิดว่าเป็นคนฝ่ายนั้น บ้านเมืองจะเป็นฝักเป็นฝ่าย หากเป็นอย่างนั้นบ้านเมืองจะเสียหายมากกว่านี้


 




ที่มา: เว็บไซต์แนวหน้า


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net