Skip to main content
sharethis

การเมือง


"จรัญ" ย้ำศาลไทยเท่าสากล ท้า "แม้ว" อ่านคำพิพากษา


ผู้จัดการ - (24 ต.ค.) นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งจดหมายเปิดผนึกทางโทรสารไปยังสำนักข่าวต่างประเทศตอบโต้กระบวนการยุติธรรมว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการตัดสินของศาล ว่า ในฐานะที่ตนดำรงตำแหน่งนี้อยู่ไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะเดี๋ยวเขาจะอ้างว่าเราไปอคติกับเขาอีก เราอยู่ในจุดนี้ยอมรับว่าอึดอัดมาก เพราะพูดอะไรไม่ได้ ทั้งนี้ ในหลักการของศาล เขาก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งอธิบายอะไรอีก เพราะมีคำตัดสินไปแล้ว แต่ถ้าหากว่าใครยังไม่เข้าใจ หรือข้องใจก็ให้ไปเอาคำพิพากษาของศาลมาอ่าน เพราะระบบศาลถือเป็นระบบสากลโลก มีความน่าเชื่อถือที่สุดแล้ว


    


    "ผมเชื่อว่าต่างชาติคงไม่มองระบบศาลไทยว่าไม่มีความเป็นธรรม เขาคงไม่คิดอะไรอย่างนั้น และต่างชาติเขาก็รู้ดีว่าโดยหลักแล้ว ผู้พิพากษาไม่ควรออกไปตอบโต้กับคู่ความ ไม่เช่นนั้นหากตอบโต้กันไปมาก็ไม่จบ แต่ถ้าคู่ความข้องใจ ไม่พอใจ ก็ให้ไปเอาคำพิพากษามานั่งอ่าน แล้วใช้วิธีการต่อสู้ทางกฎหมายจะดีกว่า" นายจรัญ กล่าวตอนท้าย


 


 


"เพื่อไทย"เตรียมเสวนากระบวนการยธ. เชิญ"ยงยุทธ"ร่วม


มติชน- เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม นายศักดา นพสิทธิ์ ว่าที่โฆษกพรรคเพื่อไทย กลุ่มวังบัวบาน ใกล้ชิดนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยจะจัดเสวนาวิชาการ "เรื่องกระบวนการยุติธรรมกับความขัดแย้งในสังคม" ในวันที่ 30 ตุลาคม ที่อาคารชินวัตรไหมไทย ซึ่งเป็นที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยจะเชิญนักการเมืองผู้ใหญ่ อย่างนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตผู้ทรงคุณวุฒิในกระบวนการยุติธรรม ระดับรองประธานศาลฎีกา และนักวิชาการด้านนิติศาสตร์ชั้นนำในสังคมไทยมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เนื่องจากเราเห็นว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้ต้องยอมรับว่ากฎหมายเข้ามามีบทบาทอย่างสูง ดุลอำนาจฝ่ายตุลาการเข้ามาก้าวก่ายฝ่ายบริหาร จนทำให้การบริหารประเทศมีปัญหาและบางครั้งกฎหมายไร้สภาพการบังคับใช้อีกหลายกรณี


 


 


"มาร์ค"แนะเบรกส.ส.ร.3 จี้รบ.แจงตปท. ศาลไทยไม่มีปัญหาตาม"แม้ว"อ้าง


มติชน - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) 3 ว่า นอกจากจะไม่เป็นทางออกของความขัดแย้งแล้วยังเป็นปมความขัดแย้งด้วย ซึ่งล่าสุดก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในวุฒิสภา คำถามก็คือว่า ต้องการทำอะไรที่จะเห็นความขัดแย้งเพิ่มเติมหรือ และถ้ารัฐบาลตั้งใจว่าอยากจะให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย คิดว่าควรจะพักเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วจะเจรจาเรื่องอื่นก็ค่อยว่ากันใหม่


 


เมื่อถามว่า ท่าทีพรรคประชาธิปัตย์ต่อการร่วมประชุมสภา เพื่อหาทางออกของ ส.ส.ร.เหมือนเดิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคเคยบอกแล้วว่าถ้าไม่มีการแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ฝ่ายต่างๆ หันหน้าเข้าหากันได้ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือ พักเรื่อง ส.ส.ร. 3 เอาไว้ก่อน และเร่งชี้แจงต่างชาติให้เข้าใจว่ากระบวนการยุติธรรมและศาลของประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาอย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวอ้าง และก็ไม่ควรใช้สื่อของรัฐไปเป็นเครื่องมือในการละเมิดอำนาจศาล สร้างความขัดแย้งในบ้านเมือง


 


 


พันธมิตรเชื่อคิดนิรโทษกรรม


มติชน - นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร แถลงที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีที่รัฐสภาจะมีการประชุมวันที่ 28 ตุลาคม เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลและคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) และข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา ว่าขณะนี้ยังสรุปสถานการณ์และการเคลื่อนไหวไม่ได้ คาดว่าในวันที่ 27 ตุลาคม คงมีความชัดเจน


 


"ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและ ส.ส.ร. 3 นั้น เห็นว่าเป็นไปได้ยาก หากเกิดขึ้นก็อาจนำไปสู่ความขัดแย้งและปัญหาที่มากขึ้น ผมเห็นว่าการแก้ไขนั้นไม่มีทิศทางของการปฏิรูปการเมือง แต่เป็นการแก้ไขเพื่อเป็นฐานรองรับการออกกฎหมายนิรโทษกรรม" นายพิภพกล่าว


 


 


ปธ.วุฒิฯ ลั่นไม่เห็นด้วยตั้ง ส.ส.ร.3 เชื่อไม่ใช่ทางออก ยันไม่ได้หนีปัญหา


แนวหน้า - นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่มีส.ว.กลุ่มหนึ่งระบุว่าหนีปัญหาในการตอบคำถามเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ตนไม่ได้หนีปัญหาและเป็นเพียงความคิดเห็นของแต่ละบุคคล ต่างคนต่างความคิด และยืนยันว่าการที่ตนไม่เข้าร่วมประชุม 4 ฝ่าย เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมาเพราะตนเห็นว่าไม่ใช่ทางออกของปัญหา และตนไม่ได้ถูกใครกดดันทั้งสิ้นเป็นการตัดสินใจของตนเอง และก่อนหน้านั้นที่มีการประชุมหารือ 4 ฝ่ายครั้งที่1และ2 นั้น ที่ตนเข้าร่วมเพราะคิดว่าจะเป็นการร่วมแก้ปัญหาได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ 7 ต.ค.ที่เกิดเหตุจราจลมีคนบาดเจ็บล้มตาย ตนจึงเห็นแล้วว่าการตั้งส.ส.ร.3ไม่ใช่ทางออกแน่นอน


 


 


โหร.คมช. แย้มข้อมูล กองทัพ ปฏิรูปฯ สัปดาห์หน้า ระบุไม่ใช่ ปฏิวัติแบบเดิม


แนวหน้า -เวลา 14.00 น. อ.วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหร คมช. ได้มาบันทึกเทป รายการ"เจาะใจ" ที่บริษัทเจเอสแอล โดยได้กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ว่า เหตุการณ์ใน 2-3 วันนี้ อาจจะมีการปะทะกันบ้างของกลุ่มบุคคล ซึ่งมีเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ และการแก้ไขปัญหาคือการหันหน้าเข้าหากัน เมื่อถามว่า จะมีการปฏิวัติรัฐประหารจากเหตุปะทะกันหรือไม่ อ.วารินทร์ กล่าวว่า การปฏิวัติในรูปแบบเดิมคงไม่มี แต่ทหารจะเข้ามาดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์นองเลือด และทุกฝ่ายตองออกมาช่วยกัน อย่างไรก็ตาม อาจมีการปะทะกันบ้างในปีนี้ แต่สามารถป้องกันได้ บทบาทของแต่ละกลุ่มทุกกลุ่ม ควรจะถอยกันคนละก้าวเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว



    


ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 1 พ.ย.นี้ ที่ นปช.นัดชุมนุมและ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโทรศัพท์เข้ารายการเรื่องจริงวันนี้ จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่  อ. วารินทร์ กล่าวว่า จะต้องมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 พ.ย. โดยจะเกิดการปะทะกัน และมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ซึ่งตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงยังไม่ได้พูดมาทางต่างประเทศ เพราะอาจมีเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่เกิดขึ้นก่อน  อยู่ในช่วงสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าจะมีการปฏิรูป และหาทางออกได้  ทำให้เหตุการณ์ที่คาดการณ์กันก็จะไม่ล่วงเลยไปถึงวันที่ 1 พ.ย.นี้



    


อ.วารินทร์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาอีกทางหนึ่งคือการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาของชาติ เพราะปัจจุบันใครขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาลก็จะมีเรื่อง ดังนั้นคนทุกกลุ่มต้องลุกขึ้นมาช่วยกัน เมื่อถามว่า ปีนี้จะมีการยุบสภาหรือไม่ อ.วารินทร์ กล่าวว่า แน่นอน จะเกิดขึ้นในปีนี้ สถานการณ์การเมืองในปีหน้า จะค่อยๆดีขึ้น



    


เมื่อถามว่า มองเห็นผู้นำประเทศคนใหม่หรือยัง อ.วารินทร์ กล่าวว่า เวลานี้ยังไม่ปรากฏที่จะมีใครขึ้นมาเป็นผู้นำ เมื่อถามว่า คนในชาติมีการแบ่งกลุ่มเป็นสีแดงและสีเหลือง อ.วารินทร์ กล่าวว่า เรื่องสีไม่ได้เกี่ยวข้องกับคน แต่ทำไมคนถึงไม่หันหน้ามาคุยกัน เ อาหลักความจริงมาคุยกันดีกว่า เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาของชาติ เมื่อถามว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ ถูกศาลจำคุก 2 ปี จะกลับมาเมืองไทยได้หรือไม่ อ.วารินทร์ กล่าวว่า สิ่งทีเกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรมเราก็ต้องยอมรับคำพิพากษา แต่ตนคิดว่าใครที่สร้างกรรมขึ้นมา คนผู้นั้นต้องได้รับกรรม และกรรมในครั้งนี้ไม่มีหนทางที่จะแก้กรรมได้


 


 


พธม.ยุกองทัพแสดงบทบาท ยันไม่หนุนปฏิวัติ


มติชน - นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าววันนี้ (25 ต.ค.) ถึงกรณี พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ประกาศเลื่อนปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลไปเป็นวันจันทร์ที่ 27 ต.ค.ว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประเมินสถานการณ์และป้องกันสถานการณ์อย่างเข้มงวดเป็นปกติ เพราะถือว่าใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญและเป็นการชุมนุมอย่างสันติ ตำรวจต้องทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่ได้สนับสนุนการใช้กำลังที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ จะระมัดระวังไม่ไห้เกิดความรุนแรง ตำรวจและทหารมีหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรงและการกระทำที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งดูแลความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักการเมืองที่เป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย


 


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาผู้นำเหล่าทัพออกมากดดันให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีลาออก แต่จนถึงขณะนี้ไม่มีท่าทีอะไรเกิดขึ้น นายพิภพ กล่าวว่า กองทัพต้องแสดงบทบาท เชื่อว่ากองทัพไม่ได้มีแผนเดียว แต่คงยากที่จะคาดเดาว่าจะดำเนินการอย่างไร กองทัพถือเป็นผู้ที่มีบทบาทและมีหน้าที่ในการดูแลไม่ให้เกิดความขัดแย้งในสังคม นอกจากนี้ กองทัพมีอำนาจในการประกาศกฎอัยการศึก และมีเครื่องมือที่จะรักษาความสงบของประเทศ


 


"กลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันว่าจะไม่ไปปะทะกับใครทั้งสิ้น และยืนยันว่าไม่สนับสนุนการรัฐประหาร แต่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสังคม เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่" นายพิภพ กล่าว


 


 


 


"เสธ.แดง" หยาม "สล้าง"ไร้น้ำยานำม็อบยึดทำเนียบคืน เผยเตรียมทบทวนบทบาท "นักรบพระเจ้าตาก" หลังรบ.ไม่จริงจังเอาทำเนียบคืน


แนวหน้า- พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ในรายการลับ ลวง พราง ผ่านสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงกรณีที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้ให้มีการชี้แจงถึงการฝึกกองกำลังนักรบพระเจ้าตาก บริเวณท้องสนามหลวงว่า พล.อ. อนุพงษ์ สงสัยว่า ตนยุ่งอะไรกับแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) และแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ต่อต้านคณะปฏิวัติ ตนจึงชี้แจงกับพล.ท.พิรุณ แผ้วพลสง รองเสนาธิการทหารบก แต่ไม่ทราบว่า เหตุใด ผบ.ทบ. ไม่เรียกพบด้วยตัวเอง หรืออาจจะเป็นเพราะกลัวว่าจะทะเลาะกัน ซึ่งตนอธิบายว่า ไม่เกี่ยวอะไรกับ นปก.หรือ นปช. รวมทั้งกองกำลังของพล.อ. สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ที่ประกาศจะเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลคืนจากกลุ่มพันธมิตรฯ



    


พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า กลุ่มนักรบพระเจ้าตากตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน วันใดที่นายกรัฐมนตรีหรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือกองทัพขอความช่วยเหลือถึงจะช่วย เพราะประเทศชาติไม่มีที่พึ่งใดๆ ซึ่งกลุ่มนักรบพระเจ้าตากเป็นกลุ่มคนที่แยกออกมาจากพวกฮาร์ดคอร์ของ นปก.และ นปช. จึงทำให้ถูกคิดว่า เป็นพวกเดียวกัน และนำไปผูกกับกลุ่มของพล.ต.อ.สล้าง ซึ่งไม่เคยตกลงว่า จะใช้กองกำลังร่วมกันในการยึดทำเนียบฯ ทั้งนี้กลุ่มของพล.ต.อ.สล้าง นั้นไม่มีกองกำลังและไม่น่าจะสามารถยึดคืนทำเนียบรัฐบาลกลับมาได้ เพราะล่าสุดมีแต่ชีปะขาวและพระเท่านั้น หากชวนตนก็ไม่ไป กลุ่มของพล.ต.อ.สล้าง ต้องไปจับมือกับพวกนักปลุกระดมอย่าง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย อดีตแกนนำนปก.หรือนาย ชินวัตร หาบุญพาด แกนนำกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ แต่เป็นคนละเป้าหมายกับกลุ่มนักรบพระเจ้าตากที่ต้องการเอาทำเนียบรัฐบาลคืน แต่ขณะนี้ต้องเริ่มทบทวนตัวเอง เพราะตำรวจ ทหารและนักการเมืองฟากรัฐบาลไม่กระตือรือร้นที่จะเอาทำเนียบรัฐบาลคืนจนทำให้กลุ่มพันธมิตรฯเหิมเกริม



    


"นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่เห็นด้วยกับการเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลของพล.ต.อ.สล้าง เพราะนายกฯพอใจที่จะอยู่ดอนเมือง เมื่อพล.ต.อ.สล้างจะทำ แต่ม็อบกลับไม่มาเพราะเกาะกันไม่ติดจึงเลื่อนออกไป หากพล.อ.อนุพงษ์ สั่งให้หยุดเราก็จะหยุด แต่ผมได้ทำรายงานและให้เหตุผลไปว่า ตัวท่านกับตัวผมคือสองคนเท่านั้นที่ถูกพันธมิตรฯด่าทุกวันบนเวทีจึงไม่ต้องอธิบายว่าจุดยืนท่านกับผมคืออะไร เราเป้าหมายเดียวกัน และตัวท่านก็ถูกมือตบไล่" พล.ต.ขัตติยะกล่าว



    


พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ตอนแรกตนจริงใจจะเข้าไปช่วย แต่ตอนหลังนปก.และนปช.เริ่มด่าตน เพราะพบเห็นสิ่งผิดปกติ คือ ขณะนี้มีม็อบอีกจำพวกหนึ่ง คือพวกปลุกม็อบ 2-3 วันก็เลิกเพื่อหารายได้จากการบริจาค จากคนที่รัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ต้องแยกว่าอันไหนของจริงหรือของเทียม ตอนแรกๆ แนะนำให้เอาเงินบริจาคไปซื้อโล่เหล็กไว้ป้องกันตัวเอง และแนะนำให้ตั้งเวทียืดเยื้อทุกวัน เพราะมีเงินบริจาคจำนวนมาก และจะให้นักรบพระเจ้าตากบุกเข้าไปยึดทำเนียบฯให้ แต่กลุ่ม นปก.และ นปช. ไม่สนใจ ยังปลุกระดมอยู่แค่ 2-3 วันพอให้มีเงินใช้จึงเลิกไป ต้องอธิบายให้เข้าใจว่าม็อบพวกนี้เป็นม็อบหาเงิน มีทั้งขึ้นรถทัวร์มาจากต่างจังหวัดและจ้างใน กทม. แต่พวกนี้จ้างไม่กี่วันก็หมด นักรบพระเจ้าตากจึงต้องทบทวนตัวเอง



    


พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า ส่วนการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มความจริงวันนี้ของอดีต 3 แกนนำ นปก.ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานนั้น ตนมองว่า เป็นปาหี่ แต่ต้องแยกกับประชาชนที่เดินทางมาร่วมที่เป็นของจริง ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการคุยกับประชาชนสีแดงที่ชื่นชอบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นเสียงบริสุทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับผู้นำว่า จะเอาจริงหรือไม่ หากเอาจริงต้องอยู่ยาวแบบพันธมิตรฯ และต้องตั้งที่สนามหลวงทุกวัน แต่หากเป็นแบบที่เมืองทองยอมรับว่าเป็นของแท้ที่ต้องการปลุกเพื่อการเมือง และทำให้รู้ว่า พรรคพลังประชาชนยังมีฤทธิ์อยู่ หากมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่กระแส พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังอยู่ จึงต้องขาย พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งหากทหารปฏิวัติครั้งนี้ ทหารโดนแน่ เนื่องจากประชาชนกลุ่มสีแดงที่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณจะออกมาต่อต้านจำนวนมาก


 


 


"แม้ว"ยังไม่มอบหมายอุทธรณ์คดีที่ดินรัชดา


มติชน- เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม นายเอนก คำชุ่ม ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินรัชดาภิเษก ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้ติดต่อมาว่าจะอุทธรณ์คดีนี้ แต่ทีมทนายเตรียมเอกสารรอไว้แล้ว และเวลาในการอุทธรณ์ก็มีถึง 30 วัน


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกแถลงการณ์โจมตีกระบวนการยุติธรรมไทย จะส่งผลต่อการอุทธรณ์หรือไม่ นายเอนกกล่าวเสียงห้วนว่า "เรื่องนี้ผมไม่ขอตอบ" จากนั้นนายเอนกก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งทันที


 


ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อกับ นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณในคดีที่ดินรัชดาฯอีกคนหนึ่ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากนายคำนวณปิดโทรศัพท์ตลอดทั้งวัน


 


นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูแลสู้คดีอายัดทรัพย์สินจำนวน 76,000 ล้านบาท กล่าวภายหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกแถลงการณ์โจมตีกระบวนยุติธรรมไทยว่า ขณะนี้ยังไม่อยากพูดอะไรมาก สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณเขียนก็เป็นเพียงความเห็น ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายอย่างเป็นทางการ จึงยังบอกไม่ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณเตรียมจะสู้คดีในศาลไทยต่อหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มาให้การต่อศาลด้วยตัวเอง แต่ทีมทนายก็เตรียมการสู้คดี รอเพียงคำสั่งศาลมาถึงเท่านั้น ก็จะส่งหนังสือคัดค้านต่อศาลทันที ทั้งนี้ ศาลนัดวันสืบพยานครั้งแรกคดีนี้ ในวันที่ 25 ธันวาคม


 


 


 


บีบีซี วิเคราะห์ "ทักษิณ" ผ่านเว็บไซต์


เว็บไซต์แนวหน้า -เว็บไซต์สำนักข่าว บีบีซี ประเทศอังกฤษ ลงบทความวิเคราะห์แนวทางการต่อสู้ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายยกรัฐมนตรีไทย หลังอัยการไทยเตรียมประสานทางการอังกฤษ เพื่อส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศไทย ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี ในคดีทุจริตการซื้อที่ดินใจกลางกรุงเทพฯ



    


นายไมเคิล โดบี้ ผู้สื่อข่าว ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา อาศัยในอังกฤษ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อหลบหนีกระบวนการพิจารณาคดีดังกล่าว แต่ถูกตัดสินให้มีความผิดในที่สุด แต่ดูเหมือนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เร่งรีบที่จะกลับไทย เพื่อเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหา ขณะที่อัยการไทยกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งให้รัฐบาลอังกฤษขอให้ส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน



    


อย่างไรก็ดี ไทยและอังกฤษ มีสนธิสัญญาระหว่างกันตั้งแต่ปี 1911 แต่กระบวนการดำเนินการตามสนธิสัญญา ต้องใช้เวลามาก เนื่องจากศาลผู้ร้ายข้ามแดนของอังกฤษ จะต้องเห็นว่าความผิดที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำขึ้นในประเทศไทย ผิดกฎหมายอังกฤษเช่นกัน ส่วนโดยไคลฟ์ นิโคลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายข้ามแดนระบุว่า ฝ่ายไทยอาจให้อัยการอังกฤษ ช่วยเขียนคำร้องได้ แต่มีประเด็นที่ศาลจะต้องพิจารณาอีกหลายประการ อาทิ คดีดังกล่าวเป็นคดีการเมือง ตามที่พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งหากเป็นคดีการเมือง คำร้องขอส่งตัวก็จะถูกยกไป



    


นอกจากนั้น ศาลอังกฤษจะมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับโอกาสพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมหรือไม่ และมีความเป็นไปได้แค่ไหนที่จะมีการรื้อคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่หรือการคัดค้านการดำเนินคดี หากเขาถูกส่งตัวกลับ ศาสตราจารย์ เจฟฟ์ กิลเบิร์ต ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเอสเซ็กซ์ ตั้งข้อสังเกตว่าข้อจำกัดในการยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีของทักษิณ อาจถูกนำไปพิจารณาโดยศาลผู้ร้ายข้ามแดนเช่นกัน เนื่องจากคดีดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณจะมีเวลาเพียง 30 วันหลังมีคำพิพากษาที่จะยื่นอุทธรณ์ ในประเด็นหลักฐานใหม่ หรือพิสูจน์ได้ว่าข้อกล่าวหาเป็นเท็จเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ พ.ต.ท. ทักษิณ อาจขอลี้ภัยในประเทศอังกฤษ ที่สื่อต่างๆ ได้เผยแพร่กระแสข่าวดังกล่าวตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการให้สัมภาษณ์ รอยเตอร์ เมื่อวัน 21 ตค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ตนเองยังไม่ได้ยื่นขอลี้ภัยแต่อย่างใด แต่ ศ.กิลเบิร์ต ระบุว่า แนวทางดังกล่าวน่าจะไม่ได้ผล เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถหาหลักฐานยืนยันว่า เขาจะถูกลงโทษประหารโดยรัฐบาลไทย



    


สำหรับคำขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนอาจถูกปฏิเสธ หากศาลวิเคราะห์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน หากถูกส่งกลับมารับโทษจำคุกในไทย โดยองค์การเพื่อนักโทษในต่างประเทศของอังกฤษ ระบุว่า ปกตินักโทษในเรือนจำไทย อยู่ในสภาพที่ที่ย่ำแย่ ถ้าอังกฤษตัดสินใจส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับไปรับโทษในไทย พ.ต.ท.ทักษิณ อาจร้องไปยังศาลสิทธิมนุษยชนของยุโรป เป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน ศาสตราจารย์ กิลเบิร์ต ระบุว่า อาจใช้เวลาถึง 5 ปี กว่าเรื่องจะเข้าสู่การพิจารณาของศาล



    


เจมี่ เม็ตเซิล รองประธานบริหารเอเชีย โซไซตี้ ในกรุงนิวยอร์ค สหรัฐ ยังมองว่า การเมืองภายในของไทยอาจเป็นตัวตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องกลับมาติดคุกหรือไม่ เพราะแม้อัยการและศาล เห็นว่าทักษิณมีความผิด แต่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีไทย และมีฐานะเป็นน้องเขย พ.ต.ท. ทักษิณ คงไม่ต้องการให้ พี่เขยติดคุก ท้ายสุด โดบี้ ระบุว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเมืองไทย ไม่ว่าจะถูกจำคุกหรือไม่ ก็จะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับหลายสิ่ง เกินกว่าทั้งกลุ่มที่สนับสนุนหรือคัดค้านตัวเขาต้องการ อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงมีอิทธิพลต่อการเมืองไทย ไม่ว่ายังอยู่ในอังกฤษหรือไม่ เนื่องจากทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐของเขา ยังคงถูกอายัดโดยคำสั่งศาล


 


 


อดีตสหายพื้นที่ 3 จังหวัดจัดงานที่"ภูหินร่องกล้า"


คมชัดลึก - กลุ่มเพื่อน 3 จังหวัด "พิษณุโลก-เพชรบูรณ์-เลย" ที่เป็นอดีตกลุ่มร่วมพัฒนาชาติไทย จัดงาน"ร้อยดวงจิตคิดถึงเพื่อน "ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต 300 คน ในสมรภูมิสงครามประชาชนเมื่อ 35 ปีก่อน ทั้งสมรภูมิภูหินร่องกล้า และเขาค้อ พร้อมระดมทุนสร้างวิหารดอกบัวบาน ในสำนักสงฆ์สามแสงธรรม



    


เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 25 ตุลาคม ที่สำนักสงฆ์สามแสงธรรม หมู่ที่ 17 ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก นายณัฐสวรรษ กลึงไกร กรรมการกลุ่มเพื่อน 3 จังหวัด พร้อมอดีตกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จำนวน 480 คน ได้ร่วมทำบุญถวายสังฆทาน ทำบุญกระดูก เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่ดวงวิญญาณของผู้ที่จากไปจากการสู้รบสงครามประชาชนสมรภูมิภูหินร่องกล้า เขาค้อ ครบรอบ 35 ปี โดยร่วมทำบุญได้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นกองทุนในการก่อสร้างวิหารดอกบัวบาน ในสำนักสงฆ์สามแสงธรรมต่อไป



    


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการพบปะกันของกลุ่มอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเป็นไปด้วยความอบอุ่น หลายคนจับมือ ยกมือไหว้กัน บางรายถึงกับกอดกันด้วยความดีใจ และหลายคนได้นำครอบครัวมาร่วมทำบุญด้วย โดยพากันเดินชมอาคาร 5 อาคาร ที่อดีตกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และกลุ่มเพื่อน 3 จังหวัด ได้ระดมกันจัดสร้างขึ้นที่สำนักสงฆ์สามแสงธรรมตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา



    


ประกอบด้วย อาคารหอสันติภาพที่มีความสูง 10 เมตร มูลค่าก่อสร้าง 1 ล้านบาท อาคารกุฏิทรงเต่า ที่ใช้ทุนก่อสร้าง 5.7 แสนบาท ห้องน้ำรูปนกคุ้ม ที่ใช้ทุนก่อสร้าง 2 แสนบาท เมรุทรงหน่อไม้ที่ใช้ทุนก่อสร้าง 3.9 แสนบาท ศาลาธรรมสังเวชทรงหน่อไม้ ที่ใช้ทุนก่อสร้าง 4 แสนบาท และหอบอกเล่าเรื่องราว ที่ใช้ทุนก่อสร้าง 5 แสนบาท โดยทุกอาคารกลุ่มเพื่อน 3 จังหวัด ได้ออกแบบและก่อสร้างให้มีรูปร่างแปลกตา นักท่องเที่ยวที่สัญจรขึ้นไปบนภูหินร่องกล้าต่างแวะเยี่ยมชมกันตลอด นอกจากนี้ กลุ่มเพื่อน 3 จังหวัด ยังนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ มาตรวจรักษาโรค สุขภาพ บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทยด้วย



    


นายภาณุวัตร หรืออดีตสหายยิ่ง สมาชิกกลุ่มเพื่อน 3 จังหวัด เปิดเผยว่า กลุ่มเพื่อน 3 จังหวัดที่รวมกลุ่มกันประกอบด้วยอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย รวมทั้งมีสมาชิกจากจังหวัดตากและกรุงเทพมหานครฯ ในทุกปี จะจัดงานรำลึกถึงผู้เสียชีวิต และทำบุญอุทิศส่วนกุศล รวมตัวกันที่สำนักสงฆ์สามแสงธรรม ในปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานค่อนข้างมาก มีการทำบุญตักบาตรตั้งแต่ช่วงเช้า เลี้ยงเพลพระ และช่วงค่ำของวันเดียวกันจะยกพลกันขึ้นไปบนอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าจัดงาน"ร้อยดวงจิตคิดถึงเพื่อน" เมื่อ 30 ปีก่อน พวกเราสูญเสียเพื่อนไปกว่า 300 คน จากการสู้รบสงครามประชาชน 35 ปี ในหลายสมรภูมิ อาทิ ภูหินร่องกล้า เขาค้อ



    


แกนนำกลุ่มเพื่อน 3 จังหวัด ได้ฝากบอกถึงกลุ่มคนเดือนตุลาและอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ว่า หากยังมีชีวิตอยู่ และไม่เคยมาร่วมกิจกรรม ก็ขอเชิญชวนมาร่วมงานในปีต่อ ๆ ไป หากจะร่วมบริจาคเงิน เพื่อก่อสร้างวิหารดอกบัวบาน สามารถบริจาคได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาคลองตัน ชื่อบัญชี คุณเพ็ญศรี พลพิพัฒน์พงศ์ เลขที่ 0282684036 หรือ โทรศัพท์หมายเลข 02-9496875



    


นายภาณุวัตร แกนนำคนสำคัญที่ประงานงานก่อสร้างอาคารรูปทรงแปลกตาที่สำนักสงฆ์สามแสงธรรม อ . นครไทย จ . พิษณุโลก กล่าวว่า อาคารแต่ละแห่ง ที่ออกแบบและก่อสร้าง ได้สื่อความหมายของทั้งอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต ของกลุ่มคนที่เคยหลบหนีเข้าป่ามาด้วยกัน ด้วยเหตุขัดแย้งทางความคิด ทางการเมืองเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา



    


เช่น เมรุทรงหน่อไม้ และศาลาธรรมสังเวชทรงหน่อไม้ ได้นำกระเบื้องที่แตกหักนำมาทาบรอบตัวอาคาร เป็นสัญลักษณ์ว่า กลุ่มผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ที่ต้องแยกย้ายกันไปทำมาหากิน และกลับมารวมตัวกันใหม่ ส่วนหอสันติภาพที่สร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่มีตัวนกพิราบ เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่า จนถึงขณะนี้ ประเทศไทยก็ยังไม่มีสันติภาพเกิดขึ้น


 


 


'ปชป.' เตรียมยื่น 'ป.ป.ช.' ดำเนินคดี อสส.ยกฟ้องคดีซุกหุ้นเอสซีฯ


นายกรณ์ จาติกวาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเงา และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำวินิจฉัยไม่ฟ้องในคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซีเอสแซท เป็นการวินิจฉัยที่บิดเบือนข้อเท็จจริงซึ่งจะปล่อยวางไม่ได้เพราะขณะนี้มีกระบวนการที่ฝักไฝ่และปกป้องอดีตนายกเพื่อทำการสะกัดกั้นการรวบรวมเอกสารและข้อมูลเข้าสู่ชั้นการดำเนินคดีและมีการปกป้องเป็นพิเศษในคดีที่ไปกระทบกับขุมทรัพย์ของอดีนายก ดังนั้นคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุดจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยในวันอังคารที่ 28 ต.ค.นี้จะส่งเรื่องให้ ปปช ดำเนินการตรวจสอบสำนักงานอัยการสูงสุดในข้อหาปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งในวันที่ 27 ต.ค.นี้ จะยื่นเรื่องต่อ กรรมการ กลต.ให้ออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจน เพราะเป็นผู้รับผิดชอบใน พรบ.หลักทรัพย์ ต้องออกมาหักล้างคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด หาก กลต.ยังไม่ให้ความชัดเจนก็จะยื่นฟ้องต่อ ปปช.ให้ดำเนินการต่อไป


    


นายกรณ์ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ จะยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการตรวจสอบทางด้านจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 279 กรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาสำนักงาน กลต. ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช เพราะก่อนหน้านี้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีคำวินิจฉัยออกมาแล้วว่าการตั้งคณะกรรมการสรรหาบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทยว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งในวันที่ 27 ต.ค.นี้ได้นัดพูดคุยแลกเปลี่ยนกับนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายก ซึ่งจะถือโอกาสนี้ยื่นทวงถามด้วยว่าจะดำเนินการให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อไหร่


    


นายกรณ์ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า การที่เราออกมาดำเนินการในเรื่องเหล่านี้ก็เพื่อปกป้องระบบเศรษกิจเพราะมีกระบวนการที่พยายามจะล้มคดีเอสซีแอสเซทเพื่อปกป้องอดีตผู้นำ ที่สำคัญการที่ต้องมีการครอบงำ กลต.ก็เพราะหน่วยงานนี้มีอำนาจในการตีความ พรบ.หลักทรัพย์ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะชี้ให้เห็นว่าขุมทรัพย์ของอดีตผู้นำจะต้องถูกอายัดไว้หรือไม่ ดังนั้นจึงต้องกุมอำนาจตั้งแต่ต้นจนถึงปลายซึ่งตนมั่นใจว่าความยุติธรรมจะปรากฏและมั่นใจว่า ปปช.จะรับคดีไว้พิจารณา "ผมรู้ทางคนพวกนี้ดี เพราะติดตามคดีนี้มาตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งคนที่พยายามปกป้องอดีตนายกก็ต้องพยายามหักล้างข้อกฎหมายตาม พรบ.หลักทรัพย์เพื่อไม่ให้สาวไปถึงหลักฐานการซุกหุ้นที่ กลต.ไทยได้รับเอกสารมาจาก กลต.สิงคโปร์แล้วซึ่งถือเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่จะนำมาใช้ได้ก็ต่อเมื่อต้องกระทำความผิดตาม พรบ.หลักทรัพย์ ดังนั้น เมื่อตัดกระบวนการตรงนี้ได้ ก็จะไม่สามารถนำไปสู่ความผิดตาม พรบ.อื่นได้"


 


 


เศรษฐกิจ


หุ้นโลกดิ่งลูกเดียว-โอเปกลดผลิตน้ำมัน


ข่าวสด- เมื่อ 24 ต.ค. เอพีรายงานว่า ผู้นำชาติเอเชีย-ยุโรป เปิดการหารือถึงภาวะวิกฤตการเงินและวิธีรับมือและป้องกันปัญหาซ้ำรอยในการประชุมสุดยอดอาเซมครั้งที่ 7 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ขณะที่สถานการณ์ซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงระนาวจากความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกถดถอยจะทำให้ผลประกอบการของธุรกิจต่างๆ หดตัว



    


ตลาดหุ้นสำคัญๆ ของประเทศในเอเชียและยุโรป ปิดตลาดวันสุดท้ายของสัปดาห์ติดลบกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นของญี่ปุ่นที่ปิดต่ำกว่าระดับ 8,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี เกาหลีใต้ร่วงอย่างหนักติดต่อกันเป็นวันที่ 2 อีกทั้งยังปิดต่ำกว่าระดับ 1,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี ส่วนตลาดหุ้นวอลล์สตรีตในสหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งลงทันทีที่เป?ดตลาดจนนักลงทุนตื่นตระหนก



    


สถานการณ์วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้น ยังทำให้ไอซ์แลนด์เป็นประเทศแรกของยุโรปที่ขอกู้เงินกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ในรอบ 32 ปี โดยขอกู้ 2,000 ล้านดอลลาร์



    


วันเดียวกัน ที่ประชุมฉุกเฉินกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ โอเปก ตัดสินใจลดกำลังการผลิตน้ำมันลงวันละ 1.5 ล้านบาร์เรล นับจากวันที่ 1 พ.ย.นี้ หลังราคาน้ำมันที่ดิ่งลงไปถึงร้อยละ 50 เหลือต่ำกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากที่เคยพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 147 ดอลลาร์เมื่อเดือนก.ค. เนื่องจากวิตกว่า ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง



    


 


ต่างประเทศ


"อาเซม"ดันนโยบายปฏิรูปการเงิน-คลังรับมือวิกฤติศก.โลก


กรุงเทพธุรกิจ - การประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป ปิดฉากอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความสำเร็จในความร่วมมือของ 2 ภูมิภาค โดยเฉพาะการรับมือกับปัญหาวิกฤติการเงินโลก ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งการพัฒนาสังคมให้ยั่งยืน พร้อมหนุนไอเอ็มเอฟเป็นผู้นำกอบกู้สถานการณ์



    


นายเวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีจีน ในฐานะเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ครั้งที่ 7 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กล่าวในพิธีปิดการประชุมอย่างเป็นทางการวานนี้ (25 ต.ค.) ว่า การประชุมครั้งนี้เสร็จสิ้นลงท่ามกลางความสำเร็จในความร่วมมือของ 2 ภูมิภาค โดยเฉพาะการรับมือกับปัญหาวิกฤติการเงินโลก และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม



    


นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า ผู้นำอาเซมรับรองร่างเอกสารผลการประชุม 3 ฉบับ และถ้อยแถลงสถานการณ์การเงินระหว่างประเทศ ซึ่งที่ประชุมหารือกันเกี่ยวกับวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบที่จะมีต่อความมั่นคงทางการเงินและการพัฒนาเศรษฐกิจในเอเชีย-ยุโรป พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายดำเนินมาตรการอย่างหนักแน่น มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้นำที่เข้าร่วมประชุมต่างมั่นใจว่าจะสามารถฝ่าฟันวิกฤติไปได้



    


แถลงการณ์ของอาเซมเน้นให้ใช้มาตรการเฉียบขาดทันสถานการณ์ ตระหนักถึงกระบวนการตรวจสอบและรับผิดชอบ รวมทั้งเห็นพ้องเพิ่มความเข้มแข็งในการกำกับดูแลระบบเงินตรา การเงิน การคลัง ให้มีความโปร่งใส ประกาศปฏิรูประบบการเงินและการคลังระหว่างประเทศแบบเบ็ดเสร็จ พร้อมร่วมมือกันในกรอบอาเซม บริหารภาคการเงิน ป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน เพื่อความเจริญทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและมั่นคง



    


ผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ได้หารือเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินโลก รวมทั้งแนวโน้มในการพัฒนาของเรื่องดังกล่าว ซึ่งมีการแสดงความกังวลถึงการขยายผลกระทบของวิกฤติการเงินระหว่างประเทศต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงทางการเงินและการพัฒนาเศรษฐกิจในเอเชียและยุโรป



    


เหล่าผู้นำอาเซมเชื่อว่า หน่วยงานหลักของทุกประเทศควรแสดงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะใช้มาตรการที่หนักแน่น เฉียบขาด มีประสิทธิภาพ ด้วยความรับผิดชอบและทันกาล เพื่อรับมือกับความท้าทายจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน ซึ่งมั่นใจว่าประเทศสมาชิกจะสามารถฝ่าฟันวิกฤติไปได้ด้วยการประสานความร่วมมือ



    


ที่ประชุมมีความยินดีที่ประเทศและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับวิกฤติการเงินครั้งนี้ มีมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจว่าระบบการเงินและเศรษฐกิจที่แท้จริงจะดำเนินไปอย่างราบรื่น จึงเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมมือและประสานงานอย่างแข็งขันและต่อเนื่อง รวมทั้งกำหนดมาตรการทางเศรษฐกิจและการเงินที่มีประสิทธิภาพ เพื่อฟื้นฟูความมั่นใจของตลาด สร้างเสถียรภาพในตลาดการเงินโลก และส่งเสริมความเติบโตของเศรษฐกิจโลก



    


ขณะเดียวกัน ที่ประชุมเห็นพ้องว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ควรมีบทบาทนำในการให้ความช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากวิกฤตการณ์ทางการเงิน หากได้รับคำร้องขอจากประเทศนั้นๆ



    


ปัจจัยหลักในการแก้ไขปัญหาวิกฤติทางการเงิน คือการรักษาความสมดุลระหว่างนวัตกรรมทางการเงิน กับการออกกฎควบคุมทางการเงินเพื่อรักษานโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่มั่นคง ซึ่งผู้นำที่เข้าร่วมประชุมตระหนักถึงความจำเป็นที่จะพัฒนาการดูแลและควบคุมผู้ที่มีบทบาททางด้านการเงิน โดยเฉพาะกระบวนการตรวจสอบและความรับผิดชอบ



    


ที่ประชุมเรียกร้องให้ทุกประเทศดำเนินนโยบายระบบเงินตรา การเงิน การคลังที่ดี และมีความรับผิดชอบ เพิ่มความโปร่งใส การมีส่วนร่วม เพิ่มความเข้มแข็งในการกำกับดูแลและตรวจสอบ รวมทั้งพัฒนากลไกสำหรับการจัดการวิกฤติ เพื่อคงไว้ซึ่งการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของตลาดการเงิน โดยเห็นพ้องว่าควรมีมาตรการที่จำเป็นและทันเวลา เพื่อดำรงเสถียรภาพของระบบการเงิน



    


พร้อมกันนี้ ผู้นำอาเซมประกาศว่าจะดำเนินการปฏิรูประบบการเงินและการคลังระหว่างประเทศแบบเบ็ดเสร็จ และตกลงที่จะมีข้อริเริ่มที่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว โดยหารือกับผู้มีส่วนได้เสียและสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ไอเอ็มเอฟและสถาบันการเงินระหว่างประเทศอื่นๆ ควรร่วมกันแสดงบทบาทในระบบการเงินระหว่างประเทศ เพื่อช่วยให้สถานการณ์ทางการเงินระหว่างประเทศมีเสถียรภาพ



    


ที่ประชุมแสดงการสนับสนุนการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 20 ชาติ (จี-20) ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐ ในวันที่ 15 พ.ย.นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ปัจจุบัน หลักการในการปฏิรูประบบการเงินระหว่างประเทศ เสถียรภาพระยะยาว และพัฒนาการของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งตกลงที่จะใช้กลไกความร่วมมือในกรอบอาเซมและกรอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูล นโยบาย และความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในการแนะนำ การบริหารจัดการ ในภาคการเงิน และตรวจสอบ ป้องกันและตอบสนองความเสี่ยงทางการเงิน เพื่อความเจริญทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องยั่งยืนและมั่นคง



    


นายทาโร อาโซะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นพร้อมร่วมมือกับไอเอ็มเอฟ ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศกำลังพัฒนา ขณะที่นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้ใช้มาตรการเร่งด่วนในการปกป้องคนยากจนในประเทศกำลังพัฒนา โดยระบุว่า ธนาคารกลางประเทศต่างๆ และไอเอ็มเอฟ อาจจำเป็นต้องตั้งกองทุนสินเชื่อขนาดใหญ่ไว้ช่วยประเทศยากจน ในยามเผชิญภาวะฉุกเฉิน



    


นายเวิน กล่าวหลังการประชุมเสร็จสิ้นว่า วิกฤติการเงินโลกครั้งนี้นับเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทุกฝ่ายจะต้องตระหนักว่า นวัตกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นมาจะต้องสอดคล้องกับกฎระเบียบทางการเงินอย่างเคร่งครัด และถึงแม้นวัตกรรมทางการเงินเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่จำเป็นและสำคัญไม่แพ้กันก็คือ กฎระเบียบทางการเงินที่จะต้องนำมาใช้อย่างเข้มงวด เพื่อประกันความปลอดภัยในระบบการเงินมิให้ล่มสลาย หรือเกิดภาวะวิกฤติขึ้นมาอีก


 


 


ชาวไต้หวันเกือบ5แสนคน ประท้วงผู้แทนจีน


มติชน - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้(25 ต.ค.) ว่า กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านไต้หวันเกือบ 500,000 คน เดินขบวนในนครไทเป เพื่อประท้วงการเยือนของนายเฉิน หยุนหลิน ประธานสมาคมความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบไต้หวันของจีนที่จะมีขึ้นในต้นเดือนหน้า


 


การประท้วงครั้งนี้จัดขึ้นโดยพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าของอดีตประธานาธิบดีเฉิน สุย -เปี่ยน กลุ่มผู้ประท้วงส่วนใหญ่ซึ่งมีอดีตประธานาธิบดีเฉินรวมอยู่ด้วยต่างสวมเสื้อพิมพ์คำขวัญปกป้องไต้หวัน พร้อมกับกล่าวหาว่าประธานาธิบดีหม่า หยิง-เจียว อ่อนข้อให้แก่จีนมากเกินไป รวมทั้งผ่อนปรนกฎระเบียบทางการค้า และการลงทุนกับจีนเร็วเกินไป โดยไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของไต้หวัน


 


ขณะเดียวกัน ทางการไต้หวันแถลงว่า การเจรจากับประธานสมาคมความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบไต้หวันของจีนจะจำกัดเฉพาะประเด็นด้านเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงเรื่องการขนส่งสินค้าทางอากาศโดยตรงระหว่างสองฝ่ายและการขยายเที่ยวบินที่มีเฉพาะสุดสัปดาห์ให้เป็นประจำทุกวัน


 


 


รัสเซียโวยมะกันทำผิดกฎ


กรุงเทพธุรกิจ - นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหารัฐบาลสหรัฐว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และบ่อนทำลายความร่วมมือในโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ระหว่าง 6 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย อังกฤษ สหรัฐ จีน ฝรั่งเศส และเยอรมนี หลังจากสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรบริษัทจากจีนและรัสเซีย ด้วยข้อกล่าวหาจำหน่ายเทคโนโลยีที่อาจช่วยให้อิหร่าน เกาหลีเหนือ และซีเรีย สามารถพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูงและระบบขีปนาวุธ นายลาฟรอฟ ระบุว่า รัสเซียจะตอบโต้ด้วยการพิจารณาความสัมพันธ์ด้านการค้าและเศรษฐกิจกับสหรัฐ แต่ยืนยันว่า จะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายความร่วมมือที่มีต่ออิหร่าน


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net