Skip to main content
sharethis

ส่งสำนวนฟ้อง 9 แกนนำพันธมิตรฯ


ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 5 พ.ย.51 เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.ภูเบศ เส้นขาว รอง ผกก. สน.นางเลิ้ง พร้อมคณะ เข้าพบนายจำรัส อัตถสุริยานันท์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เพื่อส่งมองสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานจำนวน 6 แฟ้ม 4 ลัง พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตรฯ ผู้ต้องหาที่ 1-9 รวม 3 ข้อหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินตามประมวลกฎหมายอาญา 116 วางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี


 


มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ เป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก มาตรา  215 และ 216 วางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



 


ยื่นประกันหัวละ 100,000 บาท


โดยวันนี้ พล.ต.จำลอง กับพวกรวม 9 คน เดินทางมารายงานตัวต่ออัยการพร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ขณะที่นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา , นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และนายสาย อังกะเวคิน ส.ว.ระยอง เดินทางมาเพื่อใช้ตำแหน่ง ส.ว. ประกันตัว นายสนธิ , นายพิภพ , นายสมศักดิ์ ,  นายสมเกียรติ แกนนำพันธมิตร ฯ  นายสุริยะใส  ผู้ประสานงานพันธมิตร ฯ , นายอมร และนายเทิดภูมิ แนวร่วมพันธมิตร ฯ โดยอัยการพิจารณาแล้วอนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ประกันตัวคนละ 100,000 บาท ส่วน พล.ต.จำลอง และนายไชยวัฒน์ ได้ใช้ตำแหน่ง ส.ว.สรรหา ของนายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ขอประกันตัวซึ่งอัยการอนุญาตตีราคาประกัน 100,000 บาทเช่นเดียวกัน



 


ทนายพันธมิตรฯแก้ต่าง ตร.กลั่นแกล้ง


ส่วนนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ ในการสั่งคดี ซึ่งมีเนื้อหาสรุปว่า การที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งเก้าเล็งเห็นได้ถึงเจตนาที่จะกลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญาซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่าพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวนโดยมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องในทุกข้อหาโดยเร่งรัด ไม่ให้โอกาสอย่างเพียงพอในการต่อสู้คดีทั้งที่ผู้ต้องหาทั้งเก้าเพิ่งได้ยื่นคำให้การเมื่อวันที่ 30 ต.ค.51และยังได้แสดงความประสงค์ที่จะให้การเพิ่มเติมอีก ขณะที่เกณฑ์การวินิจฉัยมูลความผิดในการสั่งฟ้องของพนักงานสอบสวน ก็จะต้องมีเหตุผลสมควรเพียงพอที่จะนำผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาเพื่อให้ศาลวินิจฉัยในชั้นสุดท้ายว่าผู้ต้องหากระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่อันเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ฯ พ.ศ.2550 มาตรา 39 และ 40 แต่การใช้ดุลยพินิจสั่งคดีของพนักงานสอบสวนเป็นไปตามอำเภอใจนอกขอบเขตความชอบด้วยกฎหมายที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงกับผู้ต้องหาทั้งเก้าโดยไม่ได้รับการเยียวยาตามกฎหมาย ดังนั้นผู้ต้องหาทั้งเก้า จึงจะขอนำเสนอพยานบุคคล พยานเอกสาร เพื่อประกอบการพิจารณาสั่งคดีของอัยการเพิ่มเติมที่จะรวบรวมเสนอรายละเอียดให้อัยการภายใน 30 วันนับแต่วันนี้ และหากอัยการต้องการจะตรวจสอบปากคำของผู้ต้องหาทั้งเก้า ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ



 


นายนิติธร กล่าวว่า การตั้งข้อหาดังกล่าว เป็นไปเพื่อให้สอดรับกับการตั้งข้อหากบฎในการออกหมายจับที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่อให้เห็นว่ามีความพยายามที่จะใช้กระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้งให้แกนนำพันธมิตร ฯ ต้องได้รับโทษทางอาญา ทั้งนี้อัยการได้รับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไว้เพื่อพิจารณาและนัดสั่งคดีในวันที่ 18 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น.



 


วิปรัฐล่าชื่อชงแก้ไข รธน. ตั้ง ส.ส.ร.3


ส่วนที่รัฐสภา นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครอยุธยา พรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานวิปรัฐบาลให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมวิปรัฐบาลว่าขณะนี้ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ได้มีสมาชิกรัฐสภาเซ็นซื่อรับรองเรียบร้อยแล้ว และจะยื่นญัตติหลังงานพระราชพิธีเพลิงพระศพพระพี่นางฯ โดยวิปรัฐบาล มีความพร้อมที่จะยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อตั้งส.ส.ร.3 แล้ว แนวโน้มคาดว่าจะยื่นญัตติในวันที่ 19 หรือ 20 พ.ย.นี้ เพราะถ้ายื่นในสัปดาห์หน้า หากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นจะเป็นการมิบังควร



 


เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นทำให้การความขัดแย้ง โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯจะปิดล้อมสภา นายวิทยาตอบว่า ถ้ามา ก็ไม่กลัว เพราะฝ่ายรัฐสภามีอำนาจพิจารณากฎหมาย ทั้งนี้จะนำกำหนดเวลาดังกล่าวไปหารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองในช่วงค่ำวันที่ 5 พ.ย.นี้



 


เมื่อถามว่าที่ประชุมได้พิจารณาถึงร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และอดีต 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ตามที่นาย ปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคพลังประชาชน กลุ่มเพื่อนเนวิน ระบุว่าจะเสนออย่างไร นายวิทยาตอบว่า ไม่มีการหารือ ขนาดนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่จะเดินทางไปประเทศจีนในช่วงเย็นวันนี้ ยังได้สอบถามก่อนที่จะเข้าร่วมประชุมสภาว่าใครเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้ามา ได้ชี้แจงไปว่าไม่มี และเราจะเอางานคนอื่นมาทำ ทำไม



 


ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีหารือ คือ การพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยร่างพ.ร.บ.เทศบาล ร่างพ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล ร่างพ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด และร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (แก้ไขวาระดำรงตำแหน่งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) จากเดิมที่ห้ามเป็น2วาระติดต่อกันโดยแก้ไขปลดล็อกไม่จำกัดเวลา



เมื่อถามว่าเอาใจท้องถิ่นเพื่อช่วยหาเสียงเลือกตั้ง นายวิทยาตอบว่า เรื่องนี้อาจจะมองอย่างนั้นก็ได้ว่าเอาใจท้องถิ่น



 


145 ส.ส. ยื่นถอดถอนรสนาพ้นส.ว.


ส่วนที่รัฐสภา กลุ่ม ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล นำโดย น.ส.อรุณี ชำนาญยา ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชาชน ได้ยื่นหนังสือต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ให้ถอดถอน น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ออกจากการเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 270 ,271 และ 274 เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ และจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง


 


ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา น.ส.รสนา มีเจตนาไม่เข้าร่วมประชุมรัฐสภาในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา แต่ภายหลังกลับเข้าไปป่วนในห้องประชุม ทั้งที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าประชุม และยังนำบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมประชุมด้วย ถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดขวางไม่ให้มีการประชุมรัฐสภา โดยนายประสพสุข กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้อง และนำเรื่องดังกล่าวแจ้งต่อที่ประชุมวุฒิสภา ในวันที่ 7 พ.ย.นี้


 


อย่างไรก็ตาม น.ส.อรุณี ให้สัมภาษณ์ว่า การยื่นถอดถอนครั้งนี้ไม่ใช่เป็นมติพรรคพลังประชาชน แต่เป็นเพียงความคิดส่วนหนึ่งของสมาชิกเท่านั้น และเป็นการรวบรวมรายชื่อของสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลจำนวน 145 คน ส่วนการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่กระบวนการของวุฒิสภาและป.ป.ช. ถ้าป.ป.ช.มีมติเกินกึ่งหนึ่งที่จะถอดถอน น.ส.รสนา ซึ่งจะทำให้น.ส.รสนา ยุติการปฎิบัติหน้าที่ จากนั้นก็จะอาจจะถูกดำเนินการฟ้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป


 


"รสนา" ระบุ ยื่นถอดถอนหัวงดิสเครดิต


ด้านน.ส.รสนา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อมีการยื่นมาแล้วก็ต้องดูตามข้อเท็จจริง ข้อกล่าวหาว่าพฤติกรรมของตนส่อไปในทางทุจริตหรือไม่ แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเหตุผลที่เข้าประชุมในวันนั้น เนื่องจากมีการสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง ประชาชนบาดเจ็บสาหัส สภาพการณ์แบบนี้ในแง่การแถลงนโยบายน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นที่ตนเข้าไปพูดให้นายกรัฐมนตรีรับฟัง เป็นหน้าที่ของผู้แทน เป็นปากเสียงให้ประชาชน คิดว่ารัฐบาลไม่มีสิทธิอันชอบธรรมในการสลายการชุมนุมจนทำให้ประชาชนล้มตาย ประเทศประชาธิปไตยรัฐบาลไม่มีสิทธิหรือมีอำนาจที่จะกระทำต่อประชาชนแบบนี้


         


การที่ส.ส.พรรคพลังประชาชน ยื่นถอดถอนตนโดยระบุว่า ตนเป็นตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรฯ หลังจากพูดในห้องประชุมแล้วก็ออกไป ขอชี้แจงว่าได้อยู่เกือบจะเป็นคนสุดท้าย ออกไปตอนเกือบ 6 โมงเย็นแล้ว หลังมีการสลายการชุมนุมช่วง 16.00 น. ดังนั้น ที่ระบุว่าเข้ามาเป็นตัวแทนกลุ่มพันธมิตรฯ และออกจากสภาโดยกลุ่มพันธมิตรฯให้ออกนั้น เป็นสิ่งไม่จริง


 


น.ส.รสนากล่าวด้วยว่าในแง่ที่จะใช้ ส.ส.จำนวน 1 ใน 4 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ที่ระบุถึงการประพฤติผิดรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขอชี้แจงว่า ที่ต้องเข้าไปพูดในวันนั้น มีส.ส.ชายของพรรคพลังประชาชนจำนวนมาก กรูกันเข้ามาชี้หน้าด่าตนด้วยความรุนแรง ผู้ติดตามที่อยู่ด้านนอกได้มองเห็นจากจอทีวี ด้วยความเป็นห่วง เพราะในสภาเคยมีคดีที่มีการชกต่อย และเตะกัน ทำให้ผู้ติดตามเข้ามาดูว่าตนจะถูกทำร้ายหรือไม่ ตนไม่ทราบ และไม่ได้วางแผนให้ผู้ติดตามเข้ามาแต่อย่างใด แต่สิ่งนี้ทางสภาฯไม่ยอมรับฟัง ไม่ว่าจะชี้แจงกี่ครั้งว่าไม่เคยเลยสักครั้งที่จะพาผู้ติดตามเข้าไป ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นทางการเมือง สิ่งที่ส.ส.พรรคพลังประชาชนพยายามทำคือ การทำลายความน่าเชื่อถือ หรือดิสเครดิตทางการเมืองเท่านั้น โดยใช้ ส.ส.หญิงของพรรคมารวบรวมรายชื่อ ซึ่งความจริงแล้วก็เป็นฝีมือของส.ส.ผู้ชาย คิดว่าการใช้หลักเกณฑ์ทางกฎหมายน่าจะใช้ด้วยความเป็นธรรม แต่ ส.ส.ที่ตะโกนว่าจะเตะ ส.ว. กลับไม่ได้รับการตักเตือน และไม่ได้รับการพิจารณาว่าจะลงโทษอย่างไร แต่กรณีของตนกลับใช้กฎหมาย หากเป็นพรรคพวกตนเองก็จะไม่ทำอะไร ทีกรณีส.ส.พรรคตัวเองเตะส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กรรมการที่ทางสภาตั้งขึ้นมาสอบสวนเห็นว่ามีการกระทำจริง แต่ก็บอกว่าเป็นเพียงความเห็น ไม่มีหลักเกณฑ์ในเรื่องจริยธรรมที่จะลงโทษได้


 


"ดิฉันบอกได้เลยว่า การยื่นถอดถอนไปถึงที่สุดแล้วไม่ได้หวังผลว่าจะไปถึงที่สุดแล้วจะมีการถอดถอนดิฉัน แต่สิ่งที่เขาต้องการคือ ทำให้เกิดเป็นข่าวขึ้นมาเท่านั้น คิดว่าสามารถต่อสู้ได้ แต่หากจะพูดถึงมาตรฐานจริยธรรมนั้น คิดว่าการที่รัฐบาลฝ่าเข้ามาในรัฐสภาโดยไม่ใช้วิธีการอย่างอื่น ทำให้ประชาชนล้มตายบาดเจ็บสาหัส กลับเป็นสิ่งที่ ส.ส.เหล่านี้ไม่ได้มีการตรวจสอบ"


 


มทภ.1 ปัดตอบ พธม. ยุทหาร "ยึดอำนาจ"


ด้านพล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุลแกนนำพันธมิตรฯประกาศให้กองทัพเข้ามายุติการใช้อำนาจรัฐบาล หลังปล่อยให้มีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า เรื่องนี้ต้องถาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ตนตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องระดับผู้บังคับบัญชา ทั้งนี้ พูดได้อย่างเดียวว่า ตนเป็นทหารอาชีพ ออกความเห็นไม่ได้



 


 


เรียบเรียงจาก : ผู้จัดการ แนวหน้า สยามรัฐ


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net