ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 17 ต.ค. 2551

เผยสมชายอาจเรียกอนุพงษ์ถกหลัง4ผบ.เหล่าทัพจี้ให้ลาออก

เว็บไซต์คมชัดลึก - "ยงยุทธ-สมพงษ์"เข้าพบสมชายคาดหารือกรณีผบ.ทบ. กล่าวผ่านช่อง3 คิดให้สมชายลาออก ลั่น "ถ้าเป็นผมลาออกไปแล้ว" เพื่อรับผิดชอบสลายม็อบทำประเทศชาติเสียหาย" "สมชาย"ยันทำงานต่อไปอาจเรียก"อนุพงษ์"หารือคืนนี้  "ชัย" รับเป็นเจ้าภาพฟ้อง พันธมิตรปิดล้อมสภา แต่โยนเผือกร้อนให้ เลขาธิการสภา เข้าแจ้งความ  พปช.จี้"หมอพรทิพย์"สอบ อดีต ส.ส.ปชป.ยืนคุยเหยื่อบึ้ม

 

 

"สุริยะใส"ชี้คำฯอนุพงษ์ส่งสัญญาณไปยังรัฐบาล

เว็บไซต์คมชัดลึก -  "สุริยะใส" จวก "อัยการ"ละเลยสอบประเด็นหลักคดีเอสซีแอสเสทและรัฐบาลแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม "ชี้"  คำให้สัมภาษณ์ของ ผบ.ทบ. เป็นการส่งสัญญาณว่ากองทัพไม่เอารัฐบาล

 

ทยเตรียมยื่นหนังสือฟ้องยูเอ็น ให้กดดันกัมพูชาชี้แจงใช้ทุ่นระเบิดใหม่

เว็บไซต์แนวหน้า - กระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญคณะทูตานุทูต ประจำประเทศไทย มารับฟังการชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยในวันนี้ได้มีเอกอัคราชทูตเดินทางมา จำนวน 25 ราย อุปทูต 10 ราย และอื่น ๆ อีก 19 ราย รวมจำนวน 64 ราย

 

 

เจรจาไทย-เขมรไม่คืบมทภ.2 ยันไม่ใช่อาวุธหนักตอบโต้

เว็บไซต์คมชัดลึก -  ผลการเจรจา"ไทย-กัมพูชา" ไม่คืบ สองประเทศลงนามร่วมด้วย จัดกำลังลาดตระเวนในพื้นทีทับซ้อนร่วมกัน พร้อมพยายามไม่ใช่อาวุธหนักตอบโต้กัน ด้าน มทภ.2 ยืนยัน กองทัพมีความพร้อมทั้งกำลังพล-อาวุธยุทโธปกรณ์ในการปกป้องอธิปไตย

 

 

"สมชาย" ยัน ไม่ได้คุย"ทักษิณ" ระบุไม่ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม

เว็บไซต์แนวหน้า -  นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าที่มีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะคืนพาสปอร์ตแดงกับทางการไทยเองว่า เรื่องนี้ไปถามกระทรวงการต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้คุยกับนายกฯแล้วในเรื่องนี้ นายสมชาย กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เคยคุยกับตนเลย  เรื่องอย่างนี้ท่านจะไม่คุยกับตนและไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาคุยกับตนเอง ท่านก็รู้ ไม่เคยคุยเรื่องนี้ก็แล้วกัน

 

เมื่อถามว่า ในฐานะที่มีความใกล้ชิดกันนายกฯจะคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องนี้ให้เป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอน ตนจะไม่ก้าวก่ายกระบวนการและขั้นตอน เมื่อถามว่า รวมถึงเรื่องอายัดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านด้วยหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า "ผมไม่ยุ่ง ไม่ก้าวก่ายกระบวนการ โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ผมจะไม่แตะต้องเป็นอันขาด ผมเคยพูดชัดเจน ตั้งแต่วันที่รับพระบรมราชโองการก็บอกว่าผมจะปฏิบัติตามกฎหมายและยุดถือกระบวนการยุติธรรม ผมมาจากศาลนะ มาจากคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ฉะนั้นเรื่องนี้ผมเคารพ

 

 

คกก.สอบเหตุรุนแรง 7 ต.ค. ลงมติตั้งอนุกรรมการ ระบุทำหน้าที่เป็นกลาง รายงานสื่อก่อนส่งนายกฯ

เว็บไซต์แนวหน้า - ที่บ้านมนังคสิลา นายปรีชา พานิชวงศ์ ประธานคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่7ต.ค. ได้เรียกประชุมคณะกรรมการเป็นนัดแรก

 

กระทั่งเวลา17.00น. นายปรีชา แถลงภายหลังการประชุมว่าคณะกรรมการฯกำหนดวิธีการตรวจสอบข้อมูลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คำนึงว่าจะเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่รวมทั้งบุคคลที่อ้างว่าเป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อหาข้อยุติว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร และได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นทั้งหมด 5ฝ่าย

 

โดยคณะอนุกรรมการชุดที่ 1จะทำหน้าที่ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่นนักการเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้มอบหมายให้นายประเสริฐ บุณศรี ทำหน้าที่เป็นประธาน คณะอนุกรรมการชุดที่ 2 ทำหน้าที่ตรวจสอบผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เช่นประชาชนทั่วไป หรือพันธมิตรฯ และได้มอบหมายให้นายวิชัย ตันติกุลานันท์ กรรมการและเลขานุการ เป็นประธานอนุกรรมการฯ คณะอนุกรรมการชุดที่ 3 ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลจากสื่อมวลชน โดยจะขอภาพเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้ทำการตัดต่อ และตรวจสอบคณะแพทย์ที่รู้เห็นเหตุการณ์เพื่อรบรวมข้อมูลทางนิติเวช จาก โรงพยาบาลต่างๆ มอบหมายให้นายสหาย ทรัพย์สุนทรกุล เป็นประธาน  คณะอนุกรรมการชุดที่ 4 ทำหน้าที่ตรวจสอบรวบรวมข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เช่นกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายราชกรแผ่นดิน กฎหมายทางวินัยตำรวจ กฎหมายความมั่นคงของรัฐ  ซึ่งมอบหมายให้คุณพรทิพย์ จาละ เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการชุดที่ 5เป็นฝ่ายเลขานุการ มอบหมายให้นายวิชัย ตันติกุลานันท์

 

นายปรีชา กล่าวว่าคณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่อย่างเป็นกลางและอิสระไม่เข้าข้างฝ่ายใด เพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และรายงานแก่สื่อมวลชนก่อนที่จะส่งรายงานนายกรัฐมนตรีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และนัดให้มีการประชุมคณะกรรมการอีกครั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายน

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจหรือไม่เข้ามารับหน้าที่ในสถานการณ์ขณะนี้นายปรีชา กล่าวว่าเป็นการทำหน้าที่แสวงหาความเป็นจริงให้ประชาชนทราบ เพื่อให้สังคมได้มีทางออกต่อไป ผลที่ออกมาจะเป็นุณหรือโทษต่อใครตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้

 

ก่อนการประชุม นายยุวรัตน์ กลมเวชช หนึ่งในคณะกรรมการฯ กล่าวว่า ใน1-2สัปดาห์ทางคณะกรรมการฯต้องปล่อยตัวและหัวสมองให้ว่างเพื่อรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทปโทรทัศน์หรือภาพข่าวหนังสือพิมพ์ทุกอย่างที่สามารถนำมาเป็นข้อมูลได้ เพื่อให้ทางคณะกรรมการฯนำไปพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง

 

ส่วนคณะกรรมการที่ทางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่งตั้ง ระบุว่าจะได้ข้อเท็จจริงภายใน 7 วันนั้น นายยุวรัตน์ กล่าวว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นคดีความของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระบุอย่างนั้นจึงสามารถทำได้ ขณะที่ทางพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาระบุว่า คณะกรรมการชุดนี้ถูกรัฐบาลแทรกแซง โดยเฉพาะมีการเปลี่ยนชื่อกันภายในการการประชุมคณะรัฐมนตรี นายยุวรัตน์ กล่าวว่า เราไม่ทราบคงไม่เกี่ยวกับเรา

 

ทั้งนี้ รายชื่อคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่7ต.ค.มีนายปรีชา พานิชวงศ์ เป็นประธานคณะกรรมการ นายวิชัย กมลเวช เป็นกรรมการและเลขานุการ นายเจริญจิต ณ สงขลา พลเรือเอกชลินทร์ สาครสินธุ์  น.พ.จรัส สุวรรณเวลา  นายสหาย ทรัพย์สุนทรกุล  คุณพรทิพย์ จาละ  นายประเสริฐ บุณศรี  น.พ.สมชาย ผลเอี่ยมเอก  นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ร่วมเป็นคณะกรรมการในชุดนี้ด้วย

 

 

รัฐบาลเดินหน้าแก้ รธน. เหมา เป็นความเห็นชอบของประชาชน

เว็บไซต์แนวหน้า - นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 3 ว่า ในการประชุมก่อนหน้านี้ทุกพรรคเห็นชอบตรงกันและเวลาจะส่งทุกพรรคจะลงชื่อร่วมกัน แต่เวลาที่ผ่านมาหลังจากนั้นตนไม่ทราบ ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้ความมือแล้วจะกระทบกับแนวทางที่วางไว้หรือเปล่า นายสมชาย กล่าวว่า ต้องดูต่อไป รัฐบาลก็จะเดินหน้าต่อไป เพราะเห็นว่าแนวทางนี้เป็นทางออกที่ทุกฝ่ายแม้แต่ประธานวุฒิ ประธานสภาฯหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคเห็นชอบแล้วในการหารือร่วมครั้งที่ผ่านมา เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วก็ถือว่าตัวแทนประชาชนทั้งหมดเห็นชอบ เพราะผู้แทนในสภาฯถือเป็นตัวแทนประชาชน คนที่มาก็เป็นคนที่เลือกมากจากประชาชนทั้งหมด เป็นการมีส่วนร่วมทั้งประเทศไม่เว้นใครแม้แต่คนใดคนหนึ่ง อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนทุกคน อันนั้นน่าจะเป็นทางบออกที่ดี ถ้าเอากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกกลุ่มก็ไม่ยอม ต้อทำให้ได้ทุกกลุ่มและคิดว่านั่นคือทางออก พอร่างเสร็จไม่มีปัญหาคืนอำนาจให้กับประชาชนได้ ตัดสินใจกันใหม่ ไม่มีปัญหาเลย ตนไม่ได้ติดยึดอะไรเลย

 

เมื่อถามว่า คิดว่าสิ่งที่พูดมาจะสามารถทำได้ประสบความสำเร็จหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ก็พยายามทำ อยู่ที่ความร่วมมือของทุกฝ่ายว่าจะเห็นทางออกร่วมกันหรือไม่ เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นเกมการเมืองมารกไปหรือไม่  นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่วิจารณ์คนอื่น แต่ตนบอกแล้วขึ้นมานี้ไม่เป็นการเมือง อยากจะช่วยประชาชนมากกว่า เมื่อถามว่า แสดงว่าเมื่อตั้ง ส.ส.ร.เสร็จนายกฯจะถอยทางการเมืองใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ต้องให้เขาร่างรัฐธรรมนูญก่อนสิ จะสามเดือนสี่เดือนก็ว่าไป เมื่อได้รัฐธรรมนูญใหม่มาแล้วมันก็ควรจะคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินว่าตามรัฐธรรมนูญนี้จะเอาอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่าจะต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหนในการร่างรัฐธรรมนูญ นายสมชาย กล่าวว่า มันอยู่ที่ความร่วมมือของทุกฝ่าย ตนอยากให้เสร็จเร็วๆพรุ่งนี้ด้วยซ้ำไป เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่จากไปแล้วจะมีการตะลุมบอนต่ออีกหรือไม่  นายสมชาย กล่าวว่า ตนยังไม่จากไปไหนเลย ต้องให้จบกระบวนการ อย่างที่ตนพูดในทีวีไปว่าตอนนี้เห็นช่องทางออกตรงไหน ลาออกก็ดี อะไรๆก็ดี แล้วแต่ อันนี้ต่างจิตต่างใจ ตนไม่ได้บอกว่าตนพูดแล้วจะต้องถูก

 

เมื่อถามว่า สถานการณ์วันนี้ถือว่านิ่งพอที่จะเปิดสภาฯได้หรือยัง นายสมชาย กล่าวว่า อยู่ที่ประธานสภาฯจะเป็นผู้วินิจฉัยว่านิ่งหรือไม่นิ่ง นิ่งแล้วมั้ง ไม่ทราบ แล้วแต่ท่าน เมื่อถามว่า ในส่วนของนายกฯคิดว่าสถานการณ์นิ่งแล้วหรือยัง นายสมชายกล่าว่า บางทีก็นิ่ง บางทีก็ไม่นิ่ง (หัวเราะ) เมื่อถามว่า ยังดูแลสถานการณ์ได้ใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า คิดว่าได้ ต้องทำงานอยู่ต่อไป

 

นปก.เชียงใหม่เหิมหนักประกาศนับถือแค่อนุสาวรีย์3กษัตริย์

ผู้จัดการรายวัน - แหล่งข่าวผู้ซึ่งติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 2551 ที่ได้ประกาศตนเป็นฝ่ายเสื้อแดงสนับสนุนรัฐบาลเปิดเผยว่า เมื่อคืนวันอังคารที่ 14 ตุลาคม 2551 หลังวันพิธีพระราชทานเพลิงศพ น้องโบว์ น.ส.อังคนา ระดับปัญญาวุฒิ ซึ่งเสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพียงวันเดียว กลุ่มคนรักเชียงใหม่ได้มีเวทีปราศรัย สนับสนุนรัฐบาลต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งจัดบริเวณหน้าโรงแรมแกรนด์วโรรส โดยวันดังกล่าวแกนนำผู้ปราศรัยแสดงอาการโกรธแค้น ต่อเหตุการณ์พิธีพระราชทานเพลิงศพอย่างชัดเจน

 

"ไทย"เก็บหลักฐานกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดฟ้องยูเอ็น

เว็บไซต์คมชัดลึก -  ก.ตปท. ยืนยันไม่ใช้กำลังก่อน แม้มีอาวุธแสนยานุภาพสูงกว่า ระบุแถลงการณ์เลขายูเอ็นให้เจรจาทวิภาคีเป็นแนวทางเดียวกับไทย "สุขุมพันธ์" ปูดเขมรซ่องสุมกองกำลังต่างชาติร่วม 3 พันนาย เชื่อกองทัพรู้ดี เตือนให้ระวังตัว "โจลี"วอนไทย-กัมพูชาหันหน้าเจรจาใช้สันติวิธีแก้ปัญหา

 

 

"สมชาย" ขอทำเนียบคืน แต่ยังงง ไม่รู้จะใช้วิธีไหน

เว็บไซต์แนวหน้า - นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประกาศจะเคลื่อนไหวดาวกระจายไปหลายๆแห่ง โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ตนเคยบอกว่าการชุมนุมอะไรต่ออะไร มันมีสิทธิ์ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่สิทธิ์นั้นต้องไม่ละเมิดคนอื่น ไม่ละเมิดกฎหมาย อันนี้แน่นอน ตนก็ได้แต่บอกอย่างนี้ แต่การปฏิบัติเป็นเรื่องของท่านทุกท่าน

 

เมื่อถามว่ายังยืนยันขอทำเนียบคืนเพื่อจัดสโมสรสันนิบาตในเดือนธันวาคมนี้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ทำเนียบมันต้องเอาคืน ต้องขอคืน เพราะจริงๆมันสร้างด้วยเงินภาษีของประชาชน ซื้อมาก็ภาษีประชาชน ความเสียหายที่ต้องซ่อมแซมก็เป็นภาษีของประชาชน ฉะนั้นเงินหลวงมันต้องมีคนดูแลรับผิดชอบ เมื่อถามว่า ถ้าพันธมิตรยังไม่ยอมออกจะทำอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า  นั่นสิ (หัวเราะ)

 

เมื่อถามว่ามีแนวทางที่จะเอาคืนได้หรือยังจะใช้แนวทางไหน นายสมชาย หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า ก็นี่ไงขอคืน การชุมนุมไม่เป็นไร ชุมนุมที่ไหนก็เป็นสิทธิ์ แต่การเข้าไปอยู่ในสถานที่ราชการน่าจะไม่ใช่ เมื่อถามย้ำว่า เพียงขอคืนแต่ปากคงจะลำบากแล้วในวันนี้จะทำอย่างไร มีแนวทางหรือยัง นายสมชาย หันหน้ามองผู้สื่อข่าวที่ถามแล้วกล่าวว่า จะตั้งหนูเป็นทูตในการเจรจาให้ว่าจะอย่างไร

 

เมื่อถามว่า การประชุมร่วมกับคณะกรรมการตำรวจมีการพูดคุยถึงสถานการณ์ต่างหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า จริงๆตำรวจก็เหนื่อย เห็นใจการทำงานของตำรวจทั้งระดับผู้บังคับบัญชาและระดับเจ้าหน้าที่ ก็ให้กำลังใจ แต่กำลังใจของตำรวจก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก ยินดีที่จะปฏิบัติงานตารมหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบและเราก็เห็นใจเขาเหนื่อยและทำงานมากกว่าปกติ ต้องเข้าเวร ดูแลสถานที่ต่างๆ เห็นใจ เห็นใจจริงๆ ส่วนที่ถามว่าการประชุมตำรวจวันนี้มีการโยกย้าย ผบ.ชน.หรือไม่นั้น ยืนยัน ไม่มี

 

 

"จตุพร"โดดป้อง"แม้ว"ไม่ทำร้ายประเทศไทย, ขู่!ถ้ายึดอำนาจ"พลังเสื้อแดง"ลุกฮือต้านเต็มบ้านเมือง

เว็บไซต์แนวหน้า - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน อดีตแกนนำ นปก.กล่าวถึงที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอาจจะอยู่เบื้องหลังการเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารไทยกับเขมรนั้นว่าต้องยอมรับว่าพ.ต.ท.ทักษิณ สมัยเป็นนายกรัฐมนตรีได้ทำงานและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีผู้นำทั่วโลกหลายคนรวมทั้งสมเด็จ ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันเป็นพิเศษ แต่เป็นไปไม่ได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาชี้นำเพื่อให้ทำร้ายประเทศและบ้านเมืองตัวเอง

 

"การออกมาพูดของกลุ่มพันธมิตรฯอย่างนี้ก็เป็นขบวนการที่พยายามพูดใส่ร้ายพ.ต.ท.ทักษิณกับพรรคพลังประชาชน อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาอย่างกรณีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯที่ออกมาพูดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องเป็นคนปลดล็อคทางการเมือง นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งจึงขอให้ทุกฝ่ายมีสติ อย่าเชื่อกับการพูดของพันธมิตรฯที่ชอบแก้ปัญหาอะไรด้วยความสะใจซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาว อย่างไรก็ตามผมยังเชื่อมั่นว่ากองทัพ สามารถแก้ไขปัญหาระหว่างสองประเทศได้"นายจตุพร ย้ำ

 

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตในวันที่21ต.ค.ที่จะมีการตัดสินคดีของพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เหมือนเป็นการปิดฉาก ระบอบทักษิณ รวมถึงคดียุบพรรคพลังประชาชนในปลายเดือน พ.ย.นี้ นายจตุพร ตอบว่า คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว เป็นเรื่องที่ประเมินอยู่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทราบและมีการประเมินว่าจะเกิดอะไรขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามตนได้ทราบข้อมูลมาว่ามีความพยายามที่จะมีการปล่อยกระแสข่าวว่าหลังจากมีการตัดสินคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว จะมีการยึดอำนาจ ซึ่งขอบอกให้ทราบว่า ถ้าจะมีการยึดอำนาจเมื่อไหร่ ขอประกาศว่ากลุ่มพลังเสื้อแดง จะออกกันมาเต็มบ้านเมืองอย่างแน่นอน

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะไปเคลื่อนไหวที่ถนนย่านสีลมในวันศุกร์ เพื่อเปิดเผยข้อมูลในการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา นายจตุพร ตอบว่า  ไม่ต้องห่วง ทางกลุ่ม นปช.จะไม่เคลื่อนไปปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯอย่างแน่นอน และเชื่อว่าคงไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนไหนอยากเข้าไปใกล้กลุ่มพันธมิตรฯอย่างที่กลุ่มพันธมิตรฯกังวลว่าจะมีการเข้าไปป่วน

 

 

"สมชาย"ปัดแสดงความเห็น ปปช.ชี้มูลผิดร้ายแรง อ้างต้องอยู่เพื่อทำงาน

เว็บไซต์แนวหน้า -  ที่บ้านพักเบเวอร์ลี่ ฮิวล์ ถนนแจ้งวัฒนะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ปฏิเสธที่จะตอบข้อซักถามถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ชี้มูลมีความผิดร้ายแรง ฐานไม่รักษาผลประโยชน์ของราชการ ในคดีขายทอดตลาดที่ดิน 897 ล้าน ขณะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการยุติธรรม โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่าขออนุญาตไม่พูดเรื่องนี้ ขอเป็นคำถามอื่น

 

เมื่อถามว่า เวลานี้มีทั้งศึกนอกศึกในนายกฯยังรับมือไหวหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ก็ต้องดูไปเรื่อยๆ (หัวเราะ)  อย่างที่ตนบอกไปตราบใดยังอยู่ในตำแหน่งจะหนัก จะเบายังไงก็ต้องทำงาน งานชะลอไม่ได้ต้องทำเต็มที่ เราอาสาจากประชาชนมา บอกแล้วใจจริงที่ขึ้นมาอยากทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะคนยากคนจน อาทิ เรื่องการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจน การปราบปรามยาเสพติด ก็ทำเต็มที่ เรื่องความรู้สึกทางใจเราเอามาปนกับเรื่องทำงานไม่ได้ เมื่อถามว่า คิดว่าตัวเองจะโดนอีกหลายเรื่องหรือไม่ นายชมชาย กล่าวว่า ไม่ทราบ

 

เมื่อถามว่า ที่แน่ๆนายกฯยืนเป็นเป้านิ่งตรงนี้คิดว่าจะโดนอีกหลายเรื่องหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เป้านิ่งใช่ไหม คิดว่าอย่าไปวิพากษ์วิจารณ์เลย ตนจะทำงานไปเรื่อยๆตราบใดที่ยังอยู่ในตำแหน่ง แต่ถ้าเมื่อไรพ้นก็จบกันไป

 

"ตำแหน่งหน้าที่ต่างๆเป็นหัวโขน ไม่ได้สวมตลอดชีวิต วันหนึ่งก็ต้องจากไป  แต่การจากไปแล้วมีทางออก ประชาชนสงบสุข ผมว่านั้นคือทางที่ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าจากไปแล้วยังตะลุมบอนเหมือนเดิม มันไม่ใช่อยากติดยึด แต่งานที่ต้องทำอาจจะได้รับการกระทบกระเทือน"นายสมชาย กล่าว

 

 

"ชัย"ออกแถลงการณ์จุดยืนรัฐสภาวอนถอยคนละก้าว

เว็บไซต์คมชัดลึก - "ชัย" ออกแถลงการณ์จุดยืนรัฐสภา แจงเหตุประชุมฟังนโยบายรัฐบาลต้องทำตามกฎหมาย อัดพันธมิตรอ้างสิทธิพลเมืองจนเกิดเหตุรุนแรง วอนถอยคนละก้าว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายชัย  ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง โดยระบุว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาจนทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต มีการค้นหาผู้ร่วมรับผิดชอบสร้างความสับสนให้กับคนในชาติ ทำให้คนในชาติเกิดการแบ่งฝ่ายสร้างความแตกแยกและสาเหตุที่รัฐสภาต้องเปิดประชุมเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากเป็นไปตามเงื่อนเวลาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และเมื่อมีการประกาศไปแล้วจะต้องมีการเปิดประชุมสภาเพื่อดำเนินให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

 

แต่ปรากฏว่ามีคนกลุ่มหนึ่งอ้างสิทธิในฐานะพลเมืองของประเทศ และอ้างสิทธิในการชุมนุมในที่สาธารณะเข้าขวางกั้นทุกวิถีทาง เพื่อมิให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย จนเกิดความสับสนวุ่นวายกับบ้านเมืองอย่างไม่มีวันจบสิ้น เกิดความรุนแรง

 

ตนไม่ได้ต้องการกล่าวโทษว่าเป็นความผิดพลาดของผู้ใดเพียงแต่ต้องการทำหน้าที่ในนามสถาบันนิติบัญญัติ ในการวิงวอนให้ผู้คนในประเทศเห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมือง เห็นแก่ความสูญเสีย ซึ่งบางส่วนเป็นผู้บริสุทธิ์ที่อาจจะได้รับการปลูกฝังทางความคิดที่อาจขัดแย้งกับกติกาสังคมที่ยอมรับร่วมกัน

แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า ขอเรียกร้องให้สังคมเห็นแก่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่จำเป็นต้องออกมาทำหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความเจ็บปวดกับทุกฝ่าย ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก่อผลกระทบต่อประเทศ รวมถึงความแตกแยกสามัคคีของคนในชาติ สุดท้ายประเทศจะพ่ายแพ้

 

จึงขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนหันมาร่วมกันแก้ปัญหาตามระบบ โดยขอให้ยุติประเด็นทางการเมือง ตำหนิติเตียนด่าทอกัน และเรียกร้องให้ประชาชนทุกฝ่ายละวางความเป็นตัวตนของตนไว้ ให้คำนึงถึงความถูกต้องตามระบบที่ตกลงร่วมกันคือระบอบประชาธิปไตย ในเวลาที่ชาติมีวิกฤตเช่นนี้สิ่งเดียวที่สามารถยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชาติได้ก็คือพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว " พ่อแห่งแผ่นดิน " ของพวกเรา จึงอยากเรียกร้องให้ทุกคนแสดงออกถึงความจงรักภักดีด้วยการกระทำที่เป็นรูปธรรม ถอยกันคนละก้าวหรือหลาย ๆ ก้าว เพื่อพ่อแห่งแผ่นดินของเรา เชื่อว่าวิกฤตชาติจะแก้ได้ในเร็ววันนี้

 

แต่จากเหตุการณ์ความรุนแรง มีคนข่มขู่ว่าจะมีการเคลื่อนไหวอีก รัฐสภาจำเป็นต้องถอยมาอีกก้าวหนึ่งเพื่อความสงบของชาติบ้านเมือง จึงจำเป็นต้องงดประชุมในสัปดาห์นี้ และขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น และให้กำลังใจแก่ประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่บริสุทธิ์ใจในการปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมาย ขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ร่วมแสดงพลังแห่งความรักความศรัทธา ความจงรักภักดีแด่พ่อแห่งแผ่นดิน เพื่อถวายเป็นของขวัญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวาระแห่งวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2551 ที่จะมาถึงนี้

 

ตร.ผ่านฉลุยเปิด13นายพลบรรจุ1,521ตำแหน่ง

เว็บไซต์คมชัดลึก - ก.ตร.ผ่านฉลุย เปิด 13 นายพลบรรจุ 1,521 ตำแหน่งลง "ศปก.ตร.จชต."รอ ก.ต.ช.ประทับตราซ้ำ 27 ตค. ก่อนถกก.ตร.แต่งตั้ง พร้อมมอบดาบผบ.ตร. -อดุลย์ -พีระ ทำบัญชี ด้านพัชรวาทปัดข่าวลือโยก น. 1

 

 

ศาลการเมืองรับฟ้องยึดทรัพย์ทักษิณ7.6หมื่นล.

เว็บไซต์คมชัดลึก - ศาลฎีกานักการเมือง รับฟ้องยึดทรัพย์ "ทักษิณ" 7.6 หมื่นล้าน สั่งนัดพร้อมกำหนดกระบวนพิจาณาคดี 25 ธ.ค.เวลา 10.00 น. ให้ปิดประกาศคำร้องที่ศาล - ลงโฆษณาหนังสือพิมพ์รายวัน 3 วันติดต่อกัน พร้อมส่งหมายแจ้งทักษิณ - ผู้มีชื่อครอบครองทรัพย์สินยื่นคัดค้านภายใน 30 วันนับจากวันติดประกาศ  ปปช.ชี้น้องเขยผิดวินัยฐานประมาทเลินเล่อสมัยเป็นปลัดยุติธรรม

 

ปปช.ฟันวินัยร้ายแรง"สมชาย"คดีขายทอดตลาดที่ดิน

เว็บไซต์สยามรัฐ - วันนี้(16ต.ค.2551) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)มีมติชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรงแก่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในสมัยที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมและนายบัณฑิต รชตะนันท์ อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโส ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 84 และมาตรา 85 ฐานไม่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของราชการ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง กรณีการสั่งระงับเรื่องไม่ให้ดำเนินคดีกับนายประมาณ ตียะไพบูลย์สิน อดีตอธิบดีกรมบังคับคดี และนายมานิตย์ สุธาพร อดีตรองอธิบดีกรมบังคับคดี กรณีศาลจังหวัดธัญบุรีได้ขายทอดตลาดที่ดิน 2 แปลงที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อปี 2542 ให้บริษัท โมเดิร์นโฮม จำกัด (มหาชน) ในราคา 897 ล้านบาท โดยผู้ซื้อได้วางเงินค่าซื้อทรัพย์ 70 ล้านบาทต่อศาล และได้ส่งเงิน 70 ล้านบาท มายังกรมบังคับคดี แต่นายมานิตย์และนายประมา ผู้ถูกกล่าวหามีคำสั่งคืนเงิน 70 ล้านบาทที่ได้จากการขายทอดตลาด โดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดร้อยละ 5 ตามกฎหมาย ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย

ต่อไป ป.ป.ช.จะส่งสำนวนการสอบสวนให้ อ.ก.พ.กระทรวงยุติธรรมพิจารณาลงโทษนายสมชายย้อนหลังและคณะกรรมการตุลาการ(ก.ต.)พิจารณาโทษนายบัณฑิต ซึ่งตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ต้องยึดสำนวนการสอบสวนของ ป.ป.ช.ในการพิจารณาโทษดังกล่าวซึ่งบุคคลทั้งสองมีโทษถึงปลดออกจากราชการ

 

ส่วนนายสุทัศน์ เงินหมื่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น เนื่องจากความผิดดังกล่าว ไม่ใช่ความผิดทางอาญา  เป็นเพียงความผิดทางวินัย เมื่อนายสุทัศน์พ้นตำแหน่งไปแล้วและไม่ใช่ข้าราชการประจำจึงไม่สามารถดำเนินใดๆได้

 

 

จี8หนุนปฏิรูปการเงินโลก ปลาดิบแนะมะกันคลอดมาตรการเพิ่ม

เว็บไซต์สยามรัฐ -  จี8  เห็นพ้องหนุนผ่าตัดยกเครื่องระบบการเงินโลกใหม่ เพื่อกอบกู้ระบบการเงิน หลังถูกพิษวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ด้านผู้นำซามูไรชี้แผนกู้วิกฤติของลุงแซมยังไม่เพียงพอ พร้อมแนะออกมาตรการเพิ่ม

 

กมธ.คค.บี้การบินไทยถอนใบอนุญาตบิน'กัปตันจักรี'

เว็บไซต์เดลินิวส์ - วันนี้ (16 ต.ค.) จากกรณีที่ 3 ส.ส.พรรคพลังประชาชน (พปช.) ได้แก่ นางฟารีดา สุไลมาน ส.ส. สุรินทร์ นายไชยา พรหมา ส.ส. หนองบัวลำภู และนางชมพู จันทาทอง ส.ส. หนองคาย พรรค พปช. ถูกนายจักรี พงษ์ศิริ กัปตันบริษัทการบินไทย ปฏิเสธไม่ให้ทั้ง 3 ส.ส.พลัง พปช. ขึ้นเครื่องบินการบินไทย วันที่ 8 ต.ค. ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมม็อบพันธมิตรฯ ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา

 

เวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์  สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรค พปช. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุม ซึ่งพิจารณาเกี่ยวกับปัญหาของการบินไทยที่ปฎิเสธไม่ให้ 3 ส.ส.พรรค พปช. ขึ้นเครื่องในวันที่ 8 ต.ค. โดยมีการเชิญนายสันติ  พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม ตัวแทนสหภาพการบินไทย ตัวแทนกรมการขนส่งทางอากาศ และ ส.ส.ที่ได้รับกระทบ ซึ่งคณะกรรมาธิการมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตการบินของนายจักรี กัปตันคนดังกล่าว เพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง และให้ยกเลิกการปฏิบัติที่ที่เกี่ยวข้องกับการบิน โดยให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน โดย กมธ.จะให้เวลา 30 วัน จากนั้นให้การบินไทยแจ้งผลการดำเนินการกลับมายัง กมธ.

 

นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู 1 ใน3 ส.ส.พรรค พปช. ที่ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่องบิน กล่าวว่า การบินไทยยอมรับว่าภายในองค์กรมีปัญหาขัดแย้งเรื่องการเมืองอย่างชัดเจน ซึ่งทางการบินไทยรับที่จะแก้ไข  ด้าน กมธ. ได้เสนอแนะให้การบินไทย ปรับปรุงด้านความเชื่อมั่นของสายการบิน โดยให้บริการประชาชนโดยปราศจากอคติ

 

นอกจากนี้ นายไชยา กล่าวด้วยว่า ถูกละเมิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 ที่ต้องได้รับการบริการสาธารณะโดยปราศจากอคติ  ซึ่งนายจักรี ควรแยกแยะเรื่องการเมืองกับการบริการออกจากกัน ซึ่งในวันดังกล่าวนายจักรี ควรเลือกที่จะไม่บินมากกว่าที่จะมาไล่ผู้โดยสารลงจากเครื่อง อีกทั้งก็รู้ดีว่าหากไล่ผู้โดยสารจะมีโทษทางการบินอย่างไรบ้าง ดังนั้นถือว่านายจักรี มีความจงใจ

 

 "ผมมาใช้สิทธิในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ไม่ได้เอาความเป็น ส.ส.มาเกี่ยวข้อง เขาควรให้บริการประชาชนเท่าเทียมกัน ซึ่งการที่ กมธ. ออกมาดำเนินการแบบนี้เป็นการช่วยการบินไทย เพราะถ้ายังมีกัปตันที่มีลักษณะแบบนี้ จะกระทบต่อองค์กรและประชาชนจะไม่มีความเชื่อมั่น รวมทั้งอาจส่งผลให้ประชาชนผู้ใช้บริการลดน้อยลง" นายไชยา กล่าว.

 

พปช.เดินหน้ายื่นค้านตุลาการศาลรธน.คดียุบพรรคใน 15 วัน พ่วง "วสันต์ สร้อยพิสุทธ์"ด้วย ไม่หวังจะรับคำค้าน แต่สังคมจะกดดันเอง

เว็บไซต์แนวหน้า - นายพีรพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคพลังประชาชน และคณะทำงานด้านกฎหมายพรรค กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคพลังประชาชนเตรียมยื่นคัดค้านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคพลังประชาชนว่า จะต้องยื่นคัดค้านภายใน 15 วัน โดยบุคคลที่อยู่ในข่ายที่จะยื่นคัดค้านจะเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีทัศนคติไม่เป็นกลางทางการเมือง และได้เคยแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และทิศทางการเมืองที่เป็นอคติต่อพรรคพลังประชาชน และเคยร่วมร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีการรวบรวมพฤติกรรม คำพูดในอดีตของบุคคลเหล่านี้เป็นหลักฐานในการยื่นคัดค้าน เนื่องจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลที่พิจารณาคดีทางการเมือง ไม่ใช่คดีอาญา ซึ่งแนวคิดของตุลาการจะมีผลต่อการพิจารณาของคณะตุลาการ

 

นายพีรพันธ์ กล่าวว่า การยื่นครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะพรรคเคยยื่นมาแล้วสมัยยุบพรรคไทยรักไทย แต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำค้าน อย่างไรก็ตามการยื่นครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนตัวตุลาการหรือถอดถอน แต่ต้องการให้ตุลาการที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีทัศนคติที่เป็นอคติต่อพรรคไม่ให้เข้ามาร่วมวินิจฉัยกรณียุบพรรค หากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำค้าน ก็คงไม่มีผลอะไร แต่สังคมจะกดดันศาลเอง

 

เมื่อถามว่านายวสันต์ สร้อยพิสุทธ์ จะถูกยื่นคัดค้านด้วยหรือไม่ นายพีรพันธ์ กล่าวยอมรับว่า ใช่ รวมอยู่ด้วย แต่จะมีการยื่นคัดค้านกี่คนนั้นยังไม่ได้ข้อสรุป ขึ้นกับการพิจารณาของคณะทำงานที่ดูเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ ซึ่งมีนายยืนหยัด ใจสมุทร ฝ่ายกฎหมายพรรคอยู่ด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้ายื่นค้านเกิน 5 คน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดียุบพรรคได้หรือไม่ นายพีรพันธ์ กล่าวว่า ระหว่างยื่นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสามารถทำงานได้ปกติ แต่หากมีการรับคำค้านแล้วเหลือองค์คณะน้อย ก็ต้องไปดูข้อกฎหมายเกี่ยวกับวิธีพิจารณาความของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะสามารถพิจารณายุบพรรคได้หรือไม่

 

นายพีรพันธุ์  ยังกล่าวถึงกรณีพรรคร่วมรัฐบาลเร่งให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา291เพื่อให้เกิดส.ส.ร.3ว่า  กลุ่มอีสานพัฒนาสนับสนุนเต็มที่ เนื่องจากกรณีนี้เป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา และขอเรียกร้องให้ฝ่ายค้านร่วมในการประชุมสภาฯเพราะก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านก็เคยเห็นด้วยที่จะให้มีการตั้งส.ส.ร.3  ส่วนที่ปปช.ได้ลงมติชี้มูลความผิดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีผิดวินัยร้ายแรงกรณีสั่งระงับไม่ดำเนินคดีนายประมาณ ตียะไพบูลย์สิน อดีตอธิบดีกรมบังคับคดี และนายมานิตย์ สุธาพร อดีตรองอธิบดีกรมบังคับคดี ที่ไม่เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม 70 ล้านบาท ที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินศาลจังหวัดธัญบุรี จนเป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหายนั้น  นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า เมื่อปปช.ชี้มูลความผิดก็จะส่งเรื่องให้ต้นสังกัดคืออกพ.เป็นผู้พิจารณาต่อไป เชื่อว่าคงไม่กระทบการทำหน้าที่ของนายกฯเพราะเป็นคนละส่วนกัน

 

ทูตประจำกรุงพนมเปญ เผยคนไทยแห่กลับประเทศแล้วกว่า 600 คน

เว็บไซต์แนวหน้า - นายวีระพันธุ์ วัชราทิพย์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กล่าวภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา เมื่อวานนี้ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ปิดสถานทูตไทยในกัมพูชา รวมทั้งยังไม่มีแผนอพยพคนไทยในกัมพูชากลับประเทศ ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา จนถึงเที่ยงวันนี้ มีคนไทยเดินทางกลับประเทศแล้วกว่า 600 คน โดยส่วนใหญ่ เป็นนักธุรกิจที่มีความกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมีบทเรียนจากกรณีเผาสถานทูต

 

 

"กุเทพ" ปัดข่าว ส.ส.พปช.ระดมรากหญ้าเข้ากรุง อ้างปัญหาในพรรคเยอะ

เว็บไซต์แนวหน้า - ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าส.ส.ของพรรคเตรียมนำประชาชนเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อสนับสนุนการประชุมรัฐสภาว่า ไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้พรรคพลังประชาชนมีปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะคดียุบพรรค ดังนั้นสมาชิกพรรคคงไม่มีกำลังหรือความคิดที่จะทำอย่างนั้น ส่วนที่พรรคพลังประชาชนจะยื่นคัดค้านการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนนั้น  คงต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายกฎหมาย เพราะหากเห็นว่าตุลาการคนใดมีส่วนได้เสียกับคดีดังกล่าว ก็ต้องยื่นคัดค้านเพื่อความเป็นธรรม

 

 

"ชัย"เปิดสภาฯ22ต.ค.ไม่ย้ายหนีรัฐสภา

เว็บไซต์สยามรัฐ - วันนี้(16ต.ค.51) นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า กำลังประสานกับโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เพื่อออกแถลงชี้แจงถึงความจำเป็น และการทำหน้าที่ของ ส.ส. ในการประชุมสภา ซึ่งขณะนี้กำลังประเมินสถานการณ์และนัดประชุมสภา ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ โดยจะใช้บริเวณรัฐสภาเป็นสถานที่ประชุม เพราะไม่สามารถย้ายไปประชุมที่อื่นได้ เนื่องจากข้อบังคับการประชุมสภากำหนดไว้ชัดเจน ให้ใช้สภาเป็นสถานที่จัดประชุม

 

อย่างไรก็ตาม  ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังเชื่อว่าการประชุมสภาที่จะเกิดขึ้น ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ คงจะไม่เกิดเหตุรุนแรง และมีการหน่วงเหนี่ยวกักขัง เหมือนวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา และไม่เชื่อว่าจะมี ส.ส.นำประชาชนมาสนับสนุนจนเกิดการเผชิญหน้าตามที่เป็นข่าว  แต่หากเกิดความรุนแรงขึ้น  นายชัย  ยืนยันว่า จะยึดสภาเป็นที่มั่น และจะไม่มีการปีนรั้วเหมือนคราวที่แล้ว

 

 

พรรคร่วมฯ เดินหน้าถกแก้291

เว็บไซต์เดลินิวส์ - เวลา 10.00 น. วันนี้ (16 ต.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการดำเนินการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ภายหลังจากที่ประชุม 4 ฝ่าย ที่ประชุมหัวหน้าพรรคการเมือง และวุฒิสภา ได้มีมติให้แก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อเปิดช่องให้มีการตั้ง ส.ส.ร.3  ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมนัดแรก ซึ่งมีตัวแทนพรรคการเมือง 6 พรรค ประกอบด้วยนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย นายไชยยศ จิรเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน นายบรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย นายประเสริฐ บุญชัยสุข ส.ส.นครราชสีมา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นายเจริญ แก้วยอดหล้า รองเลขาธิการพรรคประชาราช ส่วนตัวแทนจากวุฒิสภา คือ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ ขาดตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังจากที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือประสานเพื่อขอให้เข้าร่วมประชุม

 

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคฝ่ายค้าน กล่าวถึง สาเหตุที่พรรค ปชป. ไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ว่า เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ประธานสภาฯ ได้ทำหนังสือเชิญพรรค ปชป. เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ซึ่งพรรคก็ได้ทำหนังสือปฏิเสธการเข้าร่วม และเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ได้มีหนังสือเชิญอีกครั้ง และพรรคก็ได้ปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า หลังเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าข้อตกลงที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ในที่ประชุม 4 ฝ่าย หรือในที่ประชุมหัวหน้าพรรคการเมือง เรื่องการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยการสร้างความสมานฉันท์ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ดังนั้น ที่มีการเสนอทางออกโดยการแก้มาตรา 291 จึงไม่ใช่เป้าหมายในการปฏิรูปการเมือง และไม่สามารถแก้วิกฤตบ้านเมืองในขณะนี้ได้ เป็นเพียงการเล่นเกมยื้อเวลาของนายกฯ และประธานสภาฯ

 

นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น พรรค ปชป.จะไม่ยอมเป็นเครื่องมือตบตาประชาชน เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลนี้มีความชอบธรรมอีกต่อไป เพราะวันนี้เจตนารมณ์ของการแก้ปัญหาบ้านเมืองได้เปลี่ยนไปแล้ว นายกฯ ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ก็ยุบสภา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า หากมีการประชุมในลักษณะนี้ พรรค ปชป.ก็จะไม่เข้าร่วม แต่ถ้าเป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายค้านพร้อมทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ.

 

ส.ส.พปช.บุกแจ้งความเอาผิด พธม.รุ่น 2 ข้อหากักขัง หน่วงเหนี่ยว

เว็บไซต์แนวหน้า - เมื่อเวลา 12.30 น.นายนิยม เวชกามา นายจุมภฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร นายสุชาย ศรีสุรพล ส.ส.ขอนแก่น พร้อมนายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา จากพรรคพลังประชาชน ได้เดินทางไปยัง สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความดำเนินคดี กับนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสพภาพรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และนายสำราญ รอดเพชร อดีต สนช.แกนนำพันธมิตรฯรุ่น 2 จากเหตุการณ์นำผู้ชุมนุมบุกปิดล้อมรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 12.30 น.ถึงเวลา 17.00 น.ซึ่งถือว่าเป็นความผิดทางอาญา จึงต้องเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีในข้อหากักขัง หน่วงเหนี่ยวในรัฐสภา ทำให้สูญเสีย เสรีภาพ จึงต้องเข้าแจ้งความ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ การที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน เข้าแจ้งความครั้งนี้ถือเป็นชุดที่สอง หลังจากที่นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี และนายธเนศ เครือรัตน์ นายวิรัตน์ โหตรไวศยะ ส.ส.ศรีสะเกษ จากพรรคเดียวเข้าแจ้งความเมื่อวันที่14ต.ค.ที่ผ่านมา

 

เปิดโปงแผน 7 ขั้นล้มสถาบัน

เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์- เมื่อวันที่ 15 ต.ค. เวลาประมาณ 22.00 น. ณ เวทีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำ พธม. ขึ้นปราศรัยโดยเปิดเผยว่า ตนเองได้รับเอกสารลับจากนายทหารยศพลอากาศเอกท่านหนึ่งที่เปิดโปงถึงแผนการ 7 ขั้นของทรราชและกลุ่มคนผู้ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งก็เป็นจริงตามที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มพันธมิตรได้กล่าวมาตลอด โดยคนกลุ่มนี้พยายามใช้เงินซื้อประชาชนและใช้เงินซื้อทหารบางคน
     

"วันงานน้องโบว์ ทหารคนนึงก็ไปนั่งเฉย พอได้ยินเสียงมือตบนิดนึงก็ผวา ผวาเพราะว่ามือตบของพันธมิตรฯหล่นเท่านั้นแหละ เลยรีบโทรศัพท์หาลูกน้องให้หารถยนต์ที่กันเสียงมือตบให้หน่อยนายสมเกียรติกล่าวติดตลก พร้อมกล่าวว่าตนเองนัดพบกับ พล.อ.อ.ท่านนี้ในรถตู้เก่าๆ คันหนึ่งที่จอดอยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งนายทหารอากาศคนดังกล่าววิเคราะห์กับตนว่า การต่อสู้อันเด็ดเดี่ยวของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นอยู่ในโค้งสุดท้ายแล้ว
       
"เขาบอกว่า โค้งสุดท้ายนี้จะมีคนบงการเพื่อเปลี่ยนการปกครองของประเทศ เป็นระบอบการปกครองที่ไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนายสมเกียรติกล่าว พร้อมระบุว่า แผนบันได 7 ขั้นเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์และยึดอำนาจในการปกครองประเทศนั้น มีรายละเอียดโดยคร่าวดังนี้
       
        1.สร้างความแตกแยก ให้แบ่งกันเป็นฝ่าย
        2.ชี้นำกลุ่มที่แตกแยกสองข้างให้เอาชนะกัน
        3.พัฒนาการต่อสู้ให้เข้มข้น โดยใช้อำนาจรัฐโดยเฉพาะรัฐตำรวจและใช้ความรุนแรงเป็นวิธีหลัก
        4.ยกระดับความรุนแรงให้สูงขึ้น ต้องให้แต่ละฝ่ายทำร้ายกันและกันให้ได้
        5.เมื่อปราบปรามใช้ความรุนแรงแล้ว ค่อยยกระดับความรุนแรงให้กลายเป็นจลาจล
        6.เมื่อเกิดการจลาจลแล้วต้องพัฒนาให้กลายเป็นสงครามกลางเมือง
        7.หลังเกิดสงครามกลางเมืองแล้วต้องก่อสงครามประชาชนทั่วประเทศ และกำจัดกลุ่มประชาชนที่ไม่เห็นด้วยให้หมดไป
       
ทั้งนี้ นายสมเกียรติกล่าวว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมนั้นใกล้เคียงกับการเกิดพัฒนาเข้าสู่ขั้นที่ 5 แล้วทว่าแผนดังกล่าวไม่สำเร็จเพราะ กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นผู้ที่ประท้วงด้วยความสงบ สันติ อหิงสาอย่างแท้จริง มิฉะนั้น สถานที่ราชการหลายแห่งต้องถูกเผาเรียบไปแล้ว ดังเช่นเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในอดีต
       

"ต้องขอบคุณท่านพลอากาศเอกท่านนี้มาก ขณะนี้เราอยู่เพียงขั้นที่ 4 เราไม่ยินยอม เราไม่ตั้งใจที่จะพัฒนาความรุนแรงแม้ตำรวจจะมาปราบปรามเราให้กลายเป็นขั้นที่ 5 คือการจลาจล เผาบ้านเผาเมืองอย่างเด็ดขาดใช่ไหมครับพี่น้องแกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท