Skip to main content
sharethis

19 พ.ย.51 กรีนพีซเรียกร้องให้เก็บอาหารจีเอ็มโอออกจากตลาดทั่วโลกทันที หลังรัฐบาลออสเตรียเปิดเผยงานวิจัยครั้งประวัติศาสตร์ ชี้ชัดกินอาหารจีเอ็มโอเสี่ยงทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง งานวิจัยชิ้นนี้เป็นหนึ่งในงานวิจัยไม่กี่ชิ้นในโลกที่ทำการศึกษาในระยะยาวเพื่อดูผลกระทบของพืชจีเอ็มโอที่มีต่อระบบสืบพันธุ์ในหลายชั่วอายุ ผลการศึกษาพบว่าหนูทดลองที่ถูกเลี้ยงด้วยข้าวโพดบีที ซึ่งเป็นข้าวโพดจีเอ็มโอชนิดหนึ่ง ให้ลูกหนูจำนวนลดลงและน้อยกว่าหนูที่เลี้ยงด้วยข้าวโพดปกติ


 


พืชจีเอ็มโอที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ ข้าวโพดจีเอ็มโอที่เรียกว่า NK603 x MON810 โดยมีบริษัทค้าเมล็ดพันธุ์ข้ามชาติรายใหญ่ของโลกอย่างมอนซานโต้เป็นเจ้าของ ข้าวโพดจีเอ็มโอดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาให้สามารถผลิตพิษออกมาเพื่อใช้ฆ่าแมลงได้เอง สิ่งที่เพิ่มความกังวลมากยิ่งขึ้นก็คือ ข้าวโพดจีเอ็มโอชนิดนี้ ยังมีส่วนประกอบของยาฆ่าแมลงและยากำจัดวัชพืชที่เรียกว่า "Glyphosate" ผสมอยู่ด้วย โดยในเอเชียพบว่าข้าวโพดดังกล่าวได้วางจำหน่ายในท้องตลาดเพื่อเป็นอาหารคนแล้วในประเทศฟิลิปปินส์ ภายใต้ชื่อทางการค้าว่า "DEKALB Roundup Ready Corn 2" หรือ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "DK818YG(RRC2)" โดยรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้อนุญาตให้มีการจำหน่ายข้าวโพดชนิดนี้เพื่อเป็นอาหารคนนับตั้งแต่ปี 2547 และอนุญาตให้เกษตรกรนำเมล็ดพันธุ์มาปลูกได้เองในปีถัดมา


 


งานวิจัยนี้ดำเนินการโดยกระทรวงเกษตรและสุขภาพของรัฐบาลประเทศออสเตรีย และถูกนำออกเผยแพร่เป็นครั้งแรก ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรเลีย โดยมีศาสตราจารย์ดอกเตอร์เจอเกน เซ็นเทก (Jürgen Zentek) สัตวแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยเวียนนาเป็นหัวหน้าคณะวิจัยครั้งนี้ ดอกเตอร์เจอเกน ได้กล่าวสรุปผลจากงานวิจัยชิ้นนี้ว่า ลูกหนูทดลองที่เกิดในชั่วอายุที่ 3 และ 4 ที่ถูกเลี้ยงด้วยข้าวโพดจีเอ็มโอมีความสามารถในการขยายพันธุ์น้อยกว่าหนูที่เลี้ยงด้วยข้าวโพดปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่หนูทดลองที่เลี้ยงด้วยข้าวโพดปกติสามารถขยายพันธุ์และเพิ่มจำนวนลูกหนูได้มากกว่า ซึ่งความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ที่เกิดขึ้นในหนูทดลองมีผลมาจากการเลี้ยงดูด้วยข้าวโพดจีเอ็มโอ


 


ทีมนักวิจัยได้ศึกษาผลกระทบของข้าวโพดจีเอ็มโอที่มีต่อหนูทดลองโดยใช้วิธีการศึกษาหลายรูปแบบโดยทั้งหมดเป็นการศึกษาเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของหนูทดลองในระยะยาว คือ ใช้ระยะเวลาศึกษานานถึง 20 สัปดาห์ หนึ่งในวิธีการศึกษาที่ใช้ในงานวิจัยครั้งนี้เรียกว่า การศึกษาระบบสืบพันธุ์จากการผสมพันธุ์อย่างต่อเนื่อง หรือ Reproductive Assessment by Continuous Breeding หรือ RACB ซึ่งมีการเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของลูกหนูในแต่ละชั่วอายุที่เกิดจากการผสมพันธุ์ของพ่อแม่หนูจากรุ่นเดียวกัน หนูทดลองทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มแรกเลี้ยงด้วยอาหารที่มีส่วนประกอบของข้าวโพดจีเอ็มโอ 33% ในขณะที่อีกกลุ่มเลี้ยงด้วยข้าวโพดปลอดจีเอ็มโอ ผลการศึกษาพบว่า ลูกหนูในชั่วอายุที่สามและสี่ มีขนาดตัวและน้ำหนักน้อยกว่าลูกหนูที่ถูกเลี้ยงด้วยข้าวโพดปลอดจีเอ็มโออย่างมีนัยสำคัญ


 


"ผลการศึกษาครั้งนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า ที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ยังขาดข้อมูลที่มากเพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าพืชจีเอ็มโอนั้นปลอดภัยทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและต่อสุขภาพของผู้บริโภค นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบว่าพืชจีเอ็มโอก่อให้เกิดความผิดปกติต่อร่างกายอย่างรุนแรง และเชื่อว่าคงไม่ใช่พืชจีเอ็มโอชนิดสุดท้ายที่พบว่าไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค นอกจากนี้กฎหมายที่ใช้ในการควบคุมและการอนุญาตให้มีการนำเข้าอาหารจีเอ็มโอให้คนกินนั้นมีข้อบกพร่องอยู่มาก สิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกแล้วก็คือ รัฐบาลปล่อยให้ผู้บริโภคเป็นหนูทดลองและกินอาหารจีเอ็มโอมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่กลับเพิ่งจะรู้ว่าอาหารจีเอ็มโอไม่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างรุนแรง" นางสาวณัฐวิภา อิ้วสกุล ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านเกษตรกรรมยั่งยืน กรีนพีซ เอชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว


 


"ทุกวันนี้หากเรากินอาหารจีเอ็มโอก็ไม่ต่างอะไรกับการกินยาคุมกำเนิด เพราะอาหารจีเอ็มโอทำให้เกิดปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และหากงานวิจัยนี้ยังไม่หนักแน่นหรือมีน้ำหนักมากพอ คำถามก็คือว่า แล้วเราต้องรอให้เกิดหายนะอะไรที่มากไปกว่านี้อีกถึงจะยุติอุตสาหกรรมจีเอ็มโอที่เสี่ยงเหล่านี้ได้" ดอกเตอร์เจอเกน เซ็นเทก ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุวิศวกรรม กรีนพีซสากล กล่าว


 


"ทั้งๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์อาหารจีเอ็มโอได้ว่าจะส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์อย่างไร แต่ผู้ถือกฎหมายทั่วโลก กลับยอมที่จะเอาความปลอดภัยของผู้บริโภคมาเสี่ยงกับอาหารจีเอ็มโอ โดยอ้างว่าข้าวโพดจีเอ็มโอนั้นปลอดภัยเท่า ๆ กับข้าวโพดปกติ ซึ่งความเชื่อเหล่านี้กลายเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงที่ไม่อาจยอมรับได้"


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net