Skip to main content
sharethis

"สนธิ" ชี้ "โอบามา" ชนะสร้างกระแสความเปลี่ยนแปลงและความหวังทั่วโลก


เมื่อเวลาประมาณ 20.10 น. ของวันที่ 5 พ.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล กล่าวถึงผลการเลือกตั้งประธานนาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ นายบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครตชนะ นายจอห์น แมคเคน จากพรรครีพับริกันอย่างขาดลอยว่า ชัยชนะครั้งนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์ 2-3 อย่าง อย่างแรกคือสามารถสร้างประวัติศาสตร์คนผิวดำที่เคยเป็นทาสกลายมาเป็นผู้นำประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก


      


นายสนธิ กล่าวว่า ประวัตศาสตร์อีกด้านหนึ่งก็คือความตื่นตัวของประชาชนชาวอเมริกันที่ออกมาใช้สิทธิ์มากที่สุดถึง 131 ล้านคน และยังเอาชนะในรัฐสำคัญที่พรรครีพลับลิกันเคยยึดครองมาในอดีตทั้งหมด และที่สำคัญเป็นชัยชนะของสีฟ้าต่อสีแดง


      


นายสนธิ ได้โยงแนวนโยบายของโอบามากับพันธมิตรฯมีความคล้ายคลึงกัน และเปรียบเทียบแมคเคนที่หาเสียงโดยอาศัยทุนของบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ที่พร้อมใจกันสนับสนุนทั้งบริษัทนำมัน บริษัทยา และบริษัรถยนต์ เป็นต้น ขณะที่โอบามาได้รับยเงินบริจาคจากประชาชนคนละเล็กละน้อย ซึ่งก็เหมือนกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ


      


"โอบามาขายความหวัง ซึ่งเหมือนกับพวกเราที่มาด้วยความหวังเหมือนกัน" นายสนธิ ระบุและว่า ในการกล่าวสุนทรพจน์หลังได้รับการเลือกตั้ง นายโอบามาได้ขอบคุณทุกเสียงที่ลงคะแนนให้เขาและจะรับฟังคนที่ไม่ลงคะแนนให้ และย้ำว่าจะเป็นประธานาธิบดีของทุกคน ถ้าเปรียบเทียบกับนายกฯบางคนที่บอกว่าจังหวัดไหนไม่เลือกก็จะไม่ช่วยหรือให้รอไปก่อนซึ่งจะเห็นความแตกต่างด้านคุณภาพ


      


"เป็นครั้งแรกที่คนอเมริกันประกาศว่าจะไม่ทนอีกต่อไป เพราะแม้แต่คนที่ไม่เคยเลือกตั้งก็ยังต้องออกมาในครั้งนี้ เพราะไม่ต้องการให้ลูกน้องบุชได้สืบทอดอำนาจอีกต่อไป เหมือนกับไม่ต้องการให้ทักษิณ ได้สืบทอดอำนาจอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นสมัคร สุนทรเวช หรือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์" นายสนธิ ระบุ


      


แกนนำพันธมิตรฯผู้นี้ยังเปรียบเทียบในด้านจริยธรรมของการเมืองในประเทศสหรัฐว่า นักการเมืองประเทศนั้น วุฒิสมาชิกแค่มีกิ๊กก็ต้องถูกกดดันให้ลาออก แต่บางคนมีคลิปกลับไม่รู้สึกอะไร การเมืองของเขาประชาชนเข้าถึงข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการซื้อเสียง ไม่มีการข่มขู่ประชาชน และยังเชื่อว่ายุคของโอบามาแม้จะต้องทำงานหนักแต่จะเป็นยุคที่สหรัฐกลับมายิ่งใหญ่ด้วศักดิ์ศรีของพวกเขา ซึ่งเหมือนกับเราที่ต้องทำงานหนักต่อสู้เพื่อชาติ ราชบัลลังก์


      


นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตการได้รับชัยชนะของโอบามาส่วนหนึ่งเป็นเพราะในยุคของบุชได้ทำลายชนชั้นกลาง ซึ่งเหมือนกับพวกเราที่ต้องออกมาสู้ และว่า บุช เป็นประธานาธิบดีในปีเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเป็นการเชื่อมต่อของทุนสามานย์โลก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่มีทุนข้ามชาติแพร่ระบาดเข้ามาในไทยเพื่อทำลายชนชาติกลาง และก็เหมือนกันคือต้องเปลี่ยนแปลง ขณะที่ของเราบอกว่าต้องมีการเมืองใหม่


      


"โอบามากับพันธมิตรฯเหมือนกันคือต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง และมีความหวัง เราสู้เพื่อการเมืองใหม่ให้การเมือง ให้ประเทศมีความหวังและเชื่อว่าหลังจากนี้การเปลี่ยนแปลงในไทยจะเป็นประเทศแรก" นายสนธิระบุและชี้ให้เห็นว่าการยืนหยัดการชุมนุมของพันธมิตรฯมากว่า 5 เดือนได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มรากหญ้ามากขึ้นเรื่อยๆ


 


"พิภพ" เรียกร้องนักธุรกิจกล้าสร้างกระแสโลกต้านคอร์รัปชั่น 


ต่อมาเวลาประมาณ 20.55 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้เปรียบเทียบแนวทางการหาเสียงของ บารัค โอบามากับการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ที่ชูการเปลี่ยนแปลงและการเมืองใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะเดียวกันก็ได้เห็นชะตากรรมของ จอร์จ บุช กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องตกอำนาจ และถูกประชาชนขัดขวางไม่ให้สืบทอดอำนาจ


      


จากนั้นนายพิภพ กล่าวถึงเรื่องที่ นายเกษม จาติกวณิช หรือซุปเปอร์เค อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และอดีตผู้บริหารรัฐวิสหกิจชั้นนำอันโด่งดังในอดีต ที่ออกมาประกาศเลือกข้างพันธมิตรฯ และออกมาร่วมต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ซึ่งอยากเรียกร้องให้บรรดานักธุรกิจทั้งหลายได้แสดงออกแบบเดียวกันนี้บ้าง ประกาศตัวว่าไม่เอาระบอบทักษิณ และคอร์รัปชั่น


      


นายพิภพกล่าวว่า กระแสการเมืองไทยและสังคมไทยสอดรับกับการเมืองโลกมาตลอด ไม่ว่าจะเริ่มจากการเมืองที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เริ่มมาจากยุโรปและแพร่กระจายไปทั่วโลก อย่างไรก็ดีเมืองไทยพลังของสตรีจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง


      


นายพิภพ กล่าวว่า กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ดำเนินการเรื่อยมาเริ่มตั้งแต่การเมือง การศึกษา และล่าสุดกระแสของแพทย์ทางเลือกแบบตะวันออกที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ขณะเดียวกันกระแสการเมืองใหม่แบบประชาชนมีส่วนร่วมกำลังตื่นตัวและได้รับการยอมรับไปทั่ว


      


ในตอนท้าย นายพิภพ ได้เตือน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะต้องรีบเปลี่ยนแปลงใหม่ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นบุคคลที่ตกประวัติศาสตร์โลกในที่สุด


 


"จำลอง" ย้ำ ไม่เคยนอนคุกขออภัยโทษเป็นไปไม่ได้ 


ส่วน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีปราศรัยโดยเผยถึงสาเหตุที่ไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันนี้ ว่า เพราะตำรวจสั่งฟ้องทางแกนนำ จึงได้ไปเห็นตำรวจหอบเอกสารกว่า 10 ลัง ที่เตรียมไว้ฟ้อง แต่ตำรวจทำตามที่เจ้านายสั่งคงไม่มีอะไรมาก และมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ขอถ่ายรูป แสดงว่า เขาคงเป็นแฟนของ astv พี่น้องอย่าไปโกรธใคร ที่ไม่มาร่วมชุมนุมกับเรา เป็นเพราะเขาไม่ได้ข่าวสารเหมือนพวกเรา จึงไม่ได้มาร่วมชุมนุมด้วย ต้องใช้ความเข้าใจ และการชุมนุมวันนี้เป็นวันที่ 165 แล้ว สาเหตุที่คนชุมนุมมากขึ้นเพราะเราช่วยกันอดทนชุมนุมขับไล่รัฐบาล และข้อดีก็คือ มีคนรู้ข่าวสารมากขึ้นตรงกับการขายความจริงออกมาให้มากที่สุด


      


พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ส่วนข้อหาที่ตำรวจกล่าวหาพันธมิตรฯนั้น ได้อ่านเอกสารจากทนายพันธมิตรฯ และได้รู้ว่าที่ทางตำรวจอ้างและฟ้องนั้นเลื่อนลอย อย่างข้อแรก ที่กล่าวหาว่าเป็นกบฏนั้นเลื่อนลอย เพราะว่าศาลได้ยกฟ้องเรื่องนี้ไปแล้ว เลยต้องการเอาข้อแรกมาอ้างเพื่อที่จะโยงไปติดในข้อหาอื่นๆ ด้วย


       


พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ที่พันธมิตรฯมาร่วมชุมนุมเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาของประเทศ เราได้คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างมาตรา 309 ถ้ารัฐบาลเเก้ข้อนี้ องค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบความผิดก็จะหมดความหมาย และองค์กรพวกนั้นก็ไม่ได้มาขอร้องเรา แต่เราเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องที่ถูกต้อง


      


พล.ต.จำลอง กล่าวถึงการที่จะมีการขอพระราชทานอภัยโทษ และการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรม ว่า เรื่องแรกก็มีปัญหามากแล้ว เพราะไม่เคยมีผู้ที่ถูกลงโทษทุจริตแล้วขอพระราชทานอภัยโทษ ถ้าเกิดมีที่คุกลาดยาวนักโทษคงจะดีใจกันใหญ่ กรณีนี้ต้องถูกทำโทษก่อนถึงจะขอพระราชทานนี้เป็นอีกเรื่อง เพราะการติดคุกไม่ใช่แค่วันสองวัน เรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษจึงเป็นไปไม่ได้ และเรื่องการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมก็เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ คนพวกนั้นมีการไปเตี๊ยมกับชาวบ้านว่าชาวบ้านเรียกร้องให้เสนอกฏหมายนิรโทษ โดยช่องทางการเข้าชื่อ 1 หมื่นชื่อแล้วเสนอกฎหมายเข้าสภา สภาทั้งสภามีแต่เสียงส่วนใหญ่ของรัฐบาลฝ่ายเดียว อย่างนี้บ้านเมืองจะอยู่ต่อไปได้หรือ


      


"สมมติว่า ไม่มีใครค้าน ถ้าเราค้านไม่สำเร็จ ก็เป็นเเบบอย่างที่ไม่ดี โกงเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร ทำผิดแล้วออกกฎหมายมันก็ง่ายเลยใช่ไหม ที่เขาติดอยู่ทุกวันนี้ เพราะพันธมิตรฯเป็นก้างขวางคออยู่ เพราะถ้าเราไม่ทนอยู่อย่างนี้ เขาก็ทำอะไรตามใจ เราจงภูมิใจที่อดทนชุมนุมขับไล่รัฐบาลอยู่ เราทำเพื่อชาติแม้จะลำบากตรากตรำก็ตาม" พล.ต.จำลอง กล่าว


       


พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า วันนี้มีผู้ใหญ่ในสังคมอย่าง คุณเกษม จาติกวณิช อดีตแกนนำกลุ่มดุสิต 99 ท่านก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ซึ่งตอนนี้ได้ออกมาบอกว่า เลือกข้างพันธมิตรฯแน่นอน ตกลงที่เราชุมนุมมาเราคิดถูกแล้ว ท่านที่ทราบข่าวสารมากขึ้น จะมาร่วมชุมนุมมากขึ้น และให้กำลังใจต่อกันอีกในการขับไล่รัฐบาล


 


"สมเกียรติ" แฉรัฐอุ้มคดีล่วงละเมิดทางเพศ


นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำ โดยกล่าวถึงกรณีที่วงดนตรีสุนทราภรณ์ ซึ่งไปขึ้นเวทีของกลุ่ม นปก.ที่สนามกีฬาราชมังคลา เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า มูลนิธิสุทราภรณ์ ได้ออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า วงดนตรีสุนทราภรณ์ ไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือเข้าร่วมการแสดงใดๆ ตามที่ นปก.กล่าวอ้าง


      


นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการวุฒิสภา เนื่องจากเจ้าหน้าที่การบินไทยคนหนึ่ง ถูกผู้อำนวยการคนหนึ่งลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศ ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2549 และยังไม่มีการสอบสวนแต่อย่างใด ส่วนบุคคลดังกล่าวมีชื่อย่อว่า นาย "ส." เป็นน้องชายของคุณหญิง "ท." เป็นภรรยาของ "พลเอก ม." ซึ่งเป็นคนที่พาคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี โดย "พลเอก ม." คนดังกล่าว แสดงตนเป็นลูกป๋า แต่มอบชีวิตให้กับระบอบทักษิณ


      


"บริษัทการบินไทย ยังพยายามที่จะเอา นาย ส. คนที่คุกคามทางเพศ ไปนั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทการบินไทย นอกจากนี้ นาย ส. ยังมีเรื่องพัวพันการทุจริต ซึ่งขณะนี้มีบางเรื่องถูกส่งไปให้ ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว จึงมีคำถามไปถึงนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม ว่า จะให้นาย ส. ไปนั่งในตำแหน่งดังกล่าวจริงหรือไม่ เพราะจะมีการประชุมสรรหาในวันที่ 6 พ.ย.นี้ ทั้งนี้มีข่าวของนายใหญ่ สั่งมาว่า ถ้าไม่ตั้งนาย ส. ให้ไปนั่งในตำแหน่งดังกล่าวภายในเดือน ธ.ค.นี้ ก็จะไม่ต่ออายุให้กับคณะกรรมการการบินไทย เป็นเหตุผลให้คณะกรรมาธิการวุฒิสภา จึงส่งหนังสือขอทราบผลการร้องเรียนคุกคามทางเพศไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2551 ก่อนที่พันธมิตรฯ จะบุกไป ฉะนั้นเราจึงต้องให้กำลังใจกับสตรีที่ถูกคุกคามทางเพศ"นายสมเกียรติ กล่าว


      


ชูคนใต้เยี่ยม รวมตัวประท้วงราคาปาล์ม


แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ภาคอีสานซึ่งมีพืชเศรษฐกิจหลักๆ คือ มันสำปะหลัง และอ้อย ขณะนี้ราคาตกต่ำลงอย่างมาก แต่พี่น้องชาวอีสานบอกว่า ไม่มีปัญหา เพราะได้ใส่เสื้อแดงแล้ว ส่วนพี่น้องชาวเหนือที่มีปัญหาเรื่องราคาข้าวโพดตกต่ำก็บอกว่าไม่เป็นไร ขอให้ได้ใส่เสื้อแดงก็เพียงพอแล้ว ขณะที่พี่น้องชาวใต้ที่ทำสวนปาล์ม รวมตัวกันประท้วง และกดดันรัฐบาลเรื่องราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำ จนขณะนี้ราคารับซื้อดีขึ้น ถือว่าพี่น้องชาวใต้ยอดเยี่ยมมาก และความสำเร็จครั้งนี้ เกิดจากพี่น้องชาวสวนปาล์ม และนักการเมืองท้องถิ่นที่ช่วยกันแก้ไขปัญหา ส่วนพี่น้องภาคอีสาน ที่ปลูกมันสำปะหลัง และข้าวโพด คงต้องรอไปจนกว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น จึงค่อยร้องเรียนเรื่องราคาพืชผลตกต่ำ


 


โหน "โอบามา" ปีนี้เราต้องการเปลี่ยนแปลง     


"โอบามา บอกว่า ปีนี้เราต้องการการเปลี่ยนแปลง และยังบอกว่า เรามีโอกาสที่จะให้ทิศทางใหม่กับประเทศของเรา โดยเราสามารถทดแทนการเมืองที่แบ่งแยกทำลายด้วยการเมืองใหม่ของการมีส่วนร่วม และการมีความหวัง นี่คือประโยคสำคัญซึ่งเหมือนกับการเมืองไทย ฉะนั้นเราขอใช้คำพูดของโอบามา ชั่วคราว คือ การเมืองใหม่คนไทยต้องการ แต่ทรราชบอกว่า เราจะได้ชัยชนะเพราะประชาชนของผม"นายสมเกียรติ ระบุ


      


นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญเราไปสืบค้นวันที่ 19 ก.พ.2548 จอร์ช บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บลูแคนยอน กอล์ฟ คลับ ที่ภาคใต้ คนพวกนี้เป็นสมาคมคาร์ไลน์กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทที่ลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยี และอาวุธสงคราม โดยมีทุนจดทะเบียน 2 ล้านล้านบาท และหนึ่งในจำนวนสมาชิกนั้นก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งสืบทอดมาจนถึงยุค "นกกระยางขาว กินปลาเป็นๆ และยังเป็นปลาท้องกลมๆ"


      


"สหรัฐฯ เขาประกาศนโยบายฉะฉาน โดยคนทุกชนชั้นเข้าถึงข้อมูล ซึ่งเขาชอบนโยบายสวัสดิการนิยม คือเก็บภาษีจากคนรวยมากๆ อีกทั้งยังมีนโยบายที่จะพัฒนาประเทศไปสู่การยกเลิกสงครามในตะวันออกกลาง แล้วหันไปดูแลสวัสดิการในประเทศ พอหันมาถามคนบ้านเราว่า ป้า ทำไมถึงไม่ไปเลือกเลือกตั้ง ป้าตอบกลับมาว่า ป้ารออะไรบางอย่าง ถ้าไม่ได้สิ่งนั้น ป้าก้าวขาไม่ออก ฉะนั้นอีกไม่เกินสองสัปดาห์ จะมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่เกี่ยวกับจานดาวเทียม"นายสมเกียรติ กล่าว


      


แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่พี่น้องชาวอุดรธานี เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายขวัญชัย ไพรพนา และนายธีระชัย แสนแก้ว ที่ จ.อุดรฯ ว่า ขณะนี้ศาลประทับรับฟ้องแล้ว ข้อหามีมากถึง 16 มาตรา คือ 1.พยายามฆ่า 2.ทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส พร้อมเรียกค่าเสียหาย 1.8 ล้านบาท


      


นายสมเกียรติ กล่าวว่า ร่างคำฟ้องดังกล่าวมีใจความว่า จำเลยปลุกระดมบุคคลทั่วไปในนามชมรมคนรักอุดรฯ ประมาณ 1,000 คน ได้ตระเตรียมอาวุธหลายชนิด ทั้งขวาน มีดปลายแหลม ไม้กระบอง ท่อนไม้หน้าสาม ท่อนไม้หน้ากลมขนาดเหมาะมือ และด้ามธง ซึ่งอาวุธทุกชิดดังกล่าว อาจทำอันตรายถึงชีวิตได้ แล้วจำเลยยังร่วมกันโฆษณา ให้ชมรมคนรักอุดรฯ ฆ่าพันธมิตรฯ เหมือนศัตรู แล้วเสนอรางวัลว่า หากพันธมิตรฯ ตาย จะให้รางวัล ซึ่งการการะทำดังกล่าวต้องถูกลงโทษอย่างหนัก ฉะนั้นต้องขอสดุดีพี่น้องชาวอุดรฯ ที่ถูกทำร้ายอย่างหฤโหด ขณะเดียวกัน ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดผู้บัญชาการตำรวจภูธร จ.อุดรฯ และคณะ เกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้


 


 


 


ที่มา : ผู้จัดการ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net