Skip to main content
sharethis

การโต้วาทีระหว่างวุฒิสมาชิกบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครต และวุฒิสมาชิกจอห์น แม็คเคน จากพรรครีพับลิกัน เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 2008 ที่มหาวิทยาลัยฮอฟตร้า มลรัฐนิวยอร์ก ต้นฉบับจาก The New York Times, คลิปโต้วาทีจาก The New York Times


 


แปลและเรียบเรียงโดยกานต์ ยืนยง และอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์


 


ที่มา : Siam Intelligence Unit


 


 


 


ช่วงเกริ่นนำ


 


สายัณห์สวัสดิ์ทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่การโต้วาทีชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2008 ครั้งที่สามและเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว งานนี้ได้รับการสนับสนุนโดยคณะกรรมการโต้วาทีเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ผม บ็อบ ชีฟเฟอร์ แห่ง ซีบีเอส นิวส์


 


กติกาในค่ำคืนนี้ง่ายมาก หัวข้อคือนโยบายในประเทศ ผมจะแบ่งเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งข้างหน้าออกเป็นช่วง ช่วงละ 9 นาที ผมจะถามคำถามในตอนต้นของแต่ละช่วง ผู้ชิงประธานาธิบดีแต่ละท่านจะมีเวลา 2 นาที ที่จะตอบคำถามหลังจากนั้นจะเป็นการอภิปรายรวม


 


ผมจะกระตุ้นให้แต่ละคนถามคำถามซึ่งกันและกัน ถ้าพวกเขาไม่ถาม ผมก็จะถามให้ ผู้ชมด้านหลังผมรับปากว่าจะอยู่ในความสงบ นอกจากช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาที่เราขอยินดีต้อนรับคุณบารัค โอบามา และคุณจอห์น แม็คเคน


 


(ผู้ชมปรบมือ)


 


ยินดีต้อนรับ ท่านสุภาพบุรุษ


 


ที่ผ่านมา เราได้ยินประเด็นที่ควรพูดทั้งหมดไปแล้ว ดังนั้นคืนนี้ ขอให้ช่วยเล่าสิ่งที่ผู้ชมยังไม่เคยฟังกันดีกว่านะครับ


 



 


นโยบายเศรษฐกิจ


 


วันนี้เป็นอีกวันวอลล์สตรีทย่ำแย่ คุณทั้งสองคนคงทราบดีอยู่แล้ว และพวกคุณก็ได้เสนอแผนใหม่เมื่อสัปดาห์นี้เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ


 


ท่านวุฒิสมาชิกจอห์น แม็คเคน คุณเสนอแผนมูลค่า 5 หมื่น 2 พันล้านเหรียญซึ่งรวมถึงการตัดภาษีจากรายได้ที่มาจากส่วนต่างหุ้น การเว้นภาษีให้ประชากรผู้สูงวัย ตัดหนี้สูญให้กับผู้ที่ขาดทุนในหุ้น นี่เป็นมาตรการส่วนหนึ่งในแผน


 


ท่านวุฒิสมาชิกโอบามา คุณเสนอแผนมูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญ โดยการตัดภาษีให้กับคนที่มีรายได้ปานกลาง และคนที่มีรายได้น้อย การยกเว้นภาษีเพื่อสร้างงานใหม่ การใช้จ่ายใหม่เพื่อโครงการสาธารณะเพื่อการสร้างงาน ผมใคร่ขอสอบถามคุณทั้งสองว่า เหตุใดถึงคิดว่าแผนของคุณดีกว่าของอีกคน


 


ท่านวุฒิสมาชิกแม็คเคน เริ่มก่อนได้เลยครับ


 


จอห์น แม็คเคน:


บ็อบ ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ ขอบคุณฮอฟสตร้าที่ให้สถานที่ด้วย ผมขอพูดถึงแนนซี เรแกน[1] ผู้เป็นที่รักยิ่งของพวกเรา คืนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาล เราจะระลึกถึงและสวดมนต์ให้เธอด้วยครับ


 


ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบคุณอีกครั้ง ท่านวุฒิสมาชิกโอบามา


 


ตอนนี้คนอเมริกันกำลังเจ็บปวดและโกรธแค้น พวกเขาเป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์ ของความโลภและความตะกละของวอลล์สตรีท เช่นเดียวกับในวอชิงตันดีซี พวกเขากำลังโกรธ พวกเขามีเหตุผลอันสมควรทุกประการที่จะโกรธ


 


และพวกเขาต้องการให้ประเทศนี้เดินทางไปยังทิศทางใหม่ ซึ่งมีองค์ประกอบมาจากข้อเสนอของผม ที่คุณได้เกริ่นไปแล้ว ผมจะไม่ขอทวนซ้ำ แบบสรุปก็คือเราต้องมีทางแก้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวควบคู่กันไป ผมจะพูดวิธีแก้ปัญหาในระยะสั้นก่อน


 


ปัจจัยเร่งให้เกิดวิกฤตอสังหาริมทรัพย์คือเฟนนี่และเฟรดดี้ เม[2] ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดปรากฎการณ์สินเชื่อด้อยคุณภาพ และตอนนี้ก็เป็นสาเหตุทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยในอเมริกาพังพินาศลง


 


เราต้องพลิกวิกฤตการณ์ให้ได้ เป้าหมายไม่ใช่เฉพาะตามที่ประชาชนหวังว่าจะยังได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมเท่านั้น แต่คุณค่าของความฝันแบบอเมริกันจะต้องถูกดึงกลับมาดังเดิมด้วย


 


ตอนนี้เราใช้เงินไปแล้วราวๆ 7 แสน 5 หมื่นล้านเหรียญ ลองแบ่งเงินส่วนนี้มาสัก 3 แสนล้าน แล้วเอาไปซื้อบ้านที่ติดจำนองจำนวน 11 ล้านหลัง แล้วต่อรองให้เจ้าของยังได้อาศัยอยู่ในบ้าน เพื่อเขาจะยังสามารถผ่อนชำระหนี้ ในขณะที่ยังสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมได้


 


ผมรู้ว่ามีคนวิพากษ์วิจารณ์ความคิดนี้ แต่ต้องถามกลับว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในบ้านที่ยังชำระค่าผ่อนบ้านอยู่ล่ะ เราจะทำอย่างไรกับพวกเขา ถ้าเกิดว่าเขาได้อยู่ในบ้านต่อไป ในขณะที่เพื่อนบ้านของเขาไม่ มันไม่ได้เป็นการช่วยพวกเขาเลย เราต้องแก้ไขสิ่งนี้ เราต้องหาเจ้าของบ้านมาใส่ในบ้านก่อนเป็นอันดับแรก และผมรู้สึกไม่ประทับใจที่รัฐมนตรีคลังพอลสัน และทีมงานเศรษฐกิจคนอื่นๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องเร่งด่วนนี้เป็นอันดับแรก


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


เอาล่ะ ท่านวุฒิสมาชิก โอบามาครับ?


 


บารัค โอบามา:


ครับ ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณมหาวิทยาลัยฮอฟสตร้า และผู้คนในนิวยอร์คที่เป็นเจ้าภาพให้กับเราในค่ำคืนนี้ และเป็นเรื่องน่าประทับใจยิ่งที่ได้ร่วมโต้วาทีกับท่านวุฒิสมาชิกแม็คเคนอีกครั้งหนึ่ง และขอบคุณคุณด้วยครับ บ็อบ


 


ผมคิดว่าทุกคนคงทราบดีอยู่แล้ว ณ เวลานี้ ว่าเรากำลังพบกับวิกฤติการเงินครั้งร้ายแรงที่สุดนับแต่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ (Great Depression)[3] และแผนให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่วุฒิสมาชิกแม็คเคน และผมสนับสนุนในรัฐสภา ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ ผมได้ผลักดันหลักการที่สำคัญบางประการด้วย นั่นคือการทำความแน่ใจว่าผู้ชำระภาษีจะได้เงินของพวกเขาคืน ถ้าพวกเขาใส่เงินลงไป และทำความมั่นใจว่าบรรดาซีอีโอ จะไม่ร่ำรวยมากขึ้นหลังจากกระบวนการเหล่านี้


 


ผมเชื่อว่าต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าแผนจะเห็นผล สิ่งที่เรากลับยังไม่เห็นใครเสนอในตอนนี้ คือแผนความช่วยเหลือสำหรับคนชั้นกลาง เพราะพื้นฐานทางเศรษฐกิจนั้นอ่อนแออยู่แล้วก่อนที่จะมีวิกฤตครั้งล่าสุด ดังนั้นผมขอเสนอสิ่งพิเศษสี่ประการที่ผมคิดว่าจะสามารถช่วยได้


 


หนึ่ง ต้องมุ่งเน้นเรื่องการมีงานทำ ผมต้องการเลิกการยกเว้นภาษีให้บรรษัทที่ย้ายงานไปไว้ยังต่างประเทศ และจะคืนภาษีให้กับทุกบริษัทที่สร้างงานในอเมริกาที่นี่


 


สอง ให้ความช่วยเหลือกับประชาชน โดยการยกเว้นภาษี-ตัดภาษีให้ชนชั้นกลาง สำหรับคนที่มีรายได้น้อยกว่า 2 แสนดอลลาร์ต่อปี และอนุญาตให้พวกเขาได้เข้าถึงบัญชีประกันสังคมโดยไม่มีต้นทุนถ้าพวกเขาประสบภาวะวิกฤต


 


ผมเห็นด้วยกับความคิดของท่านวุฒิสมาชิกแม็คเคนที่ว่าเราจะต้องช่วยเจ้าของบ้าน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องรวมเอาข้อเสนอชุดความช่วยเหลือทางการเงิน ให้เจ้าของบ้านกลับมาอยู่ในภาวะที่พวกเขาสามารถเจรจาชำระการผ่อนบ้านได้


 


แต่ผมไม่เห็นด้วยกับท่านวุฒิสมาชิกแม็คเคนในเรื่องวิธีการ เพราะวิธีที่ท่านวุฒิสมาชิกแม็คเคนใช้แผนของเขานั้น มันอาจจะเป็นการให้เงินกับธนาคารไปเปล่าๆ เพราะถ้าหากเราซื้อสินทรัพย์จำนองในมูลค่าเต็ม ตอนนี้มันมีมูลค่าลดน้อยลงไปมาก ซึ่งมันจะเป็นการนำภาษีของประชาชนไปใช้โดยเปล่าประโยชน์ และเราต้องการให้แผนการช่วยเหลือทางการเงินทำหน้าที่ได้เร็วขึ้นกว่าที่มันเป็นอยู่


 


ประเด็นสุดท้ายที่ผมอยากจะกล่าวถึงด้วยคือ เรากำลังเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจในระยะยาว เราจะต้องปรับปรุงนโยบายพลังงานที่ผลาญความมั่งคั่งของเราไป เราจะต้องปรับปรุงระบบประกันสุขภาพ และเราต้องลงทุนในระบบการศึกษาเพื่อให้เยาวชนทุกคนมีโอกาสเรียนหนังสือ


นโยบายด้านภาษี


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


เอาล่ะ คุณมีคำถามจะถามอะไรไหมครับ?


 


จอห์น แม็คเคน:


ไม่ครับ แต่ผมอยากพูดถึงเรื่องเมื่อสองสามวันก่อน ที่วุฒิสมาชิกโอบามาเดินทางไปโอไฮโอ และได้พบกับช่างประปาชื่อ โจ เวอร์เซลบัคเจอร์ (Joe WurzelBacher)


 


โจต้องการซื้อกิจการที่เขาทำงานอยู่ตลอดหลายปีนี้ ซึ่งเขาทำงานวันละ 10 - 12 ชั่วโมง เขาต้องการซื้อธุรกิจ แต่เมื่อเขาดูแผนภาษีของวุฒิสมาชิกโอบามาแล้ว เขาพบว่าเขาจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น


 


คุณกำลังจะทำให้เขาอยู่ในกรอบภาษีที่สูงเกินไป ซึ่งจะทำให้เขาต้องจ่ายภาษีเพิ่มมากขึ้น กิจการของเขาจะไม่สามารถจ้างคนงานอย่างที่ต้องการได้ ทั้งที่โจนั้นดำเนินตามความฝันแบบอเมริกัน


 


โจ ผมอยากบอกคุณว่า ตอนนี้ท่านวุฒิสมาชิกโอบามากำลังสนใจแต่คนรวยมากๆ ส่วนผมไม่เพียงแต่จะช่วยคุณซื้อธุรกิจนั้นซึ่งคุณทำงานกับมันมาทั้งชีวิต ผมจะยังช่วยให้คุณจ่ายภาษีน้อยลง และยังให้การประกันสุขภาพกับคุณและลูกจ้างของคุณด้วย


 


และผมจะไม่มีทางเพิ่มภาษีกับธุรกิจขนาดเล็ก ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้ภาษีธุรกิจขนาดย่อมมาจากธุรกิจเล็กๆ ที่สร้างงาน 16 ล้านตำแหน่งในสหรัฐอเมริกา สิ่งที่วุฒิสมาชิกโอบามาต้องการทำกับโจ และคนแบบเดียวกับเขาอีกนับล้านคือขึ้นภาษี คนเหล่านี้จะไม่สามารถทำตามความฝันแบบอเมริกัน ที่พวกเขามีธุรกิจของตัวเองได้เลย


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


นั่นเป็นสิ่งที่คุณจะทำหรือครับ วุฒิสมาชิกโอบามา?


 


จอห์น แม็คเคน:


นั่นเป็นสิ่งที่โจเชื่อครับ


 


บารัค โอบามา:


เขาดูโฆษณาของท่านวุฒิสมาชิกแม็คเคนน่ะสิครับ ขอให้ผมอธิบายสิ่งที่ผมจะทำดีกว่า ผมคิดว่านโยบายภาษีนั้น เป็นสิ่งที่แตกต่างมากที่สุดระหว่างนโยบายของท่านวุฒิสมาชิกแม็คเคน และของผม สิ่งที่เราทั้งคู่ทำคือการตัดภาษี แต่สิ่งที่ต่างกันคือเราจะตัดภาษีให้กับใคร


 



 


โฆษณา "โจ ช่างประปา" ของวุฒิสมาชิกแม็คเคน ที่ถูกพูดถึงเกือบตลอดการโต้วาทีครั้งนี้


 


 


ตอนนี้ สาระสำคัญของข้อเสนอทางเศรษฐกิจของท่านวุฒิสมาชิกแม็คเคน อยู่ที่การเสนอการตัดภาษีมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญเพิ่มเติมให้กับบริษัทที่มั่งคั่งอยู่แล้วในสหรัฐอเมริกา บริษัทอย่างเช่น เอ็กซอน โมบิล[4] และบริษัทน้ำมันอื่นๆ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นทันที 4 พันล้านเหรียญจากการตัดภาษี


 


ส่วนนโยบายของผม ผมเสนอการตัดภาษีให้กับคนทำงานอเมริกัน 95 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคุณมีรายได้มากกว่า — ถ้าคุณมีรายได้น้อยกว่าสองแสนห้าหมื่นดอลลาร์ต่อปี ภาษีรายได้ของคุณจะไม่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาษีจากส่วนต่างหุ้นของคุณ ภาษีเงินเดือนของคุณ ไม่ขึ้นแม้แต่สตางค์แดงเดียว และ 95 เปอร์เซ็นต์ของครอบครัวคนทำงานจะได้รับการลดภาษี จริงๆแล้ว งานวิจัยอย่างอิสระได้ศึกษาแผนที่น่าเชื่อถือของเรา และสรุปว่า ข้อเสนอของผมลดภาษีให้กับครอบครัวชนชั้นกลางมากกว่าที่ท่านวุฒิสมาชิกแม็คเคนถึงสามเท่า


 


ดังนั้น บทสนทนาจริงๆ ที่ผมได้คุยกับโจ ช่างประปา คือ "ห้าปีก่อน ตอนที่คุณยังไม่มีเงินซื้อธุรกิจ ตอนนั้นคุณต้องการให้ลดภาษี"


 


สิ่งที่ผมจะทำคือ สร้างความมั่นใจว่าช่างประปา พยาบาล พนักงานดับเพลิง ครู ผู้ประกอบการหน้าใหม่ ที่ยังร่ำรวย ผมจะตัดภาษีให้พวกเขาเดี๋ยวนี้ การจะทำแบบนั้นได้ พวกเราต้องตัดสินใจอย่างจริงจัง


 


ประเด็นสุดท้ายที่ผมอยากจะกล่าวถึงธุรกิจขนาดย่อม ผมต้องการลดภาษีให้กับ 98 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจขนาดย่อมที่มีรายได้น้อยกว่าสองแสนห้าหมื่นเหรียญ เพราะพวกเขาเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเรา อัตราจ้างงานส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเหล่านี้


 


จอห์น แม็คเคน:


คุณทราบไหมครับว่า คำพูดสุดท้ายที่วุฒิสมาชิกโอบาบอกกับโจ คือ "เราต้องกระจายความร่ำรวยออกไป" มันแปลว่า เราจะเอาเงินของโจ ไปให้กับวุฒิสมาชิกโอบามา เพื่อให้เขากระจายเงินนี้ออกไปออกไปให้คนอื่นๆ


 


เขาต้องการกระจายเงินที่โจหามาได้ออกไปให้คนอื่น


 


แนวคิดในแผนของวุฒิสมาชิกโอบามา คือสงครามระหว่างชนชั้น กระจายความมั่งคั่งออกไปให้ทัดเทียมกัน เขาต้องการธุรกิจขนาดย่อมที่เราพูดถึงถูกเพิ่มการเก็บภาษีมากขึ้น


 


ทำไมคุณถึงอยากเก็บภาษีเพิ่มเอาตอนนี้? มีใครสักคนในอเมริกาไหมที่ต้องการให้คุณทำแบบนี้? เมื่อเราประสบช่วงเวลายากลำบาก เมื่อคนอย่างโจต้องการสร้างธุรกิจ ทำไมคุณถึงอยากเอาเงินไปจากเขาแล้วกระจายความร่ำรวยออกไป


 


ผมจะไม่…


 


บารัค โอบามา:


โอเค ขอให้ผม…


 


จอห์น แม็คเคน:


เราจะไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน หากเป็นการบริหารของผม


 


บารัค โอบามา:


ให้ผมได้ตอบคำถาม ข้อหนึ่ง ผมจะตัดภาษีให้กับคนอเมริกัน 95 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนและผู้สนับสนุนของผม อย่างวอร์เรน บัฟเฟต สามารถจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เพื่อที่จะ…


 


จอห์น แม็คเคน:


เราพูดถึงคนอย่างโจ ช่างประปา ครับ


 


บารัค โอบามา:


เพื่อที่จะตัดภาษีให้กับโจ ช่างประปา ก่อนที่เขาจะมีฐานะจนถึงระดับรายได้ 2 แสน 5 หมื่นเหรียญ


 


ต่อมาก็เป็นเอ็กซอน โมบิล ซึ่งมีกำไรในช่วงสองสามไตรมาสที่ผ่านมา 1.2 หมื่นล้านเหรียญ สูงเป็นประวัติการณ์ พวกเขาสามารถจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยได้ เพื่อชดเชยภาษีของครอบครัวคนธรรมดาซึ่งกำลังลำบาก กลุ่มคนที่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อหาอาหารมื้อต่อไป จะทำอย่างไรให้ลูกๆ ยังได้เรียนในโรงเรียน ครอบครัวที่ต้องการการลดภาษี


 


ดังนั้น ดูเถอะครับ ไม่มีใครชอบภาษีหรอก ผมอยากให้พวกเราทุกคนไม่ต้องจ่ายภาษี รวมทั้งตัวผมด้วย แต่สุดท้ายแล้ว เราจะต้องจ่ายภาษีอยู่ดี เพื่อนำเงินนี้ไปลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เพื่อให้เศรษฐกิจแข็งแรงขึ้น และต้องมีใครบางคนทำหน้าที่นี้


 


จอห์น แม็คเคน:


ไม่มีใครชอบภาษี ดังนั้นอย่าไปเพิ่มภาษีของทุกคนเลยดีไหมครับ?


 


บารัค โอบามา:


ผมยินดีจะจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยนะครับ


 


จอห์น แม็คเคน:


ข้อเท็จจริงก็คือธุรกิจในอเมริกาทุกวันนี้จ่ายอัตราภาษีสูงเป็นลำดับที่สองในโลก อัตราภาษีธุรกิจในอเมริกาอยู่ที่ 35% ไอร์แลนด์ 11% แล้วพวกบริษัทจะไปที่ไหนหากพวกเขาต้องการสร้างงาน ที่ไหนที่พวกเขาจะทำธุรกิจได้ดีที่สุดครับ?


 


เราต้องการตัดภาษีธุรกิจในอเมริกา เราต้องกระตุ้นให้เกิดการทำธุรกิจ


 


ตอนนี้ ทั้งหมดที่เราต้องทำคือตัดภาษีรายได้บุคคลธรรมดา กระตุ้นให้เกิดธุรกิจ เกิดการจ้างงาน ไม่ใช่กระจายรายได้ของธุรกิจออกไป


 


 


แผนการงบประมาณ


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


เอาล่ะครับ ไปที่หัวข้ออื่นกันบ้าง แต่มันก็เป็นหัวข้อที่ยังเกี่ยวข้องกันอยู่ ถ้าคุณยังติดประเด็นที่อยากจะพูด คุณก็สามารถกลับไปได้นะครับ


 


คำถามนี้ให้กับคุณก่อนครับ ท่านวุฒิสมาชิกโอบามา เราทราบเมื่อวานนี้ว่าการขาดดุลปีนี้จะถึงระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 4.55 แสนล้านเหรียญ ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่าอาจจะไปถึง 1 ล้านล้านเหรียญในปีหน้า


 


พวกคุณทั้งคู่บอกว่า จะลดการขาดดุล แต่คณะกรรมการที่เป็นกลางซึ่งมีหน้าที่ดูแลแผนงบประมาณของสหรัฐ ลองเอาตัวเลขจากนโยบายของพวกคุณมาคำนวณ และพวกเขาพบว่านโยบายของพวกคุณนั้นจะเพิ่มการขาดดุลเข้าไปอีก 2 แสนล้านเหรียญ ถึงแม้พวกคุณจะอ้างว่าประหยัดงบประมาณได้ก็ตาม


 


นี่แสดงว่าพวกคุณไม่ได้คำนึงความเป็นไปได้จริงหรือเปล่าครับ? หรือบางโครงการที่คุณเสนออาจจะต้อง ลดขนาดลง เลื่อนออก หรือกระทั่งยกเลิกไป? ช่วยเล่าให้พวกเราฟังว่าคุณจะตัดอะไรออกไปบ้าง


 


ท่านวุฒิสมาชิกโอบามาครับ?


 


บารัค โอบามา:


เอาล่ะครับ ก่อนอื่น ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่สาธารณชนอเมริกัน จะทำความเข้าใจถึงแผนความช่วยเหลือมูลค่า 7.5 แสนล้านเหรียญ หากว่ามันออกแบบมาอย่างเหมาะสม และในฐานะประธานาธิบดี ผมจะต้องสร้างความมั่นใจว่า มันเหมาะสม ในท้ายที่สุดแล้วผู้จ่ายภาษีจะได้เงินของพวกเขากลับคืน และนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ


 


แต่ทุกคนคงตระหนักดีว่า เราเคยใช้ชีวิตหรูหรา เหนือระดับที่ควรจะเป็น ตอนนี้เราต้องยอมปรับตัวบ้าง


 


สิ่งที่ผมพยายามจะทำตลอดการรณรงค์ก็คือการเสนอการตัดการใช้จ่ายสุทธิ ผมไม่ได้ให้คำสัญญาเกี่ยวกับ…


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


แต่คุณก็ต้องตัดโครงการบางส่วนออกแน่


 


บารัค โอบามา:


แน่นอนครับ ผมอยากเน้นย้ำว่าผมเป็นผู้สนับสนุนแนวคิด "จ่ายเท่าที่เงินมี"[5] ทุกโครงการที่ผมเสนอซึ่งต้องลงทุนงบประมาณ ผมได้รวมการลดค่าใช้จ่ายไปควบคู่กันอยู่แล้ว ให้สอดคล้องกัน


 


การลดค่าใช้จ่ายบางอย่าง เผื่อจะเป็นตัวอย่างนะครับ เราจ่ายเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่ออุดหนุนบริษัทประกัน ซึ่งตามแผนแม่บทด้านสุขภาพแล้ว มันไม่ได้ช่วยให้ผู้สูงอายุได้อะไรที่ดีขึ้นเลย มันไม่ได้ปรับปรุงระบบดูแลสุขภาพของพวกเรา มันเป็นแค่การให้เปล่ากับบริษัทประกันเท่านั้น


 


เราต้องยกเลิกการเป็นเจ้าภาพโครงการที่ล้มเหลว และผมจะต้องตรวจสอบงบประมาณของรัฐอย่างละเอียด ทุกบรรทัด ทุกหน้า ทุกโครงการที่ไม่สำเร็จ เราจะต้องเลิกมันไป ส่วนโครงการที่เราต้องการ เราต้องทำให้มันดีขึ้น


 


ตอนนี้ ผมและวุฒิสมาชิกแม็คเคน มีมุมมองที่ต่างกันต่อการลงทุนของรัฐบาลต่อประชาชนอเมริกัน ผมได้พูดถึงระบบสุขภาพไปก่อนหน้านี้แล้ว


 


หากเราทำการลงทุนในการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ มันจะช่วยลดงบประมาณด้านการแพทย์ของเราในอนาคต


 


หากเราลงทุนอย่างจริงจังในนโยบายพลังงาน มันจะช่วยให้เราไม่ต้องยืมเงินจีนเพื่อไปจ่ายให้ซาอุดิอาระเบียอีก


 


หากเราทำการลงทุนกับเยาวชนของเรา ให้พวกเขาได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัย พวกเขาจะกลายเป็นกำลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเราในศตวรรษหน้า


 


แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อเราผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ไปได้ และดำเนินการตามเป้าหมายบางอย่างได้สำเร็จ เราจะไม่สามารถกลับไปมีชีวิตที่สุรุ่ยสุร่ายดังเดิมอีกต่อไป


 


เราจะต้องสร้างค่านิยมแห่งการรับผิดชอบ เราทุกคน บรรษัท รัฐบาลสหรัฐ และแต่ละบุคคลข้างนอกนั้น ซึ่งอาจจะมีชีวิตอยู่เหนือกว่ามาตรฐานของพวกเขา


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


หมดเวลาครับ ท่านวุฒิสมาชิก?


 


จอห์น แม็คเคน:


ขอบคุณครับ บ็อบ ผมขอกลับไปยังเรื่องเจ้าของบ้าน ในสมัยที่เราเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เราเคยมีสิ่งที่เรียกว่า บรรษัทผู้ให้สินเชื่อเจ้าของบ้าน


 


พวกเขาเข้าไปซื้อการผ่อนชำระหนี้มาบริหาร เพื่อผู้คนยังคงอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองได้ หลังจากนั้นมูลค่าบ้านก็เพิ่มสูงขึ้น และบรรษัทก็มีกำไร นี่เป็นข้อเสนอของวุฒิสมาชิกคลินตันเมื่อไม่นานมานี้เอง นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า หากเราเพิ่มมูลค่าของบ้านที่อยู่อาศัยได้ เราก็สร้างความอยู่ดีกินดีได้


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


แต่ว่า…


 


จอห์น แม็คเคน:


แต่… โอเคครับ


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


คำถามคือ คุณจะตัดอะไรครับ


 


จอห์น แม็คเคน:


พลังงาน — อันดับแรกที่สุด ความเป็นอิสระทางพลังงาน เราจะต้องมีพลังงานนิวเคลียร์ เราจะต้องยุติการใช้จ่าย 7 แสนล้านเหรียญต่อปี ให้กับประเทศที่ไม่ค่อยชอบพอเราเท่าไหร่ เราจะต้องมีพลังงานลม น้ำ แสงอาทิตย์ ก๊าซธรรมชาติ นิวเคลียร์ การขุดเจาะตามชายฝั่งทะเล ซึ่งเป็นสิ่งที่วุฒิสมาชิกโอบามาคัดค้าน


 


เราจะกลายเป็นประเทศที่ไม่ต้องพึ่งพาพลังงานนำเข้า และเกิดการจ้างงานนับล้านตำแหน่งในอเมริกา


 


สำหรับสิ่งที่ผมจะตัด? ผมจะหยุดการเพิ่มงบประมาณทั้งหมด โอเคไหมครับ บางคนอาจจะบอกว่ามันเป็นการรักษาเกินอาการ ใช่ครับ ผมจะให้ยาแรงก่อน แล้วค่อยมารักษาเป็นกรณีย่อย โอเคไหมครับ?


 


เพราะเราต้องแก้ปัญหาว่ารัฐบาลมีขนาดขยายใหญ่จนเกินไป นับแต่ช่วง Great Society[6] เป็นต้นมา


 


เราไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายภาครัฐได้อีกต่อไปแล้ว หนี้มูลค่า 10 ล้านล้านเหรียญจะตกทอดไปยังรุ่นลูกของพวกเรา ในจำนวนนี้ เราเป็นหนี้จีนประเทศเดียวถึงห้าแสนล้านเหรียญ


 


ผมรู้ว่าจะประหยัดงบประมาณด้านกลาโหมนับพันล้านเหรียญได้อย่างไร ผมรู้วิธียกเลิกโครงการ


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


โครงการไหนครับ?


 


จอห์น แม็คเคน:


ผมเคยต่อสู้กับ เอ้อ หนึ่งในนั้นคือโครงการให้ความช่วยเหลือทางการตลาด อีกโครงการคือการสนับสนุนเชื้อเพลิงเอธานอล


 


ผมคัดค้านการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าเอธานอล เพราะมันเป็นการบิดเบือนตลาด และปั่นความต้องการขึ้นมา แต่วุฒิสมาชิกโอบามาสนับสนุนการอุดหนุนพวกนี้


 


ผมจะลดกำแพงภาษีการนำเข้าเอธานอลทำจากอ้อย ที่นำเข้าจากบราซิล


 


ผมรู้ว่าจะประหยัดเงินเป็นพันล้านได้อย่างไร ถ้าคุณจำได้ เมื่อสองสามปีก่อน ผมช่วยลดงบประมาณของแผนข้อตกลงอันแสนหวานระหว่างบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินกับกระทรวงกลาโหมถึง 6,800 ล้านเหรียญ และกรณีนี้ มีบางคนที่ต้องเข้าไปอยู่ในคุกนะครับ


 


ผมใช้วิธีคัดค้านโครงการที่ไม่เหมาะสม เป็นโครงการๆ ไป[7] แทนการคัดค้านแผนใหญ่ในภาพรวม และแน่นอนผมจะคัดค้านโครงการที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน วุฒิสมาชิกโอบามาเคยของบประมาณเกือบ 1 พันล้านเหรียญกับโครงการแบบนี้


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


หมดเวลาครับ


 


จอห์น แม็คเคน:


รวมถึงโครงการเครื่องฉายภาพ 3 ล้านเหรียญในหอดูดาวที่บ้านเกิดเขา เราไม่ได้ตัดแค่นี้หรอก เราจะตัดทุกชิ้น


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


หมดเวลาแล้วครับ


 


บารัค โอบามา:


ผมคิดว่าตอนนี้เรามีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องตัดงบประมาณของประเทศ เรื่องนี้เป็นไอเดียที่ฟังดูดี มีคนเสนอไอเดียนี้อยู่เรื่อยๆ แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นจริง


 


ในความเป็นจริงแล้ว วิธีตัดงบประมาณเปรียบเสมือนการใช้ขวานมาทำการผ่าตัด ทั้งที่จริงๆ เราต้องการมีดผ่าตัดต่างหาก เราไม่สามารถใช้วิธีเดียวกันทั้งหมดได้ โครงการที่ไม่ได้ผลก็ควรตัดทิ้งไป แต่มันก็มีโครงการที่ได้รับงบประมาณอุดหนุนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น และผมอยากแก้ไขให้โครงการเหล่านี้เดินต่อไปได้


 


วุฒิสมาชิกแมคเคนพูดถึงการจ่ายงบประมาณตรงแบบระบุโครงการ (earmarks)[8] บ่อยครั้ง และเรื่องนี้เป็นประเด็นหลักในการหาเสียงของเขา


 


งบประมาณแบบระบุโครงการคิดเป็น 0.5% ของงบประมาณแผ่นดินทั้งหมด แน่นอนว่าระบบนี้ต้องถูกปฏิรูป มันย่อมมีโครงการไร้สาระที่เราเสียงบประมาณไปโดยใช่เหตุ ซึ่งเราต้องขจัดมันออกไป แต่มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาในภาพใหญ่


 


ประเด็นสุดท้าย ผมคิดว่าเราไม่ควรเสียเวลามาสนใจเรื่องเก่าๆ มากนัก แค่ศึกษาให้พอรู้ว่าอนาคตเราจะไม่ซ้ำรอยเดิมก็พอแล้ว


 


ตอนที่ประธานาธิบดีบุชเข้ารับตำแหน่ง เรามีงบประมาณเกินดุล และหนี้ของประเทศอยู่ประมาณ 5 ล้านล้านเหรียญ ในแปดปีที่ผ่านมามันเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว


 


บารัค โอบามา:


และตอนนี้งบประมาณเราขาดดุลมากถึง 5 แสนล้านเหรียญ


 


สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าเราควรจดจำคือ นโยบายในช่วงแปดปีที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดดุลได้ และน่าแปลกใจว่าวุฒิสมาชิกแมคเคนนั้นโหวตรับแผนงบประมาณของประธานาธิบดีบุชถึง 4 ใน 5 ครั้ง


 


เราต้องเปลี่ยนนโยบายในเรื่องนี้ใหม่ และนั่นเป็นสิ่งที่ผมเสนอในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


คุณทั้งสองคนคิดว่าสามารถแก้ปัญหางบประมาณขาดดุลได้ภายในสี่ปีหรือเปล่า? วุฒิสมาชิกแมคเคน คุณเคยพูดว่าคุณทำได้ใช่ไหม?


 


จอห์น แม็คเคน:


ใช่ ผมจะเล่าว่าผมจะทำได้อย่างไร


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


ตอนนี้คุณยังเชื่อแบบเดิมหรือเปล่า?


 


จอห์น แม็คเคน:


ผมยังเชื่อว่าผมทำได้ ท่านวุฒิสมาชิกโอบามา ผมไม่ใช่ประธานาธิบดีบุช ถ้าคุณต้องการโจมตีประธานาธิบดีบุช คุณก็ควรจะลงชิงตำแหน่งตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว ผมเองนั้นต้องการเปลี่ยนนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน


 


วุฒิสมาชิกโอบามาพูดถึงเรื่องการโหวตรับรองงบประมาณแผ่นดิน เขาเองเคยโหวตรับแผนงบประมาณที่ขึ้นภาษีรายได้บุคคลทั่วไปที่มีรายรับมากกว่า 42,000 ดอลลาร์ต่อปีถึงสองครั้ง แน่นอนว่าเราสามารถทดลองใช้ทั้งวิธีฟันด้วยขวานและมีดผ่าตัดกับแผนงบประมาณนี้ได้ เพราะมันไม่สามารถควบคุมได้โดยง่ายเลย


 


ไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก[9] เพิ่งเริ่มใช้มาตรการหยุดเพิ่มงบประมาณของนครนิวยอร์ก และเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศกำลังทำตามเพราะพวกเขาจำเป็นต้องรักษางบประมาณให้สมดุล ผมจะทำแบบเดียวกับกับงบประมาณของประเทศ และผมจะ…


 


บ็อบ ชีฟเฟอร์:


ทำได้ภายในสี่ปี?


 


จอห์น แม็คเคน:


…ลดงบประมาณลง -ใช่ครับ- เราจะลดงบประมาณลง พร้อมกับเพิ่มอัตราจ้างงาน และลดการพึ่งพิงพลังงานจากต่างชาติ


 


ลองดูสิว่าตอนนี้คนอเมริกันกำลังเจ็บปวดและโกรธแค้น ผมเข้าใจพวกเขานะ พวกเขาต้องการประเทศให้มุ่งไปในทิศทางใหม่ ผมสามารถพาพวกเขาไปถึงฝั่งฝันได้โดยการตัดงบประมาณ


 


วุฒิสมาชิกโอบามาโจมตีผมเรื่องแผนงบประมาณที่ผมเคยโหวต เขาเองก็เคยโหวตให้กับแผนงบประมาณสองอันที่เบิกจ่ายเงินมากกว่าแผนของรัฐบาลบุชถึง 24,000 ล้านดอลลาร์ เขาเคยโหวตแผนด้านพลังงานที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทน้ำมัน ซึ่งเป็นแผนที่ผมคัดค้าน คุณลองดูประวัติการโหวตที่ผ่านมาของเราสิ ท่านวุฒิสมาชิกโอบามา ลองมาดูคะแนนที่วัดโดยสหภาพผู้จ่ายภาษีแห่งชาติ (National Taxpayers Union) และเครือข่ายประชาชนต่อต้านงบประมาณสิ้นเปลือง (Citizens Against Government Waste) และหน่วยงานตรวจสอบภาคประชาชนอื่นๆ ว่าใครดีกว่ากัน


 


ผมต่อสู้กับการเพิ่มงบประมาณมาโดยตลอด ผมต่อสู้กับผลประโยชน์ทับซ้อน ผมต่อสู้เพื่อปฏิรูป คุณลองบอกผมมาสิว่า มีสักครั้งไหมที่คุณคัดค้านหัวหน้าพรรคในประเด็นอะไรสักอย่างก็ได้


 


จบตอนที่ 1


 


 


(ติดตามอ่านตอนที่ 2 ได้ในวันพรุ่งนี้)


 


 


 


--------------------------------------------------------------------------------


เชิงอรรถ


 


[1]แนนซี เรแกน (Nancy Reagan) ภรรยาของอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน


[2]Federal National Mortgage Association (FNMA) เรียกในชื่อเล่นว่า เฟนนี่ เม และ Federal Home Loan Mortgage Corporation (FHLMC) เรียกในชื่อเล่นว่า เฟรดดี้ แม็ค หน่วยงานด้านการจำลองอสังหาริมทรัพย์ขอ"รัฐบาลสหรัฐ ชื่อเล่นออกเสียงตามด้วยย่อ ในการโต้วาทีครั้งนี้ แม็คเคนเรียกชื่อ "เฟรดดี้ แม็ค" ผิดเป็น "เฟรดดี้ เม" และได้รับเสียงวิจารณ์พอสมควร


[3]ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในสหรัฐ เกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1929


[4]Exxon Mobil บริษัทแม่ของเอสโซ่


[5]ต้นฉบับใช้คำว่า "pay as you go" ซึ่งเป็นคำที่หมายถึงโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงิน จ่ายเท่าที่ต้องการใช้


[6]แผนการลงทุนภาครัฐบาลครั้งใหญ่ ในสมัยประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน เมื่อ ค.ศ. 1964 เป็นต้นมา ลงทุนทั้งในด้านสุขภาพ การศึกษา สิทธิมนุษย์ชน ความเสมอภาค แก้ปัญหาความยากจน การคมนาคม


[7]Line-item veto


[8]earmark เป็นศัพท์แสลงในวงการเมืองของสหรัฐ หมายถึงแผนงบประมาณที่ระบุตายตัวว่า จะจ่ายให้โครงการใดโครงการหนึ่งเป็นจำนวนเงินเท่าไร


[9]ไมเคิล บลูมเบิร์ก (Michael Bloomberg) เป็นนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก สังกัดพรรครีพับลิกัน


 


 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


การโต้วาทีของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาครั้งที่สาม (ตอนที่ 1), 25/10/2551


การโต้วาทีของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาครั้งที่สาม (ตอนที่ 2), 26/10/2551


การโต้วาทีของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกาครั้งที่สาม (ตอนที่ 3), 27/10/2551

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net