Skip to main content
sharethis





สังคม-การเมือง


 


ลือ "ยอดรัก" เข้าฝันชาวบ้านถูกหวย "ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ" เสด็จพระราชทานเพลิงศพ


เว็บไซต์คมชัดลึก - ที่วัดหาดแตงโม อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นที่ตั้งศพของนายนิพนธ์ ไพรวัลย์ หรือยอดรัก สลักใจ นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ประชาชนจากทั่วสารทิศ ได้เดินทางมาทำการกราบศพของยอดรัก อดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดังเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ในวันพรุ่งนี้ในเวลา 17.00 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี จะเสด็จเดินทางมาพระราชทานเพลิงศพ


 


ส่วนการเตรียมงานในขณะนี้ ทางด้านครอบครัวไพวัลย์ ที่ได้รับความร่วมมือกับจังหวัดพิจิตร ทำการเตรียมสถานที่ใช้ในการพระราชทานเพลิงศพ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


 


นอกจากนั้น ยังมีข่าวลือว่า มีชาวบ้านหาดแตงโม เกือบทั้งหมู่บ้านถูกหวย จากเดินทางไปไหว้ศพของยอดรัก โดยมีการระบุว่ายอดรัก ได้ไปเข้าฝันจนถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล เลขท้าย 20 เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมาจำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากเดินทางมากราบไหว้ ศพยอดรักเป็นครั้งสุดท้าย และในคืนวันนี้ก็จะมีพิธีสวดศพเป็นคืนสุดท้าย ซึ่งมีชาวพิจิตรร่วมเป็นเจ้าภาพ


 


 


ปชป.อัดกลุ่มเสื้อแดง ดึงการเมืองเข้าวัด


ไทยรัฐ  - เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 24 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุม ส.ส.นัดพิเศษ ภายหลังการประชุม นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ที่ประชุมได้วิเคราะห์ถึงความชอบธรรมของรัฐบาลที่จะทำให้การเผชิญหน้าลดลง และการดำเนินกิจกรรมเชิงรุกของกลุ่มนปช.อย่างต่อเนื่อง เพราะแม้การจัดรายการความจริงวันนี้สัญจรครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่วัดสวนแก้ว จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น แต่คิดว่าการก้าวล่วงจัดรายการในวัด ถือเป็นการดึงเรื่องความเชื่อทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นการไม่สมควร รวมถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้ประชาชนส่งไปรษณียบัตรขอกราบบังคมทูลถวายฎีกา เรื่องขอนิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้น ถือเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับกระบวนการความยุติธรรม ไม่ว่าบุคคลใดก็ไม่สมควรใช้ประชาชนหรือมวลชน เข้ามากดดันสถาบันพระมหากษัตริย์หรือสถาบันยุติธรรมเกี่ยวกับการวินิจฉัยคดีอาญาต่อแผ่นดิน แนวทางนี้ถือว่าตรงกับแนวทางการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในรายการความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 2 ที่ราชมังคลากีฬาสถานที่ผ่านมา


 


 


"เทพเล็ก" บอกอย่ายก "ทักษิณ" เทียบชั้น "ปรีดี"


ไทยรัฐ - นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้กล่าวชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณ และนำมาเปรียบเทียบกับนายปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษและอดีตนายกฯ ที่ลี้ภัยออกนอกประเทศว่า มีความเหมือนกันทางการเมือง ถือว่านายจักรภพบังอาจมากที่นำ พ.ต.ท.ทักษิณมาเปรียบเทียบกับนายปรีดี ทั้งๆที่ทั้ง 2 คนเทียบกันไม่ได้ เพราะนายปรีดีเป็นรัฐบุรุษ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักโทษที่ถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปี อีกทั้งแม้นายปรีดีลี้ภัยออกไปพำนักในต่างประเทศ โดยอยู่อย่างสงบ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกปฏิวัติและพยายามเคลื่อนไหวทางการเมือง และโจมตีประเทศไทยอยู่ตลอด นายจักรภพยังพูดถึงการเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า มีอดีต รมว.ต่างประเทศคนหนึ่ง ไปร้องขอให้อังกฤษถอนวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางอย่าง คิดว่าเรื่องดังกล่าวหมิ่นเหม่ ต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอังกฤษ ไม่แน่ใจว่ามีข้อเท็จจริงประการใด แต่ถือเป็นการกล่าวหาประเทศอังกฤษ ทั้งที่ทางการอังกฤษมีเอกสิทธิ์ในการพิจารณาการให้วีซ่ากับบุคคลใดก็ตาม จึงขอให้ชี้แจงเปิดเผยว่าใครเป็นผู้ไปล็อบบี้ให้ถอนวีซ่าของอังกฤษ


 


"การที่นายจักรภพอ้างว่ามี "มิสเตอร์ที" ที่เป็นอดีต รมว.ต่างประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ปลื้ม แต่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ปลื้ม ในความหมายของนายจักรภพ นั้นหมายถึงนายเตช บุนนาค อดีต รมว.ต่างประเทศ ใช่หรือไม่ การพูดครึ่งๆกลางๆอย่างนี้ทำให้สังคมเกิดความคลางแคลงใจ และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้" ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว


 


เมื่อถามถึงการที่นายวีระ มุสิกพงศ์ ผู้ดำเนินรายการ ดังกล่าว เรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันเขียนไปรษณียบัตร 5 ล้านฉบับ เพื่อถวายฎีกาไถ่โทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นายเทพไทตอบว่า มีคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ น่าจะเคารพคำพิพากษาของศาล การที่มีการรณรงค์ประชาชนตั้งแต่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ก็ถูกต่อต้านแล้ววันนี้นายวีระได้เปิดประเด็นใหม่ โดยเปลี่ยนจาก ส.ส.มาเป็นประชาชน ด้วยการยุยงให้ประชาชน ไปขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ จึงอยากให้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่อยากเอาใจ พ.ต.ท.ทักษิณ เคารพกระบวนการยุติธรรมด้วย มิฉะนั้นบ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้


 


 






คุณภาพชีวิต


 


กลุ่มผู้หญิงข้ามเพศแฉเทรนด์ใหม่ชายไทยหันบริโภค"กระเทย"เหตุไม่ท้อง


เว็บไซต์คมชัดลึก - รมช.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 ถึงปัจจุบัน คาดว่าประเทศไทยมีผู้ใหญ่ติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 1.1 ล้านคน ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้วประมาณ 585,830 คน ยังเหลือผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ที่มีชีวิตประมาณ 532,522 คน และมีผู้ใหญ่ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 12,787 คน ทั้งนี้ในปี 2551 จากรายงานผู้ป่วยเอดส์ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาล พบว่า สาเหตุหลัก 84 % ยังมาจากการมีเพศสัมพันธ์ ที่น่าห่วงคือในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี แนวโน้มการติดเชื้ออาจขยายวงกว้างขึ้น เนื่องจากมีสื่อลามกยั่วยุและเข้าถึงได้ง่าย มีผลให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น โดยพบว่าวัยรุ่นดูหนังหรือวิดีโอโป๊เฉลี่ย 60 % โดยวัยรุ่นชายดู 82 % วัยรุ่นหญิงดู 48 % และเปิดเว็บลามกดูเฉลี่ย 35 % หรือประมาณ 1 ใน 3 ของวัยรุ่น และมีอัตราการป้องกันการติดเชื้อเมื่อมีเพศสัมพันธ์ต่ำกว่า 50 % ทั้งนี้ผู้หญิงมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยเพียง 39 % ทำให้อัตราวัยรุ่นหญิงป่วยเป็นโรคเอดส์สูงกว่าชาย 2 เท่าตัว


 


ด้าน "นก" ยลลดา เกริกก้อง สวนยศ ประธานกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศแห่งประเทศไทย มิสอัลคาซาร์ปี 2005 กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้ม หรือ เทรนด์ที่หนุ่มๆ ไทย มีอะไรกับกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าวัยรุ่น วัยหนุ่มหรือแก่ โดยมีสโลแกนที่ว่า "ประชากรจะไม่ล้นโลก ถ้าหันมาบริโภคกระเทย" เนื่องจากมีเพศสัมพันธ์กันแล้วไม่ต้องห่วงปัญหาเรื่องท้องให้รับผิดชอบ ต่างจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงจริง ๆ ปัญหาที่พบคือ ผู้ชายกลุ่มนี้ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย เพราะมั่นใจว่าไม่มีลูกแน่ ๆ แต่เรื่องนี้กลายเป็นดาบสองคม ที่ทำให้ติดโรคเอดส์ ซึ่งขอเรียนว่า ปัญหาโรคเอดส์ไม่ได้ติดเฉพาะในผู้หญิงกับผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กันเท่านั้น แต่ในกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศที่ยังไม่ได้แปลงเพศ และมีเพศสัมพันธ์กับเกย์ก็ติดโรคเอดส์ได้เช่นกัน


 


ด้านนายปรัตถกร นิ่มแสง กลุ่มฟ้าสีรุ้ง กล่าวว่า ตอนนี้ยอมรับว่ากลุ่มชายรักชายมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยปี 2550 มีผู้ติดเชื้อถึง 28.3 % ของกลุ่มชายรักชาย ที่ผ่านมากลุ่มชายรักชายได้ไปรณรงค์เรื่องโรคเอดส์ในสถานบริการมากขึ้น โดยขอให้ผู้ประกอบการจัดเตรียมถุงยางอนามัยให้ให้ผู้ไปเที่ยว แต่ก็พบว่า นักเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ได้ไปขอรับถุงยางเนื่องจากอาย อย่างไรก็ตามการวางถุงยางไว้ที่เคาท์เตอร์แต่ก็เสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย เพราะหากตำรวจเข้ามาตรวจค้นก็อาจโดนข้อหาเรื่องค้าประเวณีได้


 


 


ชาวบ้านแห่ซื้อเสื้อหนาวมือสองแน่นโรงเกลือ


เดลินิวส์ - นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกภูมิภาคของประเทศมีอากาศหนาวเย็นลง และกรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์ว่าในปีนี้อากาศจะหนาวเย็นยาวนานกว่าทุกปี ทำให้ประชาชนต้องหาเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ให้ความอบอุ่นร่างกาย ในขณะที่ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ ซึ่งเป็นตลาดชายแดนจำหน่ายเสื้อผ้ามือสองที่ใหญ่ที่สุด พบว่ามีพ่อค้าแม่ค้าจากทั่วประเทศเดินทางมาซื้อเสื้อกันหนาวมือสองไปขายตามจังหวัดต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ร้านขายเสื้อผ้าของชาวกัมพูชากว่า 3,000 ห้อง ใน 5 ตลาดมีความคึกคัก


 


นพ.พีระ กล่าวต่อว่า เสื้อผ้ามือสองเป็นที่นิยมของคนไทยมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว เนื่องจากบางตัวเป็นสินค้าแบรนด์เนม มีคุณภาพ แต่ผ่านการใช้งานแล้ว นำมาจากประเทศต่าง ๆ ทั้งแถบยุโรปและเอเชีย ทำให้มีราคาถูกเหมาะกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ประชาชนต้อง    ใช้จ่ายอย่างประหยัด พอเพียง แต่เนื่องจากเสื้อผ้า      ดังกล่าวมาจากหลายประเทศและจากแหล่งที่เราไม่รู้จัก เจ้าของเสื้อผ้านั้นป่วยเป็นโรคผิวหนังหรือโรคอันตรายอื่น ๆ หรือไม่ รวมทั้งอาจมีสิ่งสกปรกติดมากับเสื้อ ทั้งความชื้น เชื้อรา และเชื้อโรคอันตรายที่ไม่คาดคิดปะปนอยู่ และในขณะขนส่งที่ต้องอัดรวมกันมาเป็นกระสอบใหญ่ เมื่อนำมาวางขายจึงเป็นเพียงสินค้ายี่ห้อหรู แต่ไม่รู้ถึงภัยที่แฝงมากับผ้ามือสอง แม้ว่าที่ผ่านมายังไม่มีกรณีร้องเรียนจากผู้บริโภค แต่เพื่อเป็นการไม่ประมาท จึงควรนำเสื้อผ้ามือสองมาทำความสะอาดก่อนใช้


 


 


ขสมก.รื้อโครงข่ายรถเมล์


เว็บไซต์มติชน - นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ทาง ขสมก.ได้วางแผนปรับโครงข่ายและเส้นทางการเดินรถเมล์ 145 เส้นทางใหม่ เพื่อรองรับโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน และเตรียมเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) ขสมก. เห็นชอบ อย่างไรก็ตาม โครงข่ายเส้นทางรถเมล์ใหม่ดังกล่าว จะกระจายรองรับผู้โดยสารครอบคลุมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เบื้องต้นจัดแบ่งเป็นเส้นทางสายหลักและสายรอง


 


ในเส้นทางหลักจะวิ่งวนเป็นวงกลมและส่งผู้โดยสารสู่เส้นทางสายรองกระจายไปยังจุดหมายต่างๆ จะช่วยให้ประชาชนหันมานั่งรถเมล์มากขึ้น จากปัจจุบันมีผู้โดยสารประมาณ 7-8 แสนคนต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านคนต่อวัน ทั้งนี้ หลังเปิดประกวดราคาแล้ว ทาง ขสมก.จะเดินหน้าปรับโครงสร้าง ขสมก.ต่อไป โดยเฉพาะโครงการเกษียณราชการก่อนอายุโดยมีเป้าหมายปรับลดพนักงานลง 5,000-7,000 คน จะต้องใช้งบประมาณเพื่อชดเชยจำนวนหนึ่ง จะต้องนำเสนอแผนต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ด้วย


 


นายพิเณศวร์กล่าวว่า นอกจากนี้ ขสมก.ได้วางแผนปรับเปลี่ยนสีรถเมล์ใหม่ทั้งหมด ทั้งรถของ ขสมก.และรถร่วม ขสมก. โดยรถแอร์ใหม่ของ ขสมก.จะเป็นสีเหลือง ส่วนรถร่วม ขสมก.เป็นสีเหลืองคาดน้ำตาล นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะยุบรถมินิบัสเขียว เพื่อยกระดับให้เป็นรถใหม่ให้บริการประชาชน จะให้รถมินิบัส 2 คัน ยุบเป็นรถเมล์แอร์ใหม่ 1 คันสีส้ม แต่ถ้าเป็นรถร้อนของรถร่วมบริการจะต้องเป็นรถเล็ก สีชมพู ทั้งนี้ปัจจุบันมีรถบริการรวม 6,500 คัน เปลี่ยนเป็นรถใหม่แล้ว 1,200 คัน


 


"ต่อไปรถเมล์ใหม่ นอกจากจะมีตัวรถใหม่แล้วยังเปลี่ยนสีใหม่ด้วย เพื่อแยกแยะให้ทราบว่ารถเมล์คันใดเป็นของ ขสมก.หรือรถร่วม เพราะจะมีบริการที่แตกต่างกัน ส่วนรถตู้ของ ขสมก.ได้มีการปรัปปรุงเป็นรถใหม่ มีที่นั่งสะดวกกว่าเก่า ตัวรถสีขาวคาดสีม่วง-ชมพู และเริ่มวิ่งให้บริการแล้ว ทางบอร์ด ขสมก.มีมติให้นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กรรมการ ขสมก.เป็นประธานจัดระเบียบการให้บริการรถตู้"


 


 






ต่างประเทศ


 


ชาติเอเปคประกาศ ลุยแก้วิกฤตเงินโลก บรรเทาใน 18 เดือน


เว็บไซต์มติชน - ผู้นำเอเปคประกาศจะแก้ไขวิกฤตการเงินโลกให้บรรเทาลงได้ภายใน 18 เดือน ระบุมีมาตรการพิเศษเร่งด่วน แต่ยังอุบไต๋รายละเอียด ขณะที่ยังกังวลกับราคาอาหารที่ไร้เสถียรภาพ พร้อมให้คำมั่นว่าจะต่อสู้กับการคอร์รัปชั่นและการปล้นสะดมทางทะเล ย้ำร่วมสู้ภาวะโลกร้อน "สมชาย"ร่วมงานเลี้ยงผู้นำที่ทำเนียบรัฐบาลเปรู บ่นเสียใจทำเนียบไทยถูกยึด


 


เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน สำนักข่าวเอพีรายงานว่า บรรดาผู้นำ 21 ชาติของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ครั้งที่ 16 ร่วมกันยืนยันเพื่อสร้างความมั่นใจกับทั่วโลกว่าปัญหาวิกฤตการเงินโลกสามารถแก้ไขให้บรรเทาเบาบางลงได้ภายในระยะเวลา 18 เดือน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักว่าพวกเขาคาดหวังว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือว่ารัฐบาลของพวกเขาจะช่วยได้อย่างไรบ้าง


 


ผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจเอเปคซึ่งเป็นตัวแทนของกำลังผลิตมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลกยังได้ให้สัญญาในระหว่างการประชุมเป็นเวลา 2 วัน ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู ว่าจะไม่ออกมาตรการใดๆ ที่จะเป็นการกีดกันทางการค้าในปีหน้าและเร่งรัดการเจรจาการค้าขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) รอบโดฮาที่ค้างอยู่


 


ผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค คือการประกาศสนับสนุน "คำประกาศวอชิงตัน" ของผู้นำกลุ่มประเทศร่ำรวยและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ 20 ชาติ (จี 20) ที่มีขึ้นในการประชุมที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ทุกประเทศ ให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักษาระบบการค้าเสรีไว้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันที่ให้ปกป้องอุตสาหกรรมภายในของแต่ละประเทศ งดเว้นการออกมาตร การใดๆ ที่จะเป็นการกีดกันทางการค้า บริการ และการลงทุนใหม่ๆ ขึ้นมา หรือการกำหนดมาตรการเข้มงวดใดๆ กับการนำเข้า-ส่งออกสินค้าในช่วง 12 เดือนข้างหน้า พร้อมกันนั้นก็พยายามหาหลักประกันให้แน่ใจว่าธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางจะยังคงได้รับสินเชื่อมากพอที่จะอยู่ได้ต่อไป


 


ผู้นำเอเปคยังแสดงความมั่นใจว่าวิกฤตการเงินโลกที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้จะสามารถแก้ไขได้ภายในกลางปี 2553 แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ กล่าวถึงแผนการอื่นๆ นอกเหนือไปจากวิธีการ   ที่ประกาศไว้จากการประชุมจี 20 โดยในถ้อย แถลงของผู้นำเอเปคระบุว่า "พวกเรามั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้นได้ในระยะเวลา 18 เดือน เราได้ปฏิบัติตามมาตรการพิเศษเร่งด่วนเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับภาคการเงินของเราและสร้างความเข้มแข็งให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ"


 


โดยถ้อยแถลงแสดงความมั่นใจนั้นได้รับการเพิ่มเข้าไปเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนในปฏิญญาที่บรรดาผู้นำลงชื่อไว้ตั้งแต่เมื่อ 1 วันก่อนหน้านี้ คณะผู้แทนจากหลายชาติระบุว่ามีการเปลี่ยน แปลงถ้อยคำเกิดขึ้นในช่วงกลางคืนจากการร้องขอของประธานาธิบดีอลัน การ์เซีย ของเปรู ชาติเจ้าภาพในการประชุม


 


ประธานาธิบดีการ์เซียกล่าวว่า "เราเห็นพ้องกันว่า การหารือครั้งนี้ให้ข้อสรุปที่ชัดเจนและหนักแน่นซึ่งได้ทำลายวงจรอุบาทว์ของความทุกข์ทรมานและความไม่แน่นอน พวกเรารวมกันเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชากรของโลกนี้ รัฐบาลและภาคธุรกิจกำลังจะเอาชนะวิกฤต"


 


ทั้งนี้ ระยะเวลา 18 เดือนนั้น พอดีกับ  การคำนวณของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งทำนายว่าประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีอัตราการเติบโตน้อยมากแค่ 0.1% ในปี 2552 และโลกจึงจะสามารถหลุดพ้นจากวิกฤตได้ในปี ถัดไป ที่สำคัญกว่านั้นคือการที่ผู้นำเอเปคเห็น พ้องต้องกันที่จะส่งตัวแทนระดับรัฐมนตรีไปเข้าร่วมการประชุมที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในเดือนหน้าเพื่อเร่งรัดการเจรจารอบโดฮาของดับเบิลยูทีโอ ซึ่งความกังวลในเรื่องวิกฤตการเงินโลกเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความเร่งรีบที่จะฟื้นการเจรจารอบโดฮาที่ล้มเหลวไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา


 


ในคำประกาศฉบับสุดท้ายผู้นำเอเปคระบุว่า พวกเขามีความกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความไร้เสถียรภาพของราคาอาหาร และให้คำมั่นสัญญาว่าจะต่อสู้กับการคอร์รัปชั่นและการปล้นสะดมทางทะเล รวมทั้งสนับสนุนความร่วมมือในระยะยาวอย่างแน่วแน่และมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน


 


เอเอฟพีรายงานว่า ผู้นำ 21 ชาติของเอเปคยังคงปิดการประชุมโดยรักษาไว้ซึ่งประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ด้วยการสวมใส่เครื่องแต่งกายประจำชาติของประเทศเจ้าภาพ ซึ่งในที่นี้คือ     ชุดปองโชสีน้ำตาลของเปรู ทำจากขนของตัว อัลปากาซึ่งเป็นสัตว์คล้ายแกะจำพวกลามะและถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน


 


นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ภายหลังการประชุมผู้นำเอเปคที่ประเทศเปรู ว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐ กิจ โดยหลายประเทศเริ่มมีการผลักดันการเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ซึ่งไทยพร้อมเจรจากับประเทศที่มีความพร้อม และยืนยันว่าต้องได้รับผลประโยชน์มากกว่าผลเสีย นอกจากนี้ไทยได้หยิบ ยกประเด็นมาพูดคุยในที่ประชุม 2 เรื่อง คือ 1.การเปลี่ยนแปลงบรรยากาศของโลก และนำไปสู่ปัญหาอุทกภัยและภัยพิบัติต่างๆ โดยเฉพาะสึนามิ ทั้งนี้ไทยเสนอต่อที่ประชุมให้มีระบบเตือนภัยที่เชื่อมโยงกันระหว่างอาเซียนกับเอเปคให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น 2.ความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งการก่อการร้ายข้ามชาติ การค้ามนุษย์ โดยไทยพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่


 


"ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ผู้นำเอเปคได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกันในชุดพื้นเมืองของชาวเปรู ก่อนลงนามในปฏิญญาเอเปค จากนั้นประธานาธิบดีเปรูเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้นำเอเปค ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งใหญ่โตและทันสมัยมาก เห็นแล้วนึกถึงทำเนียบรัฐบาลบ้านเรา ก็รู้สึกเสียใจที่มีการบุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล จนทำให้ภาพของประเทศเสียหาย" นายสมชายกล่าว


 


 


รัสเซียโต้จอร์เจียจัดฉากยิงผู้นำป้ายสี


เดลินิวส์ - ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและจอร์เจียพุ่ง นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย โต้จอร์เจียจัดฉากยิงขบวนรถประธานาธิบดีตัวเอง แล้วโยนความผิดให้รัสเซีย


 


รัสเซียและจอร์เจียต่างกล่าวหาซึ่งกันและกัน กรณีเหตุการณ์ยิงกันใกล้ขบวนรถยนต์ของประธานาธิบดีมิคาอิล ซาคาชวิลลี ของจอร์เจีย และประธานาธิบดีเลค คาซินซกี ของโปแลนด์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่ จอร์เจีย จัดพิธีครบรอบปีที่ 5 ของการ "ปฏิวัติดอกกุหลาบ" สนับสนุนตะวันตก โดยจอร์เจียกล่าวหาทหารรัสเซียที่ประจำการอยู่ใกล้กับเซาท์ ออสเซเทีย ดินแดนกบฏของจอร์เจียว่าเปิดฉากยิงปืนเข้าใส่ ขณะขบวนรถยนต์ของประธานาธิบดีซาคาชวิลลีและประธานาธิบดีคาซินซกี เคลื่อนผ่าน


 


ประธานาธิบดีคาซินซกี  กล่าวในเวลาต่อมาว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่า การยิงมีเป้าหมายที่ขบวนรถ หรือเป็นการยิงขึ้นอากาศกันแน่ และไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ


 


อย่างไรก็ตาม นายลาฟรอฟปฏิเสธข้อกล่าวหาของจอร์เจีย และกล่าวหาจอร์เจียคืนว่าจงใจยั่วยุ พร้อมระบุว่า เหตุการณ์ยิงใกล้ขบวนรถของผู้นำจอร์เจียและโปแลนด์ เป็นแผนการของจอร์เจียจัดฉากขึ้นเพื่อต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของรัสเซีย และพันธมิตรแบ่งแยกดินแดน รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า ไม่มีการยิงปืนจากฐานที่มั่นของรัสเซียและเซาท์ ออสเซเทีย และขอบอกว่า จอร์เจียอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว


 


สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ ของรัสเซียรายงานอ้างคำกล่าวของนายลาฟรอฟที่กล่าวในเปรูเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า นี่เป็นการยั่วยุอย่างชัดเจน มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พวกเขาทำทุกสิ่งทุกอย่างแล้วโยนความผิดไปให้ฝ่ายรัสเซียและเซาท์ ออสเซเทีย


 


แม้ว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์การยิงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในจอร์เจีย ใกล้เขตแดนที่กองทัพรัสเซียและเซาท์ ออสเซเทีย ควบคุมอยู่ แต่ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดที่ยังคงคุกรุ่นอยู่จากสงครามระหว่างรัสเซียและจอร์เจียในเดือนส.ค. ที่ผ่านมา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net