Skip to main content
sharethis





การเมือง


สนธิจวกแม้ว ซื้อทหาร-ตร.ล้มสถาบันฯ


ผู้จัดการรายวัน - นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีที่ทำเนียบฯ ได้ย้ำให้พี่น้องเดินหน้าขยายการบอยคอตหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับต่อไปจนถึงที่สุด นั่นคือ ข่าวสด มติชน และมติชนสุดสัปดาห์ และเพิ่มอีกหนึ่งฉบับคือ ประชาชาติธุรกิจ เพื่อเห็นแก่วีรชนของเราที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต


 


จากนั้นนายสนธิ ได้กล่าวว่า ณ วันนี้เราสามารถสรุปได้แล้วว่า สาเหตุที่เราต่อสู้เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และราชบัลลังก์ เพราะถ้าสถาบันพระมหากษัตริย์มั่นคง ชาติก็มั่นคง ขณะเดียวกัน ถ้าสถาบันไม่มั่นคงชาติก็ไม่มั่นคงไปด้วย


 


"ให้พวกเราคิดสักนิดว่า ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงวันนี้ พวกมันยังไม่หยุดจาบจ้วง วันนี้ที่เวทีสนามหลวง ยังด่าสถาบันพระมหากษัตริย์ วันนี้มันเปิดหน้าชกแล้ว" นายสนธิ กล่าว และว่าระบอบทักษิณ เอาเงินไปซื้อรากหญ้า ซื้อตำรวจ และทหาร ที่มีอำนาจบางคน ซึ่งตอนนี้เรารู้แล้วว่าเป็นใคร เพราะแม้ประชาชนถูกฆ่า มันก็ไม่ออกมา เห็นเกมของพวกมันแล้วหรือยัง


 


"นี่คือเกมทำลายของทักษิณ เกมการเมือง เกมในสภา ถือว่าเกมลวง แต่ยังมีก้างขวางคอที่ยิ่งใหญ่สุดคือพวกเราที่ทำเนียบฯ และที่สะพานมัฆวานฯ เท่านั้น จำได้หรือไม่ที่เคยบอกว่าราชบัลลังก์มีแต่พวกเราเท่านั้น และให้จำไว้ว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งยวด" นายสนธิ กล่าว และว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องมีประชาชน ซึ่งเวลานี้มีประชาชน 2 ส่วน ส่วนหนึ่งคือพวกเราที่ยอมตายเพื่อปกป้องราชบัลลังก์ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งที่ยังเข้าไม่ถึงข้อมูล


 


นายสนธิ กล่าวว่า ตนเองมานั่งทบทวนในเรื่องคดีความต่างๆ หรือเรื่องชั่วๆ ต่างๆ พวกมันไม่เคยยี่หระ เพราะวัตถุประสงค์ของพวกมันคือ ต้องการสลายพวกเรา และเป้าหมายของมันคือ ต้องการล้มล้างราชบัลลังก์


 


"นายวีวะ และนายจักรภพ พูดว่าไม่ต้องไปเจรจากับพันธมิตรฯ แต่ต้องไปเจรจากับเจ้าของพันธมิตรฯ ดังนั้น ถ้าพวกเอ็งไม่ยอมรับสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ให้ใสหัวออกไป เพราะพวกเราต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะปกป้องด้วยชีวิต" นายสนธิ กล่าว และว่า วันนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างคนที่เอาพระมหากษัตริย์ กับฝ่ายที่ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้เลือกเอา และนี่คือสงครามครั้งสุดท้าย เราถอยไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว


 


นายสนธิ สรุปว่า สาเหตุที่พวกเราเหล่าพันธมิตรฯ มารวมกันเป็นหนึ่งเดียวจนถึงบัดนี้ก็มาจากสาเหตุที่เรารักพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีนาถ และราชวงค์นั่นเอง ดังนั้นการเมืองใหม่ต้องเริ่มที่สถาบันพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรมนั่นเอง เพราะจะทำให้ประชาธิปไตยมั่นคง และชาติมั่นคง


          


ปปช.ชี้ 3 บิ๊กตร.พันสลายม็อบ


กรุงเทพธุรกิจ -  ความคืบหน้าการสอบสวนสลายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมหน้ารัฐสภา วานนี้ (14 ต.ค.) นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก แถลงผลการประชุมว่า ได้พิจารณาเรื่องการกล่าวหา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กับพวก กรณีสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปราบปรามประชาชน เพื่อสลายการชุมนุมโดยมิชอบ ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ตามที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 20 คน ได้ยื่นหนังสื่อต่อ ป.ป.ช.



 


ทั้งนี้ ป.ป.ช.พิจารณาจากข้อกล่าวหาและข้อมูลจากสื่อมวลชน ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา มีข้อเท็จจริงชั้นต้นพอฟังได้ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท พล.ต.ท.สุชาติ และ พล.ต.ต.อำนวย ได้สั่งการให้ตำรวจสลายการชุมนุม โดยใช้อาวุธร้ายแรงเกินกว่าเหตุจริง อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามข้อกล่าวหา ส่วนนายสมชาย และ พล.ต.อ.จงรัก ในชั้นนี้ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า มีส่วนร่วมในการสั่งการดังกล่าวด้วยจึงมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวน พล.ต.อ.พัชรวาท พล.ต.ท.สุชาติ และ พล.ต.ต.อำนวย โดยมีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน ถ้าการไต่สวนของคณะอนุกรรมการพบหลักฐานพาดพิงว่า นายสมชาย หรือมีบุคคลอื่นเกี่ยวพัน ก็สามารถดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติมได้



 


ส่วนในการขอมติการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนสลายผู้ชุมนุมในวันที่ 7 ต.ค.มาพิจารณาหรือไม่ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประธานอนุกรรมการไต่สวนจะดำเนินการ แต่มีสิทธิขอเอกสารทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นมติ ครม. เอกสารคำสั่งต่างๆ ข้อมูลจากหน่วยราชการ เอกชน รวมถึงข้อมูลจากคณะกรรมการไต่สวนอิสระที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาก็สามารถขอมาพิจารณาได้



 


มติ 'ศาลรธน.' รับ 'ยุบพรรค' พปช.,ชท.,มฌ.


ไทยโพสต์ - นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีนายชัช ชลวร เป็นประธาน ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องที่อัยการสูงสุด  (อสส.)  ขอให้ยุบพรรคพลังประชาชน  (พปช.)  พรรคชาติไทย  (ชท.)  และพรรคมัชฌิมาธิปไตย  (มฌ.)  ไว้พิจารณาแล้ว  โดยจะทำหนังสือให้หัวหน้าพรรคทั้ง 3 พรรคได้รับทราบ และส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามายังศาลภายใน 15 วัน  นับแต่วันที่รับหนังสือ  และศาลยังอนุญาตให้นายเศกสรรค์ บางสมบุญ  อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ  และคณะ  เป็นผู้ดำเนินคดีในศาลรัฐธรรมนูญแทน  อสส.ที่ได้ขอมา



 


อธิการบดีอายะขัดขืน!ไม่สังฆกรรมทั่นศรีเมือง


ไทยโพสต์ - นายศรีเมือง เจริญศิริ  รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสข่าวอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน 165  แห่ง อาจไม่เข้าร่วมหารือตามที่นัดหมายในวันที่  16  ต.ค. เนื่องจากมีอธิการบดี 30  แห่งได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ 7 ต.ค.ว่า  การนัดหารือกับอธิการบดีทั้ง 165 แห่งยังคงมีตามกำหนดในเวลา  18.00  น.  วันพฤหัสบดีนี้  ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์  โดยจะหารือเรื่องการพัฒนาการศึกษา



เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยเรื่องการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของกลุ่มอธิการบดีหรือไม่ รมว.ศึกษาธิการกล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นของกลุ่มอธิการบดีถือเป็นการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ จะไม่นำมาพูดคุย โดยจะหารือเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับนโยบายทางด้านการศึกษาเท่านั้น



 


อย่างไรก็ตาม  เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังอธิการบดีหลายมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่บอกว่าจะไม่เข้าร่วมประชุม  โดย  ศ.ดร.สุรพล  นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  (มธ.)  กล่าวว่า ในวันที่ 16 ต.ค.  ติดราชการต่างประเทศ  แต่จะส่งรองอธิการบดีคนอื่นมาแทน  เช่นเดียวกับนายพงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์  อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ระบุว่า  ไม่สามารถมาร่วมประชุมได้เนื่องจากติดราชการอยู่ที่ประเทศไต้หวัน   รวมทั้ง  ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมเช่นกัน  เนื่องจากติดภารกิจในช่วงเย็น  แต่ได้มอบหมายให้รองอธิการบดีเข้าร่วมประชุม



 


"ผมไม่เกรงกลัวว่าจะเกิดข้อครหา  เนื่องจากผมมีความจำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจจริงๆ  จึงได้มอบหมายให้รองอธิการบดีเข้าร่วมประชุมแทน"  อธิการบดีจุฬาฯ  กล่าว



 


ขณะที่   รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร  (มน.)  ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย   (ทปอ.) กล่าวว่า ส่วนตัวคงไม่ได้มาร่วมหารือครั้งนี้  เพราะติดงานราชการ  ถ้าไม่ติดงานก็มาเกือบทุกครั้ง



 


ด้าน  ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา  (กกอ.)  กล่าวว่า  ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยตอบรับเข้าร่วมประชุมมาแล้ว 50  แห่ง  ซึ่งหากอธิการบดีบางคนไม่เข้าร่วมประชุม  ก็ถือเป็นสิทธิ  อย่างไรก็ตามคาดว่าในวันที่  15  ต.ค.นี้จะมีอธิการบดีตอบรับเข้าร่วมประชุมอีก



 


 "อภิสิทธิ์"จี้ยุบสภาฟื้นเศรษฐกิจ


ผู้จัดการรายวัน - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผย ภายในงานสัมมนาเรื่อง "การเตรียมรับมือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยในภาวะวิกฤต" ว่าสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ภายหลังจากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จะผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวทำให้ยอดนักท่องเที่ยวลดลง เนื่องจากสำนักข่าวต่างประเทศได้นำเสนอภาพความรุนแรงต่างๆ ทำให้ต่างประเทศมองว่าประเทศไทยไม่มีความปลอดภัย จึงชะลอแผนที่จะเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย และหันไปเที่ยวประเทศอื่นๆ แทน


 


ขณะที่แนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น รัฐบาลควรออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมองว่าการยุบสภาน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของทางที่ดี เพราะหากรัฐบาลพยายามดึงดันที่จะบริหารประเทศต่อไปอาจทำให้เกิดการปะทะที่รุนแรง หรือเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารได้ เนื่องปัจจุบันปัญหาดังกล่าวสร้างความแตกแยกฝังลึกไปยังจิตใจของคนไทย


 


"ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งในเรื่องของวิกฤตการเงินสหรัฐฯ ปัญหาการเมือง ได้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันแก้ไข ไม่ว่าจะเป็น รัฐบาล ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจอื่นๆ"


 


นปช. เคลื่อนพลจุดเทียนรำลึกอนุสาวรีย์ ปชต. วัน 14 ตุลา


แนวหน้า - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่บริเวณท้องสนามหลวง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ได้ตั้งเวทีปราศรัยใหญ่เป็นวันสุดท้าย เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ครบรอบ 35 ปี 14 ตุลา ภายใต้ชื่อ"ประชาธิปไตยภายใต้อุ้งเท้าใคร เมื่อกบฏถูกปกป้อง" โดยมีกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมใส่เสื้อสีแดง ต่างทยอยมาร่วมชุมนุมกว่าพันคน ทั้งนี้มีแกนนำนปช. อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อ.คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายวราวุธ ฐานังกรณ์ หรือ สุชาติ นาคบางไทร แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย สลับการขึ้นเวทีปราศรัย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ กล่าวถึงการต่อต้านเผด็จการและกล่าวปราศรัยโจมตีพันธมิตร



 


ขณะที่บริเวณโดยรอบเวทีการชุมนุม มีพ่อค้าแม่ค้าหัวใส ได้นำ"ตีนตบ"มาจำหน่ายเป็นครั้งแรกในราคาอันละ 40 บาท สร้างความสนใจแก่ผู้ชุมนุม ทั้งซื้อไปตบเชียร์เอง และซื้อไปฝากคนที่บ้าน จากการสอบถามแม่ค้ารายหนึ่งที่นำ"ตีนตบ"มาขายร่วม 200 อัน ทราบว่า "ตีนตบ" รับมาจากแนวร่วมนปช.ที่ทำการผลิตขึ้นเอง จากโรงงานแห่งหนึ่งในเขตกทม.ทั้งนี้แม่ค้าได้ขาย"ตีนตบ"หมดเกลี้ยงในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แม้จะขึ้นราคาเป็นอันละ 50 บาทแล้วก็ตาม พร้อมกับยืนยันว่า จะนำกลับมาขายอีกครั้งต่อการชุมนุมครั้งต่อไป



นายวีระ กล่าวว่า ตนจะไม่เข้าร่วมสังฆกรรมกับคณะกรรมการ 14 ต.ค.เพราะเห็นว่าบุคคลในคฯะกรรมการนี้ เป็นผุคคลที่รับใช้เผด็จการ และระบอบอำมาตยาธิปไตย เพราะเป็นกลุ่มบุคคลที่ทำลายเจตนารมณ์กลุ่มคนเดือนตุลา และหากินบนความตายของวีระชน และขอร้องให้ประชาชนไปร่วมชุมนุมแสดงพลังในการจัดรายการความจริงวันนี้ให้เต็มสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานในวันที่ 1 พ.ย.นี้



 


นายจตุพร กล่าวว่า วีระชนคนเดือนตุลาเราควรยกย่อง แต่คนเดือนตุลา และคนแดือนพฤษภา ที่กลายพันธุ์ ถ้าเจอที่ไหนให้ใช้ตีนตบไล่ และการชุมนุมใหญ่ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานในวันที่ 1 พ.ย.ต่อการจัดรายการความจริงวันนี้ ขอให้ประชาชนผู้ร่วมงานได้ช่วยกันนำอุปรณ์เชียร์กีฬา ที่มีเสียงดัง นำไปเชียร์ ประชาธิปไตยเพื่อให้เกิดเสียงดังไปถึงทำเนียบรัฐบาล



 


นายวิภูแถลง ให้สัมภาษณ์ด้านหลังเวทีว่า ในเวลา 22.30 น.แกนนำนปช.จะนำกลุ่มผู้ชุมนุมไปจุดเทียนรำลึกถึงวีระชนเหตุการณ์ 14 ต.ค.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามการจัดเวทีปราศรัยในวันนี้ ถือเป็นวันสุดท้าย และจะนัดชุมนุมใหม่ในวันที่ 31 ต.ค.เพื่อรำลึกถึงนายนวมทอง ไพรวัลย์ คนขับรถแท็กซี่ชนรถถังจนเสียชีวิต เมื่อครั้งเกิดการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549



 


4 สส.พลังประชาชนแจ้งจับพันธมิตรรุ่น 2


สยามรัฐ - เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 14 ต.ค.51 ที่สน.ดุสิต นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี นายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจนบุรี นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ส.ส.ศรีสะเกษ ทั้งหมดสังกัดพรรคพลังประชาชน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ธันยวัต ชวาฤทธิ์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ที่พาประชาชนไปปิดล้อมรัฐสภาในวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ใน 2 ข้อหา ประกอบด้วย มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้น กระทำการใด ให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคอื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และมาตรา 392 ผู้ใด ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็น มีโทษปรับไม่เกิน 1 พันบาท โดยนำหลักฐานเป็นภาพถ่ายกล้องวงจรปิดรอบอาคารรัฐสภา ที่ถูกกลุ่มพันธมิตรใช้ผ้าดำคลุม ภาพรอยกระสุนที่กระจกชั้น 2 ของอาคาร 2 รัฐสภา มอบไว้ให้เป็นหลักฐานด้วย



 


นายสุชาติ กล่าวว่า ที่มาแจ้งความ เนื่องจากในวันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่มีการประชุมสภา เพื่อแถลงนโยบายของรัฐบาล กลุ่มพันธมิตรได้ไปปิดล้อมอาคารรัฐสภาไว้ ทำให้ส.ส.ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ และภายหลังเมื่อเข้าไปประชุมสภาได้แล้ว กลุ่มพันธมิตรก็ยังปิดล้อมอาคารรัฐสภาอยู่ นอกจากนี้ ยังมีการตะโกนข่มขู่ต่างๆนานา จนกระทั่งประชุมสภาเสร็จ ก็ไม่สามารถกลับออกมาได้ ถูกปิดล้อมอยู่นาน จนช่วงเย็นในเวลา 16.00 น. จึงสามารถออกมาได้เพียงบางส่วน



 


นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุม พยายามจะพังรั้วเข้าไปข้างใน นอกจากนี้ ยังมีการตะโกนขู่ฆ่า ปลุกระดมให้กลุ่มผู้ชุมนุม ระบุให้เข้าไปฆ่ามัน ซึ่งหากพังรั้วเข้าไปได้ ไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้น เนื่องจากทางกลุ่มพันธมิตร มีการเตรียมยางและน้ำมัน เหมือนจะเข้าไปเผา ส่วนรอยกระสุน เกิดขึ้นช่วงประมาณเวลา 17.30 น. ที่กลุ่มพันธมิตรพยายามจะบุกเข้าไป และกลุ่มพันธมิตรมีการใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ จึงมีรอยกระสุนอยู่ที่กระจกชั้น 2 ของอาคาร 2 รัฐสภา นอกจากนี้ ยังมีการนำ ผ้าดำไปปิดกล้องไว้หมดโดยรอบด้วย



นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นจะแจ้งความให้ดำเนินคดีกับแกนนำทั้ง 4  คน ประกอบด้วยนายอมร อมรรัตนานนท์ นายศิริชัย ไม้งาม นายสำราญ รอดเพชร นายสาวิทย์ แก้วหวาน และหลังจากนี้ หากตรวจสอบหลักฐานพบว่ามีแกนนำคนใดเพิ่มเติม ก็จะมาแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมภายหลัง



 ด้าน พ.ต.ต.ธันยวัต กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับแจ้งความไว้ จากนั้นจะสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด และจะรวบรวมคำให้การส่งให้คณะกรรมการของบช.น. ซึ่งทำคดีเกี่ยวกับพันธมิตรคือคดีเลขที่ 395/51 อยู่แล้วดำเนินการต่อไป


 






เศรษฐกิจ


ดีเซลลงอีกเหลือ 25.74 บาท จี้รถเมล์ลดราคา


ไทยโพสต์ - เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศลดราคาขายปลีกกลุ่มเบนซินและดีเซลลงอีก 1  บาทต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์อี 20 ที่ลดลง 50 สตางค์ต่อลิตร ส่วนอี  85  ไม่เปลี่ยนแปลง  มีผลวันที่  15 ต.ค.  ส่งผลให้ราคาในเขตกรุงเทพฯ  และปริมณฑล  เบนซิน  95  อยู่ที่  34.99  บาทต่อลิตร  เบนซิน  91  อยู่ที่ 31.99 บาท  แก๊สโซฮอล์  95  อยู่ที่  25.49  บาท  แก๊สโซฮอล์  91  อยู่ที่  24.69  บาท  แก๊สโซฮอล์อี  20 อยู่ที่ 24.69 บาท  แก๊สโซฮอล์อี  85  อยู่ที่  18.29  บาท  ดีเซล  25.74  บาท  ไบโอดีเซลบี  5  อยู่ที่  25.04  บาท



 


ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า  ภายในสัปดาห์นี้จะเจรจากับผู้ประกอบการรถสาธารณะภาคเอกชน เพราะราคาน้ำมันลดลงมากแล้วก็ควรลดค่าโดยสารลงด้วย


ส่วนกรณีคณะรัฐมนตรี  (ครม.)  เศรษฐกิจเห็นควรทบทวนแผนการเช่ารถเมล์สาธารณะที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV)  เพราะราคาน้ำมันลดลงนั้น  นายโสภณยังยืนยันแผนการเช่ารถเมล์  NGV  แบบเดิมตามมติ  ครม.สมัยนายสมัคร สุนทรเวช คือ เช่ารถเมล์ทั้งหมด  4,000  คัน โดยไม่ลดจำนวน  เพราะครอบคลุมทั้ง 145  เส้นทางเดินรถของ  ขสมก. และมีความคุ้มค่าต่อการใช้ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์  (E-Ticket) โดยจะหารือกับ รมว.คมนาคมอีกครั้ง  ซึ่งสุดท้ายหาก  ครม.มีความเห็นตรงกันให้ทบทวนก็พร้อมยอมรับตามมติเสียงส่วนใหญ่


 


อมตะสั่งตัดงบ ญี่ปุ่นเบรกแผน มึนปีหน้าหืดแน่


ไทยโพสต์ - นายวิบูลย์  กรมดิษฐ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ  บริษัท  อมตะ   คอร์ปอเรชั่น  จำกัด  (มหาชน) เปิดเผยถึง 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า ขอแค่มาตรการเดียวคือ ขอให้บ้านเมืองสงบก่อน เพราะถ้าบ้านเมืองไม่สงบก็แก้อะไรไม่ได้ โดยล่าสุดมีนักลงทุนรายใหญ่  4  รายที่ทำสัญญาซื้อขายที่ดินในนิคมอมตะซิตี้ รวม 1  พันไร่  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่นที่วางแผนลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์แจ้งขอชะลอการลงทุนออกไปก่อนเพื่อทบทวนแผน เนื่องจากเจอวิกฤติการเงินในสหรัฐอเมริกา ความไม่สงบทางการเมืองและความเชื่อมั่นต่างๆ



นอกจากนี้  การชะลอซื้อพื้นที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น  เพราะผูกพันกับเศรษฐกิจโลกที่สะเทือนถึง 100%  อย่างไรก็ตามยังไม่มีนโยบายลดราคาขายพื้นที่ หากลดจะกลายเป็นการลดเกรดตัวเองมากกว่า



 


อาเซมเล็งถกวิกฤติศก.


ไทยโพสต์ - นายหลิว เจียยี่  รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของจีน เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่าการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ครั้งที่  7 ที่กรุงปักกิ่งของจีน  ในระหว่างวันที่  24-25  ต.ค.นี้  ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้นำจาก 2  ภูมิภาคจะได้หารือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลกร่วมกันส่วนประเด็นหลักอื่นๆ  มีอาทิ  การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลก  พลังงาน  และความมั่นคงทางอาหาร



อย่างไรก็ดี นายหลิวไม่ยืนยันรายงานข่าวก่อนหน้านี้ที่บอกว่าผู้นำชาติเอเชียอาจพบกันนอกรอบการประชุมอาเซมเพื่อถกเรื่องวิกฤติการเงิน  แต่เขาระบุชัดว่าที่ประชุมอาเซมจะเน้นหารือประเด็นเศรษฐกิจกิจอย่างแน่นอน



ที่ผ่านมา  เวทีอาเซมการประชุมซึ่งเป็นการรวมตัวของ  45  ชาติจากเอเชียและยุโรป  จัดขึ้นทุกๆ  2  ปี ถูกมองว่าเป็นเวทีที่ยังไม่อาจผลักดันแนวทางการแก้ปัญหาใดๆ  ร่วมกันได้  เนื่องจากประเทศสมาชิกจาก  2  ทวีปมีความแตกต่างกันมาก



นายหลิวยอมรับว่าผลการประชุมอาเซมครั้งนี้อาจไม่ส่งผลดีต่อโลกในวงกว้างและอาจไม่เป็นข่าวใหญ่โต  แต่เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเอเชียและยุโรปให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น  เขาบอกด้วยว่าปัญหาโลกร้อนจะเป็นอีกประเด็นสำคัญของการประชุม  โดยที่ผ่านมายุโรปนั้นพยายามเกลี้ยกล่อมให้จีนรวมถึงชาติอื่นๆ ในเอเชีย ให้คำมั่นร่วมเจรจาจัดทำพิธีสารฉบับใหม่เพื่อแทนที่พิธีสารเกียวโตที่กำลังจะหมดอายุลงในสิ้นปี  2555  นี้



ปัจจุบันประเมินกันว่าจีนนั้นได้แซงหน้าสหรัฐเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลกไปแล้ว  แต่ทั้งสองประเทศกลับมีบทบาทในการลดก๊าซเรือนกระจกน้อยมาก  สหรัฐนั้นไม่ยอมให้สัตยาบันในพิธีสารเกียวโต ที่เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อปี  2548  ส่วนจีนแม้จะยอมให้สัตยาบัน  แต่เพราะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา  ทำให้ไม่ถูกผูกมัดจากพิธีสารเกียวโตมากนัก


 


ครม.อนุมัติ 6 มาตรการพยุงศก.


ผู้จัดการรายวัน - น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. ยังเห็นชอบ 6 มาตรการตามมติที่ประชุม ครม. ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหารือเกี่ยวกับผลกระทบวิกฤตการเงินของโลก เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมาเสนอ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปจัดทำรายละเอียดของแผนตามมาตรการ 6 ข้อ ทั้งนี้ให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รับความเห็นเกี่ยวกับปัญหาการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินให้กับผู้ประกอบการและการเข้าถึงสินเชื่อของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยพิจารณาผ่อนปรนระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับการอนุมัติสินเชื่อให้ผู้ประกอบการด้วย


 


"ครม.มอบหมายให้นายโอฬาร ไชยประวัติ เป็นประธานคณะทำงานติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันวิกฤตการเงินโลก โดยมีรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นคณะทำงาน และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการ"


 


     






ต่างประเทศ


ลดความตึงเครียดไทย-กัมพูชา


เดลินิวส์ - ศูนย์ราชการ อ.พนมปรึก จ.พระตะบอง หรือที่ว่าการอำเภอพนมปรึก นายอภิสิทธิ์ ธีรภูวฤทธิ์ นายอำเภอสอยดาว จ.จันทบุรี พร้อมด้วย น.อ.จักรพงษ์ อาษานอก หัวหน้าชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 2 อ.สอยดาว พ.ต.ท.วีระพงษ์ มี ความดี สารวัตร สภ.สะตอน อ.สอยดาว และนายปราชญ์ จัน ผู้ว่าราชการจังหวัดพระตะบอง ร่วมกันทำพิธีเปิดที่ว่าการ อ.พนมปรึก โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยราชการต่าง ๆ ใน จ.พระตะบอง และชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ใน จ.พระตะบอง ร่วมพิธีเปิดที่ว่าการอำเภอดังกล่าว



นายอำเภอสอยดาว เปิดเผยว่า ศูนย์ราชการ อำเภอพนมปรึก หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ที่ว่าการอำเภอพนมปรึก เป็นศูนย์รวมหน่วย งานต่าง ๆ ของกัมพูชา ที่เกี่ยวเนื่องกับการติดต่อประสานงานด้านชายแดนไทย-กัมพูชา ใน จ.จันท บุรี กับ จ.พระตะบอง รวมทั้งเป็นศูนย์รวมหน่วยงานอีกหลายหน่วยงานของกัมพูชาในการให้บริการชาวกัมพูชา อยู่ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา ที่จุดผ่อนปรนไทย-กัมพูชา หมู่บ้านซับตารี หมู่ 2 ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว กว่า 1 กิโลเมตร



โดยภาคเอกชนและทางราชการของไทย ได้ให้การสนับสนุนในการก่อสร้างที่ว่าการ อ.พนมปรึก จนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ โดยภาคเอกชนของไทยได้ช่วยสนับสนุนด้านวัสดุก่อสร้างหลายชนิด การให้ความช่วยเหลือครั้งนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ให้ดียิ่งขึ้นและผ่อนคลายท่า ทีที่ตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา หลังจากเกิดปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนขึ้น


 


"ไต้หวัน"ไล่เบี้ยเงินสำรองจ่าย"คนงานไทย"จี้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายล่วงหน้ากว่าล้านบาท


พิมพ์ไทย - ซิงหัว  นางจันทวรรณ ทองสมบุญ รักษาการอธิบดีกรมการจัดหางาน  เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานได้รับการประสานจากคณะกรรมการการแรงงานไต้หวัน (CLA) ให้แจ้งการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการส่งตัวกลับประเทศไทยกับผู้รับผิดชอบ หรือคนงานไทยที่กระทำผิดกฎหมายและถูกส่งตัวกลับมาแล้ว จำนวน 373 คน ซึ่งกรณีผู้จัดหางานโดยผิดกฎหมาย และคนงานไทยที่ถูกส่งกลับมาแล้ว ทางการไต้หวันไม่สามารถสืบหาตัวได้ พร้อมได้ส่งรายชื่อคนงานไทยทั้งหมดมายังกรมการจัดหางานเพื่อให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายต่อบุคคลตามรายชื่อ


 


ทั้งนี้ตามกฎหมายการจ้างงานของไต้หวัน ฉบับแก้ไข มาตรา 60 ข้อที่ 1 กำหนดให้ผู้ที่ให้ที่พักพิง หรือจัดหางานโดยผิดกฎหมาย นายจ้างผู้ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อสาเหตุที่ส่งผลให้คนงานต่างชาติถูกส่งกลับ และคนงานต่างชาติที่หลบหนี และถูกส่งกลับรับผิดชอบค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการส่งตัวกลับดังกล่าว รวมค่าเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 918,993 เหรียญไต้หวัน หรือประมาณ 1,075,221 บาท โดยจำแนกเป็นค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน 13,500 เหรียญไต้หวัน ค่าอาหารระหว่างรอการส่งกลับ 905,493 เหรียญไต้หวัน


 


คนงานที่ถูกส่งตัวกลับมีทั้งที่จงใจลักลอบเข้าไปทำงาน และผู้ที่ถูกสาย/นายหน้าหรือบริษัทจัดหางานเถื่อนหลอกลวงส่งไป ซึ่งการลักลอบเข้าไปทำงานดังกล่าวนอกจากจะเป็นการผิดกฎหมายของประเทศไต้หวันแล้ว ยังเป็นการกระทำผิดพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 ในข้อหาลักลอบเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วย


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net