Skip to main content
sharethis

 


การเมือง


 


อดีตทรท.-พปช.ดันร่างกม.ปรองดอง
มติชนออนไลน์ - ทีมกฎหมายของพรรคพลังประชาชน (พปช.) และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (ทรท.) มีแนวคิดที่จะยกร่าง พ.ร.บ.สร้างความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยจะให้ยกเลิกคดีที่เกี่ยวกับการเมืองทั้งหมด และมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่มีการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549



ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมกฎหมายของพรรคพลังประชาชน และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (ทรท.) มีการยกร่าง พ.ร.บ.สร้างความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ..... โดยมีหลักการและเหตุผลอ้างถึงสถานการณ์ความแตกแยกในชาติที่รุนแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งมีทางออก 2 ทางคือ นองเลือดกับสร้างความปรองดอง โดยวัตถุประสงค์คือ การโยนไพ่ให้เลือกระหว่างการปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดกับการยกเลิกคดีความที่เกี่ยวข้องทางการเมืองทั้งหมด ทั้งนี้ เนื้อหาของหลักการและเหตุผลบางส่วนมีการอ้างถึงเหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลาคม 2519 มาเปรียบเทียบด้วย



นายสิทธิชัย กิตติธเนศวร อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวยังเป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้น เนื้อหามี 5-6 มาตรา ซึ่งการสร้างความปรองดองจะต้องไม่มีฝ่ายแพ้และชนะ พ.ร.บ.นี้จะยกเลิกคดีความทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ในเนื้อหาจะไม่ใช้คำว่านิรโทษกรรม แต่จะใช้คำว่ากฎหมายสร้างความปรองดองแห่งชาติ ทุกคดีการเมืองต้องอโหสิกรรมกันทั้งหมด



"คดีของฝ่ายพันธมิตร แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และรัฐบาล รวมทั้งทหารที่ก่อการยึดอำนาจ องค์กรอิสระที่ถูกฟ้องร้อง รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือแม้แต่กรณีการบุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที หรือคดีหมิ่นประมาท จะได้รับการยกเลิกทั้งหมด โดยย้อนหลังไปจนถึง 19 กันยายน 2549 ทุกอย่างจะกลับไปเริ่มต้นที่ศูนย์" นายสิทธิชัยกล่าว



นายสิทธิชัยกล่าวว่า หากมีการจับกุมคุมขังใครก็ตาม รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดีประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก ก็ให้ปล่อยตัวโดยเร็วที่สุด คดียุบพรรคก็ต้องให้สิทธิกรรมการบริหารพรรคกลับคืนมา คดีความของ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอดีตกรรมการ กกต. ทั้งหมดก็ต้องถูกยกเลิกด้วย อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแนวคิด เราจะต้องหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า เห็นชอบหรือต้องการอย่างไร ตนเชื่อว่าทุกฝ่ายอยากเห็นความปรองดองในชาติ


 


"จำลอง" ชี้ "สนธิ" หมดตัวจึงประกาศสงครามครั้งสุดท้าย
มติชนออนไลน์ - พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวะนที่ 19 พ.ย.ถึงกรณีศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป ล้มละลาย หนี้ท่วมกว่า 4,700ล้านบาท ทำให้นสพ.ผู้จัดการ ออกจำหน่ายในวันที่ 19 พ.ย.เปลี่ยนหัวจาก "ผู้จัดการ" เป็น "ผู้จัดการ 2551" ชั่วคราว จนกว่าจะจดหัวใหม่ว่า "ASTV-ผู้จัดการ" ในนามของบริษัท "เอเอสทีวี" ว่า พันธมิตรฯ มีเป็นแสนๆ ล้านคน แต่คนที่เสี่ยงการสูญสิ้นทรัพย์สินมากที่สุดคือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ทั้งที่ไม่มีใครมาบังคับไม่มีใครมาขอร้องแต่เห็นว่าเป็นหน้าที่ที่ตัวเองเข้ามาเสี่ยง คงไม่แปลกใจทำไม นายสนธิบอกว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้ายเพราะเสี่ยงจนหมดแล้วจะมีครั้งหน้าเหลือที่จะไปสู้ได้อย่างไร


 


"พัลลภ" วืดตำแหน่งใน กอ.รมน.


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี ครม.พิจารณาโครงสร้างใหม่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ว่า ไม่ใช่เป็นการแก้ไขกฎหมาย แต่เป็นแค่การขอปรับโครงสร้างภายในเท่านั้น ส่วนการเสนอตำแหน่งให้กับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.กอ.รมน.เข้ามารับตำแหน่ง ผู้ช่วย ผอ.กอ.รมน. นายสมชายยืนยันว่า ไม่มีการเสนออะไรในเรื่องนี้


 



ด้าน พล.อ.พัลลภ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสาเหตุที่ ครม.ยังไม่มีการอนุมัติแต่งตั้งตำแหน่งใน กอ.รมน.ว่า น่าจะเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างใหม่ของ กอ.รมน.แต่เรื่องนี้ก็อยู่ที่ ครม.และนายกรัฐมนตรีเป็นฝ่ายพิจารณา



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรอง ผอ.รมน.จะมีการเสนอชื่อคณะที่ปรึกษา กอ.รมน. 4 ตำแหน่ง ให้คณะกรรมการอำนวยการฯ ซึ่งมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. เป็นประธาน ให้พิจารณา ประกอบด้วย พล.อ.นิพนธ์ ภารัญนิตย์ อดีตรอง ผบ.ทบ. ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) พล.อ. สนั่น มะเริงสิทธิ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 พล.อ.นพดล วัฒโนทัย นายทหารที่เคยทำงานด้านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พล.อ.เดชศักดิ์ ศิริกุล อดีต ผบ.ร.21 รอ. ซึ่งนายทหารทั้ง 4 นาย เคยทำงานในโครงการอันเนื่องพระราชดำริมาก่อน


 



เลื่อนโฟนอิน "ทักษิณ" เป็น 13 ธ.ค.


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้สัญจร กล่าวว่า ตามที่ได้มีการเลื่อนกำหนดการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ จากวันที่ 10 ธ.ค. เป็นวันที่ 14 ธ.ค. เนื่องจากเป็นวันรัฐธรรมนูญ คณะผู้จัดได้รับแจ้งจากการกีฬาแห่งประเทศไทยว่าในวันที่ 14 ธ.ค. อาคารนิมิบุตร มีกำหนดใช้รับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้จัดงานจึงได้หารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องและมีความเห็นให้เลื่อนการจัดรายการเป็นวันที่ 13 ธ.ค.นี้ โดยกำหนดเวลาโฟนอินเวลา 20.00 น.



ทั้งนี้สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกล่าวในการโฟนอินคือการประกาศจุดในการหวนกลับและจุดยืนในการต่อสู้ทางการเมือง เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกกระทำมาโดยตลอด ส่วนกรณีที่คุณหญิงพจมาน จะเดินทางกลับประเทศไทย เรื่องนี้ไม่ทราบ แต่ส่วนตัวมองว่าสามารถกลับไทยได้เพื่อต่อสู้คดี



กทม.ตั้งศูนย์ประสานงานเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แล้
มติชนออนไลน์ - นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ว่า ตนได้มีคำสั่งลงนามตั้งศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อใช้ในการสนับสนุนและดำเนินการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แทนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน แล้ว ทั้งนี้ การที่นายอภิรักษ์ ลาออกก่อนหมดวาระทำให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน นับแต่ใบลาออกมีผล



สำหรับศูนย์ประสานงานดังกล่าว นั้น ปลัดกทม.กล่าวว่า ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 สำนักงานปกครองและทะเบียน ศาลาว่าการกทม.โดยศูนย์ดังกล่าวจะมีการประชุมซักซ้อมการเตรียมการเลือกตั้ง การจัดสรรงบประมาณ การกำหนดวันรับสมัคร กำหนดวันเลือกตั้ง และแผนดำเนินการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนได้กำชับข้าราชการกทม.ทุกคนวางตัวเป็นกลาง เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม


 


ศาลปค.ยกคำร้อง3รมต.หวย ผู้ฟ้องแจงความเสียหายไม่ชัด


ผู้จัดการรายวัน - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งไม่รับคำร้องของนายสุวัตร อภัยภักดิ์ พร้อมพวกจำนวน 9 คน ที่ยื่นฟ้องนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นผู้ถูกร้องที่ 1 นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน ผู้ถูกร้องที่ 2 นายอนุรักษ์ จุรีมาศ ผู้ถูกร้องที่ 3 และครม. เป็นผู้ถูกร้องที่ 4 ที่ร้องว่า ให้ศาลปกครองมีคำสั่งยกเลิกเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 51 และเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 51 ทั้งหมด และขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งห้าม นพ.สุรพงษ์ นางอุไรวรรณ และนายอนุรักษ์ กระทำการใดๆ อันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่สถานะความเป็นรัฐมนตรีแห่งตน โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และ พ.ร.บ.ระเบียบราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 ประกอบกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จนกว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะพิพากษา


 


ทั้งนี้ เพราะศาลฎีกาฯ ได้รับคำฟ้องของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)ได้ชี้มูลความผิดว่าครม.ชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร การออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว (หวยบนดิน)ไม่ชอบ โดยรวมถึงผู้ถูกฟ้องทั้ง 3 ด้วย ซึ่งต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หลังจากที่ศาลฎีกาฯได้รับแต่ไม่ยอมหยุดปฏิบัติหน้าที่ และมีเจตนาจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย ออกมติ ครม.ในบางเรื่องที่เกี่ยวกับการเงิน การคลัง การธนาคาร ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจของประเทศ และมีการแต่งตั้งบุคคล ที่มีอำนาจในการออกประกาศ คำสั่งใดๆ อันเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่แห่งตน ที่ประชาชนและผู้ฟ้องคดีทั้ง 9 ต้องถือปฏิบัติตามอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อีกทั้งในเรื่องการเงินการคลัง การธนาคาร เป็นเรื่องที่ต้องสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กรณีดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 9 ที่ต้องยอมรับและปฏิบัติตามมติ ครม.ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย


 


จากคำฟ้องดังกล่าว ศาลปกครองได้พิเคราะห์ จากคำฟ้องแล้วเห็นว่าผู้ฟ้องคดีทั้ง 9 ไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายแต่อย่างใด ประกอบกับสำนักงานเลขาธิการ ครม.ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติงานได้ จึงไม่จัดส่งมติ ครม.ที่เป็นข้อพิพาทมาให้ศาลได้ ศาลจึงต้องพิจารณาจากคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีทั้ง 9 แต่เพียงอย่างเดียว จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าผู้ถกฟ้องคดีทั้ง 9 เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายที่จะมีสิทธิฟ้องคดีเพิกถอน มติครม.ดังกล่าว จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาและให้จำหน่ายออกจากสารบบความ


 


3 พรรคกอดคอยื่นคำชี้แจงยุบพรรคแล้ว


เว็บไซต์แนวหน้า - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายวิเชียร กลัดเจริญ ทนายความผู้รับมอบอำนาจในการว่าความคดีคำร้องขอให้ยุบพรรคพลังประชาชน เดินทางมายื่นเอกสารคำชี้แจงจำนวน 9 ชุด ชุดละ 89 หน้า ต่อคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อประกอบการพิจารณาการวินิจฉัยยุบพรรค โดยนายวิเชียร เปิดเผยว่า สำหรับคำชี้แจงในการต่อสู้คดียุบพรรคจะชี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งที่วินิจฉัยตามคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ตัดสิทธิ์นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนนั้น เป็นคำพิพากษาที่มีผลเฉพาะตัวนายยงยุทธเท่านั้น ไม่ได้มีผลผูกพันถึงคณะกรรมการบริหารพรรคทุกคน และในช่วงที่มีการกระทำความผิด นายยงยุทธ เองก็ยังไม่ได้เป็นผู้สมัครส.ส. อีกทั้งคำพิพากษาของศาลฎีกาไม่มีผลผูกพันกับการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญด้วย


 


เศรษฐกิจ


 


เจออีกนมเปื้อนเมลามีน บรูไนตีกลับสินค้าไทย1รายการ


เว็บไซต์แนวหน้า - นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ว่ ทางการฟิลิปปินส์ได้ออกประกาศจะเข้มงวด การบังคับให้สินค้าอุปโภคบริโภค ที่ผลิตในประเทศ และนำเข้ามาขายในประเทศฟิลิปปินส์ต้องติดฉลากสินค้า เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารเมลามีน และคุ้มครองผู้บริโภคให้มากขึ้นนั้น


 



ล่าสุด ทบวงสาธารณสุขไต้หวันและ กระทรวงสาธารณสุขประเทศบรูไน โดย กองควบคุมความปลอดภัย และคุณภาพอาหาร ก็ประกาศจะใช้มาตรการการตรวจสาร เมลามีนในการนำเข้าสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมจากไทย เข้มงวดมากขึ้นเช่นเดียวกัน


 



"จากที่ไทยได้ประกาศว่า พบสารเมลามีนปนเปื้อนในนมข้นจืดในปริมาณสูงทำให้ทางไต้หวันออกมาตรการตรวจสอบ ขณะที่ทางบรูไนแจ้งว่า ได้ตรวจพบสารเมลามีนปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์อาหารจำนวน 5 รายการ ในจำนวนนี้มีผลิตภัณฑ์นมจากไทย 1 รายการ โดยมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสารเมลามีนปนเปื้อนในนมและผลิตภัณฑ์นมของทั้ง 2 ประเทศ อาทิ จะต้องมีการสุ่มตรวจสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมจากไทยทุกๆ 5 ลอต และหากตรวจพบจะยุติการนำเข้าและเรียกเก็บสิ้นค้าทันที" นางอภิรดีกล่าว


 



นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน ปัญหาสินค้าอาหารมีการปนเปื้อนสารเมลามีนอย่างแพร่หลายทำให้ทุกประเทศต่างเข้มงวด และมีมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องผู้บริโภคภายในประเทศของตน ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาสินค้าถูกกักกันหรือห้ามนำเข้า ทางผู้ส่งออกควรจะต้องระมัดระวังและตรวจสอบสินค้าของตนก่อน มิให้มีสารเมลามีนปนเปื้อนเกินกำหนดตามระเบียบของประเทศผู้นำเข้าอย่างเคร่งครัด


 



ทั้งนี้ ทางกรมจะได้ติดตามและประชาสัมพันธ์ข่าวการออกมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสารเมลามีนปนเปื้อนในอาหารของประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง หากผู้ส่งออกมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ


 


คุณภาพชีวิต


 


ครม.ไฟเขียวแก้พ.ร.บ.การศึกษา7มาตรา


เว็บไซต์คมชัดลึก - นายศรีเมืองเจริญศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าครม.ให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542 ของกระทรวงศึกษาธิการซึ่งได้แก้ไขทั้งหมด 7 มาตราเพื่อให้บทบัญญัติต่างๆ ใน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติสอดคล้องต่อรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญมาตรา 49 บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่า12 ปีที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ ฯลฯ


 



รมว.ศึกษาธิการกล่าวอีกว่านอกจากนั้นยังได้แก้ไขมาตรา 12 ซึ่งกำหนดให้บุคคลครอบครัว องค์กรชุมชน ฯลฯ มีสิทธิ์จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกระทรวงนั้น ให้แก้ไขโดยตัดคำว่า ขั้นพื้นฐานออกเช่นกัน และเติมข้อความว่า โดยได้รับความคุ้มครองและส่งเสริมที่เหมาะสมจากรัฐตามที่กฎหมายกำหนด เข้าไปรวมทั้งตัดคำว่า "องค์กรวิชาชีพ" ออกไปด้วย เพราะได้เพิ่มเติมมาตรา 12/1 กำหนดให้การจัดการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพหรือเอกชนการศึกษาทางเลือกของประชาชน การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ย่อมได้รับความคุ้มครองและส่งเสริมที่เหมาะสมจากรัฐ ทั้งนี้ เพื่อให้มาตรา 12/1 นี้ล้อตามวรรคสาม ของรัฐธรรมนูญมาตรา49


 



นายศรีเมืองกล่าวด้วยว่าการจัดการศึกษาโดยครอบครัว ชุมชนมาตรา 13 และมาตรา 14 ก็ให้แก้ไขโดยตัดคำว่าขั้นพื้นฐานออก รวมทั้งมาตรา 23 การจัดการศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบการศึกษาตามอัธยาศัย ต้องให้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคมนั้น ให้เติมคำเป็น ความรู้เกี่ยวกับตนเอง ความสัมพันธ์และหน้าที่ของตนเองกับสังคม เพื่อให้สอดคล้องตามมาตรา 80 ของรัฐธรรมนูญสุดท้ายให้แก้ไขมาตรา 7 เดิมกำหนดไว้ว่าในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฯลฯ ให้เติมข้อความ "รู้รักสามัคคี ปลูกจิตสำนึกความเป็นไทย ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติ ตลอดจนค่านิยมอันดีงาม" เข้าไปด้วย


 


ต่างประเทศ


 


เอเปคเน้นหารือวิกฤติศก.โลก


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวานนี้ (19 พ.ย.) ว่า การประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย แปซิฟิก (เอเปค) ที่มีกำหนดเปิดฉากขึ้นในกรุงลิมา เปรู ระหว่างวันที่ 22-23 พ.ย.นี้ จะให้ความสำคัญกับหัวข้อวิกฤติเศรษฐกิจโลก ขณะที่นายธานี ทองภักดี รองโฆษกกระทรวงต่างประเทศ เผยว่า ไทยต้องการหารือเรื่องความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน ซึ่งอยู่ในระเบียบวาระการประชุม รวมทั้งการฟื้นการเจรจาการค้าโลกรอบโดฮา รวมทั้งหัวข้อต่างๆ เกี่ยวกับบรรษัทภิบาล (ซีเอสอาร์)


 



การประชุมครั้งนี้ ยังเป็นการประชุมใหญ่ระดับนานาชาติครั้งสุดท้ายของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดพ้นวาระในเดือนม.ค. ปีหน้า หลังทำงานครบ 8 ปี โดยความน่าสนใจอีกประการคือ การหารือระหว่างนายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีน และนายเหลียน ชาน อดีตรองประธานาธิบดีไต้หวัน ตัวแทนจากไต้หวัน ถือเป็นการพบกันครั้งแรกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทั้ง 2 ฝ่ายในการประชุมระหว่างประเทศ


 



ขณะที่นางแพทริเชีย เอ็ม ฮาสแลช ผู้อำนวยการแผนกการประชุมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเอเชีย แปซิฟิกของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า ผู้นำเอเปคทั้ง 21 ประเทศ ยังมีแผนออกแถลงการณ์ร่วมกันระหว่างการประชุมครั้งนี้ เพื่อให้คำมั่นในการฟื้นการเจรจาการค้าโลกรอบโดฮา ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้วด้วย


 



ทางด้านตำรวจเปรู เตรียมพร้อมรับมือการโจมตี ในช่วงการประชุม หลังเอกสารที่เจ้าหน้าที่ยึดจากที่พักของ "อาร์ทีมิโอ" ผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนไชนิง พาธ ของเปรู ระบุว่า การประชุมสุดยอดเอเปค เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการโจมตี เนื่องจากสามารถก่อให้เกิดความวุ่นวายและได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน


 


สายเดินเรือสิงคโปร์-สายการบินกีวี ประกาศปลดพนักงานหลังศก.ย่ำแย่


ผู้จัดการรายวัน - เศรษฐกิจที่กำลังชะลอลงทั่วโลกส่งผลกระทบกระเทือนพวกกิจการขนส่งในเอเชีย-แปซิฟิกเพิ่มขึ้นอีกวานนี้ (19) โดยทำให้ เนปจูน โอเรียนต์ ไลน์ส (เอ็นโอแอล) สายการเดินเรือทะเลยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ ประกาศลดพนักงานลงราว 1,000 ตำแหน่ง และ แอร์นิวซีแลนด์ สายการบินของแดนกีวี หั่นคน 200 ตำแหน่ง


 


เอ็นโอแอล ซึ่งเป็นกิจการเดินเรือขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ตลอดจนกิจการด้านลอจิสติกส์ ที่คุยว่าใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก แถลงว่า ตำแหน่งงานที่ลดลงคราวนี้ส่วนใหญ่จะเป็นที่อเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งบริษัทมีค่าใช้จ่ายสูงที่สุด ขณะที่ในสิงคโปร์จะมีการปลดพนักงานราว 50 ตำแหน่ง การตัดลดคราวนี้จะทำให้บริษัทประหยัดเงินในราว 200 ล้านดอลลาร์ ทว่าด้วยสภาพตลาดที่ย่ำแย่หนักในรอบเดือนที่ผ่านมา ทำให้เอ็นโอแนลคาดการณ์ว่า โอกาสที่จะทำกำไรได้ในปี 2009 นั้นอยู่ในสภาพ "มืดมัว"


 


ด้านแอร์นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของแดนกีวี แถลงว่า การลดพนักงานประจำ 200 ตำแหน่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปโดยสมัครใจคราวนี้ จะทำให้บริษัทประหยัดได้ปีละ 20 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (11 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net